ตอนที่ 43 โชคสองชั้น
ฉินห้าวตงหันไปยิ้มเจื่อนให้ “ถังถังนอนหลับไปแล้ว ผมก็ควรจะไปได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลินโม่โม่จึงพูดขึ้น “ใครบอกให้คุณไปได้ล่ะ?”
“ปกติเวลานี้คุณจะรีบไล่ผมไปนี่นา”
“ทุกวันก็คือทุกวัน แต่วันนี้ฉันไม่ได้ไล่คุณนี่!”
ฉินห้าวตงใจเต้นแรงขึ้น เขารู้สึกดีใจจนแทบจะลอยได้ ในที่สุดสวรรค์ก็ซาบซึ้งถึงความจริงใจของเขาซะที หรือว่าคืนนี้จะได้นอนกับคนสวยแล้ว?
จะต้องเป็นแบบนี้อย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าการแสดงออกของเขาในวันนี้จะทำให้แม่ของลูกประทับใจ ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “งั้นก็ได้ วันนี้ผมไม่ไปแล้ว!”
พูดจบ เขาก็เดินไปที่ข้างเตียง แต่ตอนที่เขากำลังก้าวขาขึ้นเตียงนั้น พลันได้ยินหลินโม่โม่พูดขึ้น “ที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากไล่คุณไปหรอก แต่ตัวคุณเองก็อยากไป ดังนั้นคุณพลาดโอกาสแล้ว!”
“เอ่อ.....”
ตอนนั้นสีหน้าของฉินห้าวตงราวกับกินของขมเข้าไป ดูเหมือนว่าเขาจะดีใจเก้อเสียแล้ว เขาถอนหายใจออกมา แล้วพูดขึ้นอย่างผิดหวัง “งั้นผมกลับก่อนนะ”
เขาหันหลังกลับไปอีกครั้ง ยกเท้าขวาขึ้น แต่ยังไม่ทันก้าวถึงพื้นดี จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหลินโม่โม่พูดขึ้นมาว่า “ไปเถอะ ต่อไปนี้จะไม่มีโอกาสแบบครั้งนี้อีกแล้วนะ!”
ฉินห้าวตงกำลังจะบ้าแล้ว ทุกคนต่างก็พูดกันว่าผู้หญิงมักจะเดาใจยาก แต่แบบนี้ก็เปลี่ยนใจเร็วเกินไปไหม? สุดท้ายอยากจะให้ไปหรือจะให้อยู่กันแน่?
ดังนั้นเขาจึงหันกลับไปถาม “แม่ของลูก สรุปคุณจะเอาแบบไหน?”
ที่จริงหลินโม่โม่แค่อยากจะแกล้งฉินห้าวตงเฉยๆ แต่ในเวลานี้กลับถูกคำว่า ‘แม่ของลูก’ กระแทกลงที่กลางใจจนอ่อนยวบยาบ เธอถอนหายใจแล้วพูดออกมา “นายเต็มใจที่จะยอมรับฉันกับถังถังจริงๆ เหรอ?”
“แน่นอน ถ้าผมโกหกแม้แต่คำเดียว ให้ผมเข้าวังไปเป็นขันทีเลย”
ฉินห้าวตงพูดคำสาบานออกมา
หลินโม่โม่มองดูแม่หนูน้อยที่กำลังนอนหลับสนิท แล้วพูดออกมาเบาๆ ว่า “ที่หลายปีมานี้ฉันไม่ยอมมีแฟน เป็นเพราะกลัวว่าถังถังจะน้อยใจ ฉันมีเงื่อนไขแค่สองข้อสำหรับคนที่จะมาเป็นแฟนฉัน ข้อที่ 1 จะต้องดีเราสองคนแม่ลูกและข้อที่ 2 มีความสามารถพอที่จะทำให้ฉันเชื่อใจได้ ซึ่งทั้งสองข้อนี้คุณผ่านหมดแล้ว”
“หมายความว่ายังไง? คุณยอมรับผมแล้วเหรอ? ” ฉินห้าวตงพูดอย่างไม่เชื่อ
“ต่อไปนี้ไม่ว่าคุณจะมีผู้หญิงข้างนอกอีกซักกี่คน แต่จงจำไว้ว่าต้องทำดีกับพวกฉันสองคนแม่ลูกไว้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไล่คุณออกจากบ้าน”
“พระเจ้าช่วย! คุณดีกับผมจริงๆ!”
