px

เรื่อง : เนตรเซียนทะลุสมบัติ
ตอนที่ 27 แท่นฝนหมึกกู้


ตอนที่ 27 แท่นฝนหมึกกู้

หลังจากที่หยางโปรออยู่ครู่หนึ่งเขาก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าทันใดนั้นฟางหยวนก็เดินกลับมาพร้อมกับถุงในมือของเขาด้วยท่าทางที่เร่งรีบ

“คุณหยาง ขอโทษทะ...แฮ่กๆ...ที่ทำให้รอนะครับ...แฮ่กๆ” ฟางหยวนพูดขึ้นพร้อมกับเสียงหอบ

หยางโปชะงักขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มพร้อมกับตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไรครับ ไม่นานเท่าไหร่ คุณอยู่ใกล้แถวนี้สินะครับ”

ฟางหยวนเองก็ชะงักขึ้นมาเช่นเดียวกันเพราะจู่ๆเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองได้พูดอะไรบางอย่างผิดพลาดออกไป เพราะระหว่างการสนทนาก่อนหน้านี้ทั้งสองไม่ได้แนะนำตัวหรือบอกชื่อของตัวเองให้อีกฝ่ายทราบเพราะนี่จะเป็นการแลกเปลี่ยนซื้อขายเพียงครั้งเดียวและไม่มีการซื้อขายเป็นครั้งที่สอง จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแนะนำตัวให้อีกฝ่ายรู้จัก ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้ชื่อของอีกฝ่ายในเวลานี้

เขาจึงทำได้เพียงยิ้มกลบเกลื่อนออกมาพร้อมกับมองดูสีหน้าของหยางโปว่ามีปฏิกิริยาอย่างไร ทว่าหลังจากที่เห็นว่าสีหน้าของหยางโปเกิดความสงสัยเพียงเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถามอะไรเขามากไปกว่านั้น เขาก็เกิดความกระวนกระวายใจขึ้นมา แต่ก็ตอบกลับไปด้วยท่าทางปกติว่า “ใช่ครับๆ เอ่อ ผมเอาของมาให้คุณดูเพิ่มด้วย ลองดูก่อนสิครับ”

หยางโปยิ้มทว่าภายในใจของเขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้แนะนำตัวเอง การที่อีกฝ่ายรู้ชื่อของเขาแสดงว่าจะต้องมีการเตรียมตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว ใครกันนะที่เป็นคนส่งคนๆนี้มาหาเขาในครั้งนี้?

ตอนนี้หยางโปสังเกตเห็นพิรุธแล้ว ทว่าใบหน้าของเขาก็ยังคงแสดงอาการเหมือนกับปกติราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนที่จะรับรูปปั้นพระพุทธรูปมาดูก่อนที่จะยื่นกลับไปโดยไม่พูดอะไรออกมา

 

หลังจากนั้นหยางโปก็หยิบกระดานงาช้างจากอีกฝ่าย ของชิ้นนี้เป็นของใช้ในสมัยก่อนซึ่งจะถูกใช้ในช่วงเวลาที่เสนาบดีว่าราชกิจเพื่อป้องกันไม่ให้ลืมในสิ่งที่ต้องการจะทูลเกล้าถวายรายงานกับจักรพรรดิ พวกเขาจะจดสิ่งที่ต้องการจะรายงานลงบนกระดานนี้ซึ่งเทียบเท่าได้กับการจดโน๊ตลงในสมุดบันทึกในปัจจุบัน หลังจากดูของตรงหน้าแล้วเขาก็ยื่นกลับไปให้ฟางหยวนทันที

และของชิ้นสุดท้ายก็คือแท่นฝนหมึก ของชิ้นนี้มีความแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่เขาเห็นมาก รูปร่างของมันดูธรรมดาราวกับเป็นก้อนอิฐก้อนหนึ่งไม่ได้มีลายเส้นอะไรอยู่บนนั้น มีเพียงแค่ตรงบริเวณก้นของมันที่มีตัวอักษรจารึกแบบง่ายๆว่า “กู้” เพียงพยางค์เดียวและไม่มีรายละเอียดอื่นๆนอกเหนือจากนี้

หยางโปแอบผิดหวังอยู่ลึกๆ คนที่จะหลอกเขาดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีฝีมือเลยสักนิดถึง แม้ว่าของที่นำมาจะดูดีในระดับหนึ่งแต่มันต่างก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษเลย ทันใดนั้นหางตาของเขาก็เกิดแสงที่สว่างออกมา ก่อนหน้านี้หยางโปไม่ได้สนใจกับของชิ้นนี้และไม่ได้ตั้งความหวังอะไรไว้กับมันด้วย ทว่าความหนาของเส้นแสงที่ปรากฏขึ้นกลับทำให้เขาเกิดอาการตกตะลึงขึ้นมา

