ตอนที่ 42 ลูกสาวผู้ขุดหลุมฝังพ่อตัวเอง
ถึงแม้จะรู้ว่าโอวหยางชานชานมีชื่อเสียงโด่งดังมาก แต่เขากลับคิดว่าตอนนี้แม่หนูน้อยควรที่จะร้องเพลงของเด็กมากกว่า จึงพูดขึ้น “ถังถัง ตอนนี้หนูยังเด็กอยู่ควรจะร้องเพลงของเด็กๆ นะ อย่างเช่น เพลงเป็ดน้อยหรือไม่ก็เพลงนาจาน้อย”
“ไม่ ไม่ ไม่!” แม่หนูน้อยโบกมือเป็นพัลวันแล้วพูดว่า “เพลงพวกนั้นคือเพลงของพวกเด็กอนุบาลหนึ่ง หนูอยู่อนุบาลสองแล้ว ตอนนี้ร้องเพลงของผู้ใหญ่ได้แล้ว”
มองดูแม่หนูน้อยที่มีสีหน้าเอาจริงเอาจังกับเรื่องแบบนี้ น่าหลันอู๋ชวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “นายเข้มงวดกับเธอเกินไปแล้ว เธอจะร้องเพลงอะไรก็เรื่องของเธอสิ!”
“ใช่ค่ะ! ใช่ค่ะ! หม่าม๊าคนที่สองดีกับหนูจัง” แม่หนูน้อยเริ่มคล้อยตาม
พอมีเด็กอยู่ด้วยบนรถทำให้ระหว่างทางเต็มไปด้วยความครื้นเครง รถ Maserati ขับเพียงครู่เดียวก็ถึงประตูรั้วหน้าคฤหาสน์ตระกูลหลิน
ฉินห้าวตงอุ้มแม่หนูน้อยลงจากรถ ถังถังโบกมือทั้งสองข้างให้กับน่าหลันอู๋ชวงพร้อมกับพูดว่า “บ๊ายบายค่ะหม่าม๊าคนที่สอง ถ้ามีเวลาอย่าลืมมาเล่นกับหนูนะคะ”
“บ๊ายบายจ้ะถังถัง!”
น่าหลันอู๋ชวงพูดจบก็หอมแก้มแม่หนูน้อยไปหนึ่งฟอด
ฉินห้าวตงพูดด้วยรอยยิ้มทะเล้น “ควรจะให้คนดูมีส่วนร่วมด้วยนะ แล้วฉันล่ะ?”
“ฝันไปเถอะ คืนนี้อย่าลืมมารับฉันล่ะ!”
น่าหลันอู๋ชวงขึ้นรถ เธอโบกมือให้แม่หนูน้อยแล้วก็ขับออกไป
“หม่าม๊า หนูกลับมาแล้วค่ะ!”
แม่หนูน้อยกระโดดโลดเต้นวิ่งเข้าไปในห้องโถง ส่วนฉินห้าวตงเดินตามอยู่ด้านหลัง
ภายในห้องโถง มีชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีคนหนึ่งกำลังนั่งคุยอยู่กับหลินโม่โม่ เขาถอดเสื้อตัวนอกออกเผยให้เห็นมัดกล้ามที่แข็งแรง เขาชี้ไปที่รอยแผลเป็นที่หน้าอกพร้อมกับพูดว่า “ ผมได้บาดแผลนี้มาจากการปกป้ององค์ชายแห่งบ่อน้ำมัน ตอนนั้นฝั่งตรงข้ามมีตั้งร้อยกว่าคน ในมือถืออาวุธครบครัน แต่สุดท้ายกลับถูกผมจัดการจนหมด แถมผมยังบาดเจ็บนิดเดียวเอง!”
“ขี้โม้! ขี้โม้! หน้าไม่อาย!”
แม่หนูน้อยที่กำลังวิ่งเข้าไปพอเห็นฉากนี้เข้า เธอจิ้มนิ้วลงไปที่แก้มของเธอ แล้วหันไปทำท่ารังเกียจใส่ชายคนนั้น
“เอ่อ...”