ฉินห้าวตงดีใจมากจนเก็บอาการไม่อยู่ จู่ๆ ความสุขก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว คำพูดของหลินโม่โม่คือการยอมรับคำขอของเขาแล้ว แถมยังยอมให้เขามีเมียน้อยด้วย แบบนี้มันคือโชคสองชั้นชัดๆ!
เขารีบกระโดดขึ้นไปบนเตียง กอดหลินโม่โม่เอาไว้ในอ้อมแขนแล้วหอมแก้มเธอทันที “วางใจเถอะแม่ของลูก ผมจะดีกับคุณและถังถังตลอดไป!”
หลินโม่โม่ผลักฉินห้าวตงออกแล้วพูดอย่างเขินอายว่า “รีบไปเถอะ อีกนิดคุณจะสายแล้วนะ!”
“ที่จริงมันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ ผมแค่ไปแข่งรถกับเพื่อน......”
ไม่ทันรอให้ฉินห้าวตงพูดจบ หลินโม่โม่ก็พูกแทรกขึ้นมา “ไม่ต้องมาอธิบายให้ฉันฟัง ฉันพูดไปหมดแล้ว คุณแค่จำไว้ว่าต้องดีกับเราสองคนแม่ลูกเท่านั้นก็พอ”
ฉินห้าวตงหอมแก้มหลินโม่โม่อีกครั้ง จากนั้นจึงเดินออกจากห้องไป ตอนนี้อารมณ์ของเขาเหมือนกับได้กินไอศครีมในช่วงฤดูร้อน ที่ทำให้รู้สึกเย็นสบายเป็นอย่างมาก
หลินโม่โม่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาทั้งสองข้างของเธอกลับเบิกกว้าง พวงแก้มแดงก่ำ เธอมองแผ่นหลังของฉินห้าวตงจนลับสายตาไปแล้วพูดพึมพำกับตัวเอง “ขอบคุณที่คุณคอยดูแลฉันกับถังถัง สุดท้ายแล้วฉันก็คือผู้หญิงที่เคยมีลูกแล้ว ฉันไม่เหมาะสมกับคุณหรอก นี่ถือเป็นสิ่งตอบแทนคุณแล้วกัน!”
ความสุขมาอย่างไม่ทันตั้งตัว แถมยังมาอย่างเหลือล้น ฉินห้าวตงผิวปากไปตลอดทางจนไปถึงสถานที่ที่เขานัดกับน่าหลันอู๋ชวงไว้ ในเวลานี้เขายิ้มไม่หุบ
“มีเรื่องอะไรน่าดีใจขนาดนั้น?” น่าหลันอู๋ชวงถามฉินห้าวตงที่นั่งหัวเราะเหมือนกับคนโง่มาตลอดทาง
“ไปเดทกับสาวสวย ก็ต้องดีใจสิ!”
ฉินห้าวตงพูดพร้อมกับนั่งลงที่เบาะข้างคนขับ จากนั้นคาดเข็มขัดนิรภัย
น่าหลันอู๋ชวงนั่งฝั่งคนขับ เธอสตาร์ทรถ ท่ามกลางเสียงคำรามของแรงม้า Lamborghini พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วเพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งร้อยไมล์
“สุดยอดเลย! Lamborghini Centenario นี่ชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริง แค่ภายใน 2.8 วินาทีตวามเร็วก็เพิ่มขึ้นไปถึงร้อยไมล์แล้ว”
ท่ามกลางความมืด ใบหน้าของน่าหลันอู๋ชวงเผยเห็นถึงความตื่นเต้นอย่างบ้าคลั่ง
ในเวลานี้ฉินห้าวตงจึงถามขึ้นมาว่า “ผู้หญิงไม่ใช่ชอบปักดอกไม้ ชอบทำอาหารเหรอ? ทำไมเธอถึงชอบการแข่งรถ?”
“ทำไมนายไม่บอกให้หาอะไรมาห่อเท้าฉันเลยล่ะ?” น่าหลันอู๋ชวงถลึงตาใส่ฉินห้าวตงไปหนึ่งที
“ที่นายพูดมามันคือผู้หญิงในสมัยก่อน แต่ฉันไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน ฉันจะมีชีวิตเป็นของฉันเอง”
ท่ามกลางความมืด เธอเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ เธอขับรถไปพลางหันไปพูดกับฉินห้าวตง
“นายไม่เคยแข่งรถมาก่อนเหรอ?”