แท่นฝนหมึกชิ้นนี้อยู่ใช้ยุคของจักรพรรดิยงเจิ้งซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้นึกถึงมาก่อน ทว่าหลังจากที่ดูอย่างละเอียดแล้ว หยางโปก็พบว่านอกจากความแปลกประหลาดของเส้นแสงที่อยู่ด้านหน้าของเขาแล้ว มันยังดูเหมือนว่าจะมีการแบ่งเส้นแสงออกมาเป็นสองส่วนด้วย แม้ว่ามันจะมีการทับซ้อนกันทว่าความหน้าของแสงกลับมาความแตกต่าง เพราะเส้นหนึ่งมีความหนาส่วนอีกเส้นมีความเบาบางซึ่งดูเหมือนว่าจะอยู่ในยุคหมินกว๋อ

หยางโปเกิดอาการชะงักไปชั่วขณะเพราะเขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ของชิ้นนี้เยี่ยมเลยใช่ไหมล่ะ?” ฟางหยวนเห็นหยางโปถือแท่นฝนหมึกด้วยท่าทางตกตะลึง เขาก็เกิดอาการดีใจขึ้นมา เพราะก่อนหน้านี้เขาคิดว่าในบรรดาของทั้ง 3 ชิ้นนี้สิ่งที่ไม่น่าจะขายได้ที่สุดคงจะเป็นแท่นฝนหมึกชิ้นนี้ ทว่าหลังจากที่เห็นท่าทางของหยางโปที่ดูเหมือนว่าจะสนใจชิ้นนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งขึ้นมา

 

หยางโปส่งแท่นฝนหมึกกลับไป “ก็เฉยๆนะ ดูเหมือนว่าจะเทียบเท่ากับของก่อนหน้านี้ที่คุณเอามาก่อนหน้านี้ไม่ได้”

เป็นเพราะเขาอยู่กับวงการนี้มาเป็นเวลานานจึงทำให้เขารู้วิธีการพูด ตอนนี้ใจของเขาต้องการที่จะซื้อแท่นฝนหมึกชิ้นนี้แต่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายคงจะเตรียมการมาอย่างดีแล้วและคงจะไม่ขายออกมาให้เขาได้ง่ายๆ และการเจรจาต่อรองเหล่านั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เกิดผลเท่าไหร่นัก

ฟางหยวนยิ้มออกมาหลังจากที่อีกฝ่ายเอ่ยปากพูด ดูเหมือนว่าจะมีหวังสำหรับเขาแล้วสินะ “พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะอันที่จริงของแต่ละชิ้นต่างก็มีจุดเด่นของพวกมัน แท่นฝนหมึกชิ้นนี้เป็นของโบราณและมีความสง่างาม ถือเป็นทางเลือกที่ดีอย่างมากเลยล่ะ”

หยางโปถามราคาโดยไม่อ้อมค้อม “ชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่?”

ฟางหยวนไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป เขารู้ดีว่าถ้าหากของชิ้นนี้ถูกขายออกไปได้ก็ถือว่างานของเขาสำเร็จ แต่หากบอกราคาที่แพงออกไปหยางโปอาจจะไม่แม้แต่ที่จะต่อรองราคาเขาเหมือนกับก่อนหน้านี้ เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “ราคาของชิ้นนี้จะต่ำกว่าของชิ้นอื่น ฉันขาย 50,000 หยวน”

หยางโปส่ายหน้า “200 หยวน”

“ห้ะ? 200หยวน? ล้อเล่นรึเปล่าเนี่ย? ราคาต้นทุนของชิ้นนี้แพงกว่าราคา 200 หยวนถึงร้อยเท่าเลยนะ!” ฟางหยวนพูดขึ้นราวกับว่าเผลอหลุดพูดราคาต้นทุนออกมา

หยางโปไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายชะงักไปหลังพูดจบ เขาก็คิดว่าชายตรงหน้าดูเหมือนว่าจะมีประสบการณ์ในการเจรจาอย่างมาก “ถ้าหากคุณคิดว่าของชิ้นนี้มีราคาแพงถึง 40,000-50,000 หยวน งั้นคุณก็เอาไปขายคนอื่นเถอะ ”

 

พูดจบ หยางโปก็หมุนตัวกลับไปก่อนที่เริ่มนับเลขในใจ ถ้าหากอีกฝ่ายต้องการจะให้หยางโปติดกับจริงๆ ชายคนนั้นจะต้องรั้งเขาไว้แน่นอน

ก้าวที่ 1 ก้าวที่ 2...... ก้าวที่ 5......

