
1202 วันที่แล้ว
สนุกจริง
ตอนที่ 26 แท่นฝนหมึก
หลังจากหยางโปลงจากรถสาธารณะแล้ว เขาก็เดินไปตามทางพร้อมกับกวาดสายตามองบรรยากาศที่คุ้นเคย ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเดินมาจนถึงจุดนี้ได้ และจากแผนการเดิมที่เขาคิดไว้การที่เขาจะก้าวมาถึงจุดนี้อายุของเขาก็คงจะแตะ 40 กว่าไปแล้ว แต่ตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกลับรวดเร็วกว่าที่เขาคิดไว้มาก
หลังจากที่เดินเข้ามาในซอยเล็กๆที่ห่างจากร้านกู่เต๋อจายออกไปไม่ไกล หยางโปก็เห็นชายอายุราวๆ 30 กว่าปีที่มีถุงแขวนอยู่รอบเอวที่มีท่าทางที่น่าสงสัย
หยางโปมองไปที่คนๆนั้นเพียงครู่เดียวและเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย ก่อนหน้านี้เขาก็เคยเห็นพวกคนขายของแบบนี้มาก่อน คนเหล่านี้ไม่มีการจัดวางแผงลอยเหมือนกับที่อื่นๆ แต่พวกเขาจะใช้วิธีการเดินไปมาตามซอยเพื่อรอคนที่เดินผ่านไปมาแถวนั้น หลังจากที่พวกเขาเจอเหยื่อแล้วพวกเขาก็จะทำการลากคนเหล่านั้นไว้เพื่อทำการเจรจาขายของทันที ของที่อยู่ในมือของคนเหล่านี้มีราคาที่ค่อนข้างสูง และหยางโปก็ไม่คิดที่จะซื้อของจากคนเหล่านี้ด้วย
“นี่น้องชายสนใจแท่นฝนหมึกไหม?”
หยางโปที่กำลังจะเดินผ่านไปถูกอีกฝ่ายลากแขนไว้พร้อมกับมืออีกข้างที่กำลังถือแท่นฝนหมึกอยู่
“ไม่สนใจครับ” หยางโปมองไปที่แท่นฝนหมึกสีดำสนิทตรงหน้าที่มีฝุ่นเกาะจำนวนมาก ทันทีที่เห็นมันหยางโปรู้ได้ทันทีว่ามันคือของปลอม
“น้องชายมาดูก่อนสิ ฉันยังมีของอีกเยอะแยะเลยนะ” อีกฝ่ายยังคงไม่ยอมปล่อยมือพร้อมกับเปลี่ยนเป็นของชิ้นใหม่ออกมาให้หยางโปเลือก
หยางโปส่ายหน้า “ไม่ดีกว่า ตอนนี้ผมไม่มีเงินจะซื้อของพวกนี้”
ได้ยินเช่นนั้นอีกฝ่ายก็มั่นใจอะไรบางอย่างขึ้นมาก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า “นี่น้องชาย คนที่มาเดินอยู่บนถนนโบราณพวกนี้จะไม่มีเงินได้ยังไงกัน?”
หยางโปสังเกตเห็นแท่นฝนหมึกที่มีลักษณะคล้ายกับลูกพีชอีกชิ้นในมือของอีกฝ่าย ซึ่งมันเป็นหนึ่งในสี่แท่นฝนหมึกที่มีชื่อเสียงที่โด่งดังที่สุดและถูกผลิตในเมืองจ้าวชิ่งมณฑลกวางตุ้ง “ขอดูแท่นฝนหมึกชิ้นนี้หน่อย”
หลังจากที่เห็นว่าหยางโปไม่ปฎิเสธเขา อีกฝ่ายก็เกิดอาการดีใจขึ้นมาพร้อมกับรีบยื่นแท่นฝนหมึกให้หยางโปในทันที
หยางโปตรวจสอบแท่นฝนหมึกตรงหน้าที่มีรูปร่างคล้ายกับลูกพีชเล็กๆ อีกทั้งยังมีการแกะสลักใบพีชหลายใบไว้ที่ด้านแท่นฝนหมึกด้วย ซึ่งมีความตื้นและแบนถือว่าเป็นรูปร่างที่สมบูรณ์
ก่อนหน้านี้หยางโปไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับแท่นฝนหมึกตวนเยี่ยน แม้ว่าเขาจะรู้เกี่ยวกับลักษณะของแท่นฝนหมึกมาบ้างเล็กน้อยแต่เขาก็ยังไม่สามารถที่จะประเมินราคาได้ หลังจากพลิกแท่นฝนหมึกดูเขาก็พบว่าที่ก้นของมันมีการแกะสลักอักษร 5 พยางค์เล็กๆว่า “ฉิงเสว่จวงจู่เหริน”