“เมื่อก่อนผมจนมากๆ ไม่มีรถหรอก จะเอาอะไรไปแข่งได้?”
“นายเคยขับรถความเร็วสูงสุดเท่าไหร่?”
“เมื่อก่อนตอนที่ผมทำงานพาร์ทไทม์ ผมเคยแต่ขับรถบรรทุกสินค้าขนาดเล็ก รถแบบนั้นถ้าขับได้ถึงความเร็วหนึ่งร้อยไมล์ คาดว่าคงแทบจะเอาเท้าเข้าไปยัดถังน้ำมันแล้ว”
“100 ไมล์เหรอ? ไก่อ่อนจริงๆ หลังจากวันนี้นายจะได้รู้ว่าอะไรคือความเร็วที่แท้จริงและอะไรคือความน่าหลงไหล? การแข่งรถมันจะทำให้เลือดในร่างกายนายสูบฉีดขึ้นมา” น่าหลันอู๋ชวงพูด
ฉินห้าวตงกลับมีสีหน้าที่ไม่ใส่ใจ ตอนที่เขาเหาะโดยการขี่กระบี่มีความเร็วมากกว่า Lamborghini หลายพันเท่า ความเร็วเท่านี้มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสนใจอะไร
เขาเอ่ยถาม “คืนนี้แข่งกับใคร? เธอจะชนะได้ไหม?”
“ตลกละ ฉันคือเทพธิดารถแห่งเจียงหนาน จะแพ้ได้ยังไงกัน” น่าหลันอู๋ชวงพูดด้วยอย่างมั่นใจ “ได้ยินมาว่าคู่แข่งพึ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ฉันหรอก!”
ในไม่ช้าพวกเขาก็ออกจากเขตเมือง มาถึงภูเขางู ซึ่งเป็นที่หมายของน่าหลันอู๋ชวง
ภูเขาลูกนี้มีชื่อเสียงมาก รูปร่างของภูเขาเหมือนกับงูตัวใหญ่ขดตัวอยู่ ยอดเขาเหมือนกับหัวของงู
ถนนที่คดเคี้ยวทอดยาวขึ้นไปจนถึงยอดเขา ไม่กี่ปีมานี้ได้มีการเปิดอุโมงค์ที่ใต้ภูเขา ดังนั้นถนนเส้นนี้จึงไม่ได้ใช้งานอีก ทุกครั้งที่เวลาดำเนินมาถึงช่วงเที่ยงคืน สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นสถานที่ศักด์สิทธิ์สำหรับนักแข่งรถในโลกนี้
บนยอดเขามีผู้คนนับร้อยคนมารวมตัวกัน รวมถึงรถอีกหลายสิบคัน คนพวกนี้ต่างก็เป็นผู้ที่ชื่นชอบการแข่งรถ หรือพวกว่างไม่มีอะไรทำและพวกลูกหลานคนรวยที่แสวงหาความตื่นเต้น
ในเวลานี้ทุกคนต่างกำลังพูดถึงรถสปอร์ตสีแดงคันหนึ่ง มันคือ Porsche 911 ที่ออกมาใหม่ในตอนนี้ ที่ด้านข้างรถมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งยืนอยู่ เขาคือตงฟางเหลียง ผู้ที่พึ่งจะถูกฉินห้าวตงสั่งสอนมา
ข้างเขามีผู้หญิงหุ่นเซ็กซี่แต่งตัวหรูหรายืนอยู่ ข้างหลังมีกลุ่มทหารรับจ้างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ราวเจ็ดแปดคน
“พี่ใหญ่ รถของพี่เท่มาก ราคาล้านกว่าหยวนใช่ไหม?”
“พวกบ้านนอก รู้เรื่องรถหรือเปล่า นี่คือ Porsche 911 ซึ่งเป็นรุ่นที่ดีที่สุด ราคาร 3.8 ล้าน ......”
“แม่งเอ้ย แพงขนาดนี้เลยเหรอ เมื่อไหร่ฉันถึงจะมีปัญญาซื้อรถแบบนี้......”