“เดี๋ยวก่อน” อีกฝ่ายพูดขึ้นเพื่อรั้งหยางโปไว้ “โอเคๆ ฉันให้นาย 20,000 หยวน ต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ”

หยางโปหันกลับมา “ได้”

หลังจากเจรจาจบทั้ง 2 ฝ่ายก็ไปที่ธนาคารเพื่อทำการโอนเงินพร้อมกับเซ็นต์สัญญาแบบง่ายๆในทันที

หยางโปหยิบแท่นฝนหมึกที่มีลักษณะคล้ายกับอิฐพร้อมกับคิดในใจว่าหรือว่าคนสมัยก่อนจะสร้างของชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อใช้ทำอย่างอื่นด้วยนะ? ยกตัวอย่างเช่น...เอาไว้ทุบหัวคน?

……

ฟางหยวนยิ้มก่อนที่จะกลับไปหาเถ้าแก่เจี่ยอย่างรวดเร็ว

“สำเร็จรึเปล่า? ขายออกไปเท่าไหร่? ” เถ้าแก่เจี่ยถามอีกฝ่ายด้วยความรีบร้อน

ฟางหยวนยิ้มก่อนที่จะตอบกลับไปว่า “40,000 หยวน!”

เถ้าแก่เจี่ยได้ยินเช่นนั้นเขาก็ไม่รู้เลยว่าราคาที่อีกฝ่ายพูดนั้นเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว เขาจึงหัวเราะออกมา “เยี่ยม! ทำได้ดีมาก! เดี๋ยวฉันจะจ่ายให้นายเพิ่ม 10,000 หยวน หวังว่านายจะเก็บเรื่องนี้ให้เป็นความลับนะ”

ฟางหยวนพยักหน้าพร้อมกับภายในใจที่เบิกบานราวกับดอกไม้ ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนได้ทำการตกลงไว้ว่าของที่นำออกไปขายจะเป็นของจากเถ้าแก่เจี่ยทั้งหมด และยิ่งเขาขายออกไปได้ราคาสูงมากเท่าไหร่ก็จะได้รับเงินคืนกลับไปมากเท่านั้นซึ่งมันก็ถือว่าเป็นเงินค่าปิดปากของอีกฝ่ายด้วย จึงทำให้ฟางหยวนเลือกที่จะบอกราคาที่สูงกว่าที่ขายออกไป ฟางหยวนเองก็พอจะมองออกมาทั้งสองคนนี้คงจะต้องมีเรื่องอะไรกันมาก่อนแน่ๆ ไม่เช่นนั้นเถ้าแก่เจี่ยคงจะไม่ทำเช่นนี้

หลังจากยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง เถ้าแก่เจี่ยก็นึกขึ้นมาได้ “ฟางหยวนนายขายของชิ้นไหนออกไป?”

ฟางหยวนไม่ได้พูดอะไรแต่ยื่นของที่เหลือออกมา

ตอนที่รูปปั้นพระพุทธรูปถูกดึงออกมา ภายในใจของเถ้าแก่เจี่ยก็คิดได้ทันทีว่าของที่หยางโปซื้อไปจะต้องเป็นกระดานงาช้างแน่ๆ หึหึ เขาคงจะไม่รู้สินะว่านั้นเป็นงาช้างที่ถูกทำขึ้นมาอีกทีซึ่งมันเป็นกระดูกวัวขนาดใหญ่ที่ผ่านการฟอกขาวมาก่อนหน้านี้

ทว่า หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายหยิบกระดานงาช้างออกมา เถ้าแก่เจี่ยก็เกิดอาการชะงักไปในทันที หลังจากผ่านไปได้ครู่หนึ่งสติของเขาก็กลับมาอีกครั้ง “หยางโปซื้อแท่นฝนหมึกไปเหรอ?”

“ใช่แล้วเถ้าแก่เจี่ย ดูสิผมทำเงินให้เถ้าแก่ได้ตั้งเยอะเลยนะเนี่ย ดูเหมือนว่าของชิ้นนั้นคงจะขายไม่ออกด้วยสิ! ฮ่าๆๆๆ” ฟางหยวนหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าภูมิใจ

เถ้าแก่เจี่ยพยักหน้า ทว่าภายในใจของเขากลับรู้สึกสงสัยขึ้นมาก่อนที่จะหันไปถามฟางหยวนต่อว่า “แท่นฝนหมึกชิ้นนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นของที่สร้างขึ้นในยุคหมินกั๋วไม่มีการตกแต่งอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว คิดไม่ถึงเลยนะว่าเจ้าเด็กนั่นจะกล้าซื้อไปด้วยจำนวนเงินที่แพงขนาดนั้น”

ฟางหยวนพยักหน้า “ผมเองก็แปลกใจเหมือนกัน แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อเขาซื้อไปแล้วก็ถือว่าพวกเราประสบความสำเร็จแล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปสนใจเรื่องพวกนั้นแล้วล่ะ!”

รีวิวผู้อ่าน