“แท่นฝนหมึกชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่?” หยางโปถามขึ้นพร้อมกับหรี่ตามองของตรงหน้า
“100,000 หยวน” อีกฝ่ายตอบกลับมาในทันทีโดยไม่ลืมที่จะอธิบายต่อว่า “ตอนนี้แท่นฝนหมึกหาได้ยากแล้ว แถมเหมืองหินก็ไม่มีแล้วด้วย จำนวนในการผลิตจึงมีอยู่อย่างจำกัดและน้อยนิด มีหลายชิ้นที่ไม่ได้มีรูปทรงแบบดั้งเดิมแล้ว ของชิ้นนี้ถือว่าเป็นแท่นฝนหมึกที่ดีที่สุดแถมยังไม่ใช่ของที่จะตกไปอยู่ในมือของใครได้ง่ายๆด้วยนะ มันเป็นของที่ถูกผลิตขึ้นมาในยุคราชวงศ์ชิงตอนต้น เป็นของที่หายากมากๆเลยล่ะ! ”
ทันใดนั้นดวงตาของหยางโปก็เปล่งประกายขึ้นพร้อมกับแสงที่เกิดการรวมตัวกันอยู่ตรงกลางของแท่นฝนหมึกเพียงจางๆ ทันทีที่เห็นแสงตรงหน้า ความสนใจของหยางโปก็หายไปในทันที
หยางโปยื่นแท่นฝนหมึกกลับไป “แพงเกินไป ผมไม่มีปัญญาซื้อหรอก”
อีกฝ่ายชะงักไปเพราะไม่คิดว่าหยางโปจะตอบกลับมาเช่นนี้ แต่เป็นเพราะคนทำธุรกิจต่างก็ตระหนักเกี่ยวกับเหตุผลในการซื้อขายและต่อรองราคาเป็นอย่างดี เขาจึงยิ้มด้วยสีหน้าเจื่อนๆก่อนที่จะหยิบอีกชิ้นยื่นมาตรงหน้าหยางโป “นี่ๆ ลองดูชิ้นนี้ก่อนสิ”
หยางโปกวาดตามองก่อนที่จะส่ายหน้า “ไม่ดีกว่า ผมไม่อยากดูแล้ว เพราะยังไงก็ไม่มีปัญญาซื้อหรอก”
“นี่น้องชายใจเย็นๆก่อนสิ ยังมีของที่เหมาะกับนายอีกนะ” อีกฝ่ายยิ้มก่อนที่จะหยิบแท่นฝนหมึกออกมาอีกสามชิ้น ซึ่งสองชิ้นในนั้นคือแท่นฝนหมึกตวนเยี่ยน
หยางโปยิ้ม “ดูเหมือนว่า คุณจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการขายแท่นฝนหมึกตวนเยี่ยนเลยนะเนี่ย?”
“ก็ประมาณนั้นแหละ อันที่จริงในบรรดาแท่นฝนหมึกที่มีชื่อเสียงทั้ง 4 ฉันชอบแท่นฝนหมึกตวนเยี่ยนมากที่สุด”
หยางโปหยิบแท่นฝนหมึกมาดูอีกครั้งก่อนที่จะยื่นกลับไปอย่างรวดเร็ว “ไม่ดีกว่า”
อีกฝ่ายเริ่มเกิดอาการร้อนใจขึ้นมาเพราะดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถขายของพวกนี้ให้กับหยางโปได้ เขาใช้มือทั้งสองข้างกดไปที่อีกฝ่าย “นายรอฉันแปบนึงนะเดี๋ยวฉันจะกลับไปหยิบของมาเพิ่มให้นายดู ฉันแน่ใจว่าต้องมีของที่นายอยากได้แน่ๆ”
หยางโปส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ของพวกนี้แพงเกินไปผมไม่เอาดีกว่า อีกอย่างตอนนี้ผมมีธุระด้วย ไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะ”
อีกฝ่ายยังคงยื้อหยางโปไว้ “น้องชายอย่าเพิ่งรีบร้อนสิ ขอเวลาแค่ 5 นาทีนะ ฉันขอกลับไปเอาของมาก่อนที่ๆฉันอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลเลย นายรอฉันแค่แปบเดียวเดี๋ยวฉันมา”
พูดจบยังไม่ทันที่จะให้หยางโปตอบรับอะไรกลับมา อีกฝ่ายก็รีบวิ่งออกไป
หยางโปนิ่งไปชั่วขณะเพราะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ หรือเขาต้องการที่จะขายแท่นฝนหมึกให้เขาให้ได้?
ยังไงก็ต้องขายแท่นฝนหมึกให้เขาให้ได้งั้นเหรอ?