“ดูแต่ตา มืออย่าต้อง อย่าทำรถของลูกพี่ฉันมีรอยข่วน!” ลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังเขาตะโกนใส่คนดู
มองดูทุกสิ่งตรงหน้านี้ ตงฟางเหลียงรู้สึกภูมิใจมาก เขาเพลิดเพลินไปกับสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาของผู้คน นี่สิคือความรู้สึกของราชาทหารที่ตามหามานาน
ทว่าในขณะนั้น มีรถสปอร์ตคันนึงพุ่งมาราวกับแสงแฟลชสีดำ มันขับขึ้นมาบนยอดเขาภูเขางูด้วยความเร็วสูง ตีโค้งดึงเบรกแล้วจอดอย่างสวยงาม
“พระเจ้า ฉันดูไม่ผิดใช่ไหม นี่คือ Lamborghini Centenario...”
“ใช่จริงๆ ด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าที่หนานเจียงของพวกเราจะมีรถเทพๆ แบบนี้......”
“รถคันนี้ดีมากเหรอ? ดีกว่า Porsche 911 ไหม?”
“นายนี่มันโง่จริงๆ Lamborghini Centenario ราคามากกว่า 40 ล้านหยวนเลยนะ Porsche 911 เมื่อเทียบกับมันก็แค่ขยะ......”
ในระหว่างที่พูดคนเหล่านั้นต่างก็พากันไปยืนล้อมรอบ Lamborghini ทั้งฝั่งนี้จึงเหลือแค่ตงฟางเหลียงและลูกน้องของเขาที่ยืนอยู่
ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าของตงฟางเหลียงก็ดูไม่น่ามองในทันที เดิมทีเขาคิดว่า Porsche 911 ของตนเองมีความสามารถพอที่จะบดขยี้รถคันอื่นได้ แต่คิดไม่ถึงว่าชั่วพริบตาเดียวจะถูกคนอื่นขยี้จนไม่เหลือ ตัวเขาแค่อยากจะโชว์ฝีมือเท่านั้นเอง ทำไมมันถึงได้ยากขนาดนี้?
น่าหลันอู๋ชวงเปิดประตูรถแล้วเดินลงมา ฝูงชนก็เริ่มฮือฮากันอีกครั้ง
“เทพธิดาแห่งรถ เทพธิดาแห่งรถมาแล้ว.....”
“คนก็สวย รถก็สวย ได้ยินมาว่ามีคนมาท้าเทพธิดาแห่งรถแข่งรถ ไม่รู้จักที่ตายซะแล้ว......”
วันนี้น่าหลันอู๋ชวงสวมชุดหนังรัดรูป ทำให้รูปร่างที่เกือบจะสมบูรณ์แบบนั้นได้อธิบายถึงความละเอียดอ่อนเน้นส่วนเว้าโค้งออกมา จนทุกคนที่ยืนดูอยู่บนยอดเขาต่างก็พากันกลืนน้ำลายไม่หยุด
ตงฟางเหลียงตะลึง เขาก็เคยได้ยินมานานแล้วว่าเทพธิดาแห่งรถของเจียงหนานคือผู้หญิงที่สวยมาก แต่ไม่คิดเลยว่าจะสวยถึงขนาดนี้ เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่อยู่ข้างเขานั้น เธอแทบจะดูหน้าจืดไปในทันที
“ใครหน้าไหนที่มันมาท้าฉัน?” น่าหลันอู๋ชวงตะโกนใส่ทุกคนรอบด้าน
“ฉันเอง!” ตงฟางเหลียงเดินเข้ามา เขาคิดได้ว่าความงามของหลินอู๋ซวงเทียบเท่าได้กับหลินโม่โม่เลยทีเดียว ถ้าสามารถชนะและพาเธอกลับไปได้คงไม่เลวเลย
อีกอย่างเขามีความมั่นใจในฝีมือการขับรถของเขาเช่นกัน เขาคิดว่าตนเองจะต้องชนะฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน
“งั้นก็ดี เริ่มกันเถอะ!” น่าหลันอู๋ชวงพูดอย่างตรงไปตรงมา
“รอก่อน!” ตงฟางเหลียงพูดต่อ “ถึงแม้ว่าจะเป็นการแข่งรถ แต่พวกเราก็ต้องมีของรางวัล”
“พูดมาสิ นายจะเดิมพันด้วยอะไร?” น่าหลันอู่ชวงถาม
“แบบนี้ก็แล้วกัน ฉันจะใช้เงินห้าแสนหยวนวางเดิมพัน ส่วนเธอเดิมพันด้วยบราบนร่างเธอ แถมคืนนี้เธอจะต้องไปกินเหล้ากับฉัน”
ตงฟางเหลียงพูดด้วยรอยยิ้มเยาะ
“นายนี่มันรนหาที่ตาย!” น่าหลันอู๋ชวงเห็นไอ้บ้านี่มาพูดจาแทะโลมเธออย่างไม่รู้จักที่ตาย สีหน้าของเธอพลันเยือกเย็นอย่างฉับพลัน
“ว่าไง ไม่กล้าเดิมพันเหรอ เธอไม่ใช่คนที่เขาลือกันว่าเป็นเทพิดาแห่งรถเหรอ? หรือว่ากลัวแพ้?”
ตงฟางเหลียงพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ
“นาย...”
ขณะที่น่าหลันอู๋ชวงกำลังจะพูดอะไรนั้น ก็ได้ยินเสียงหนึ่งพูดขึ้น “งั้นเดิมพัน!”
เมื่อคำพูดพูดออกมา ทุกคนต่างตกตะลึง นี่คือใคร? ทำไมกล้าตัดสินใจแทนเทพิดาแห่งรถ
เมื่อมองไปในทิศทางของเสียง เห็นเพียงชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังออกมาจากที่นั่งฝั่งข้างคนขับของรถ Lamborghini
เดิมทีฉินห้าวตงต้องการที่จะนั่งดูการแข่งรถ และไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอะไร แต่คาดไม่ถึงเลยว่าคนที่มาท้าน่าหลันอู๋ชวงแข่งกลับเป็นเจ้าขยะตงฟางเหลียง ดูท่าว่าคงจะมีวาสนาต่อกัน ดังนั้นเขาจึงเดินลงมาจากรถ
“เป็นแกนี่เอง?”
หลังจากที่เห็นฉินห้าวตงแล้ว ตาของตงฟางเหลียงก็เหมือนกับมีไฟลุกท่วม เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วเขาถูกเจ้าหนุ่มนี่ตีเหมือนกับหมาก็ไม่ปาน
“ท่านราชาทหาร ช่างบังเอิญจริงๆ ผ่านไปไม่นานก็ได้เจอกันอีกแล้ว!”
ฉินห้าวตงหัวเราะอย่างมีความสุข
ตงฟางเหลียงไม่ได้สนใจฉินห้าวตงอีก เขาหันมามองน่าหลันอู๋ชวงพร้อมพูดอีกว่า “ว่าไง กล้าเดิมพันไหม?”
“มีอะไรให้ไม่กล้า? ผมพูดไปหมดแล้วนี่ ผมจะพนันกับคุณ!” ฉินห้าวตงตอบตกลงแทนน่าหลันอู๋ชวงอย่างชัดถ้อยชัดคำ
น่าหลันอู๋ชวงเหลือกตามองฉินห้าวตงอย่างดุดัน ตอบรับอย่างเร็วเลยนะ ถ้าแพ้ขึ้นมานายก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่
ตงฟางเหลียงถลึงตามองฉินห้าวตงแล้วพูดว่า “ ต้องนับคำพูดแกด้วยเหรอ? เกี่ยวอะไรกับแก?”
น่าหลันอู๋ชวงพูดสวนมาว่า “คำพูดของเขาก็คือความคิดของฉัน ฉันเดิมพันกับนาย”
“เห็นหรือยังว่าคำพูดฉันมันนับได้” ฉินห้าวตงพูดด้วยรอยยิ้มบาง
แววตาของตงฟางเหลียงส่องประกายความโกรธเคือง ความสัมพันธ์ของหลินโม่โม่กับเจ้าหนุ่มนี่ก็ไม่ชัดเจน ผู้หญิงที่สวยราวกับนางฟ้าข้างหน้านี่ก็สนิทสนมกับเขา เพราะอะไรกัน? นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาราชาทหารสมควรได้รับเหรอ?
ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป พลางพูดด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “งั้นพวกเรามาเดิมพันกันหน่อยไหม?”
จบตอน