หยางโปคิดถึงประโยคนี้ขึ้นมา ทันใดนั้นในใจของเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา หยางโปเป็นคนขี้สงสัยมาก ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทำให้เขากลายเป็นคนขี้ตระหนี่มากขึ้นแถมยังกลายเป็นคนให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆด้วย ก่อนหน้านี้เขาเองก็เคยถูกหลี่เอ้อร์ลากไปกับเขาครั้งนึงแล้วแต่ก็ถือว่ายังโชคดีที่ท้ายที่สุดเขาก็ได้ประโยชน์จากการประมูลครั้งนั้นกลับมา
ในครั้งนี้เขาตัดสินใจที่จะรอชายคนนั้นถึงแม้ว่าการประเมินราคาของเหล่านี้จะค่อนข้างต่ำ ถ้าหากอีกฝ่ายต้องการจะหลอกขายให้กับเขา แค่เขาปฎิเสธที่จะไม่ซื้อก็เพียงพอแล้ว
……
ฟางหยวนกวาดตามองไปรอบๆก่อนที่จะวิ่งเข้าไปด้านในบ้านหลังเล็กแห่งหนึ่งซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์และค่อนข้างเงียบสงัด
ทันใดนั้นคนที่ยืนรออยู่ด้านในก็หันมาหาคนขายคนนั้นก่อนที่จะถามขึ้นมาว่า “เป็นไงบ้าง? เขาซื้อรึยัง?”
อีกฝ่ายถอนหายใจออกมา “เถ้าแก่เจี่ย ผมว่าถ้าเถ้าแก่จะให้อีกฝ่ายซื้อของพวกนี้ผมเกรงว่ามันจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้แล้วสิ หลังจากที่เด็กนั่นเห็นแท่นฝนหมึกพวกนี้เขายังไม่แสดงท่าทีที่สนใจอะไรเลย”
“ไม่สนใจเลยสักชิ้นงั้นเหรอ?” เถ้าแก่เจี่ยขมวดคิ้วเข้าหากัน ครั้งนี้เขาติดต่อกับฟางหยวนซึ่งเป็นพ่อค้าที่เดินไปมาตามท้องถนนเพื่อที่จะหลอกให้หยางโปปล่อยเงินจำนวนหลักหมื่นที่เขามีออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเครื่องลายครามหยีโหล่วจวินชิ้นนั้นจะขายออกไปได้เท่าไหร่ แต่เขารู้ดีว่าหยางโปจะต้องได้รับเงินจำนวนไม่น้อยแน่ๆ
เป็นเพราะคืนนั้นหลังจากที่หยางโปเดินออกจากร้านของเขาไปโดยไม่แยแส แถมยังเป็นสุนัขรับใช้ให้กับกัวปาผีเพื่อที่จะหลอกขายของให้กับเขาด้วยการส่งสิบแปดมงกุฎมาที่ร้าน จึงทำให้เขาไม่พอใจและรับไม่ได้อย่างมาก
“ครับ เขาไม่สนใจแม้แต่ชิ้นเดียวเลย” อีกฝ่ายตอบกลับมาก่อนที่จะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “เถ้าแก่คิดว่ามันเป็นเพราะราคาที่เราเสนอขายไปแพงเกินไปรึเปล่าครับ?”
“นายตั้งราคาไว้ที่เท่าไหร่?” เถ้าแก่เจี่ยถามขึ้น
“100,000 หยวนครับ ราคานี้ฟังดูเหมือนว่าจะสูงมาก แต่ที่สำคัญคือเขาไม่คิดที่จะต่อราคาสักหยวนเดียวเลยด้วยซ้ำ”
“ไม่ต่อราคาเลยงั้นเหรอ?” เถ้าแก่ถามขึ้น “หรือว่าเขาจะมองออก?”
“ผมว่าไม่น่าจะใช่นะครับ เพราะผมก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับของพวกนี้ แต่ตอนนี้ผมต้องรีบกลับไปที่นั่นแล้วไม่งั้นเขาคงจะไม่รอผมแน่ๆ” ฟางหยวนไม่รู้ว่าทั้งสองคนมีปัญหาอะไรกันมาก่อนแต่เขาก็ฉลาดพอที่จะไม่ถามเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น
“คุณเองก็เตรียมของชิ้นอื่นเอาไว้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? เอาของพวกนั้นมาสิ” ฟางหยวนเดินเข้าไปในห้อง
“ตรงนั้นมีรูปปั้นพระพุทธรูป แผ่นกระดานงาช้าง แล้วก็แท่นฝนหมึกอีกชิ้นหนึง่แต่คุณภาพไม่ได้ดีเท่าไหร่” เถ้าแก่เจี่ยตะโกนขึ้นมาก่อนที่จะเน้นย้ำว่า “นายไม่ต้องตั้งราคาให้สูงมากนะ แต่ก็อย่าให้ต่ำเกินไป ตั้งราคาไว้ที่ 30,000-50,000 หมื่นหยวนก็พอแล้ว ฉันคิดว่าราคานี้เขาน่าจะซื้อ”
“ได้ครับ”
สนุกจริง