ชายหนุ่มจ้องไปที่หลินโม่โม่ที่เซ็กซี่มีเสน่ห์และมีท่าทีราวกับนางพญา เขาพูดน้ำไหลไฟดับเพื่อพยายามที่จะหาวิธีให้อีกฝ่ายรู้สึกชอบ แต่กลับถูกคนขัดจังหวะเข้า จึงทำให้เขาอารมณ์เสีย
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าแม่หนูน้อยที่น่ารักแบบนี้ เขาจึงพูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่มองอย่างโกรธๆ
หลินจื่อเยวียนเห็นฉินห้าวตงเดินเข้ามา จึงรีบยืนแล้วพูดอย่างซาบซึ้งว่า
“คุณหมอฉิน ขอบคุณมากนะที่เมื่อวานนี้เธอช่วยหลินโม่โม่กับถังถังไว้”
เขาเข้าใจถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์ดี ถ้าไม่ใช่เพราะหมอฉินพยายามเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องพวกเธอ ป่านนี้ลูกสาวกับหลานสาวของตนเองคงตายไปแล้ว.
ฉินห้าวตงหัวเราะอย่างเคอะเขิน หลังจากนั้นมองไปยังผู้ชายคนนั้นพร้อมกับถามหลินจื่อเยวียน “คุณหลินครับ ผู้ชายคนนี้คือใครเหรอครับ?”
เขารู้สึกถึงสายตาอันตรายของชายคนนั้นที่มองไปยังหลินโม่โม่
“อืม! งั้นแนะนำหน่อยแล้วกัน คนนี้คือคนที่ฉันพึ่งเชิญมา เขาคือหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีชื่อว่าตงฟางเหลียง จะมาทำหน้าที่คุ้มกันโม่โม่โดยเฉพาะ” หลินจื่อเยวียนยังหันไปพูดกับอีกฝั่งว่า “ส่วนท่านนี้คือคุณหมอฉิน เขาคือผู้ช่วยชีวิตลูกสาวกับหลานสาวของฉันไว้”
หลังจากที่เกิดเรื่องเมื่อคืนวานขึ้น หลินจื่อเยวียนด้วยความโมโหและเพื่อความปลอดภัยของลูกสาว เขายอมจ่ายเงินไปมากมายและใช้เส้นสายทั้งหมดที่มีเพื่อเชิญตงฟางเหลียงมาทำงานนี้
ตงฟางเหลียงเป็นทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงดีมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีฉายาว่าราชาทหาร
หลังจากหลินจื่อเยวียนแนะนำเสร็จ ตงฟางเหลียงยิ้มอย่างเหยียดพลางมองที่ฉินห้าวตงพร้อมกับพูดขึ้น “หมอก็คือหมอ ไม่มีความสามารถอะไรหรอก ถ้าเมื่อคืนวานนี้เป็นผมที่อยู่ที่นั่นแล้วล่ะก็ จะไม่ยอมให้คุณหนูหลินมีอันตรายอย่างเด็ดขาดและก็จะไม่ยอมให้ถูกพวกโจรทำร้ายจนเข้าโรงพยาบาลหรอก!”
สีหน้าของฉินห้าวตงดูเคร่งขรึมขึ้น ดูก็รู้ว่าเจ้าหนุ่มนี่จงใจหาเรื่องเขา
ตงฟางเหลียงหันหน้าไปพูดกับหลินจื่อเยวียน “คุณหลินครับ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหน้าที่ในการดูแลคุณหนูหลินยกให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะครับ คุณวางใจเถอะ มีผมตงฟางเหลียงอยู่ทั้งคน ต่อให้พวกเทพเจ้าก็ไม่สามารถทำร้ายเธอได้แม้แต่เส้นขน”
ฉินห้าวตงมองความหยิ่งทะนงของตงฟางเหลียงพลางพูดขึ้นว่า “พูดมาแบบนี้ คุณเก่งนักหรือไง?”
“แน่นอนสิ นี่นายคิดว่าฉายาราชาทหารของฉันเป็นแค่ชื่อเรียกปลอมๆ อย่างนั้นเหรอ มันผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนต่างหากล่ะ”
ตงฟางเหลียงเริ่มพูดโม้น้ำไหลไฟดับ “ เมื่อก่อนฉันเคยสู้กับกองกำลังทหารรับจ้างที่มีอาวุธครบมือด้วยตัวคนเดียว ปกป้องนักธุรกิจที่จะเดินทางผ่านชนเผ่ากินคนในแอฟริกา รวมทั้งยังเป็นสมาชิกของค่ายฝึกทหารไซบีเรียชื่อดังอีกด้วย...ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ แค่พูดถึงฉันตงฟางเหลียง ทุกคนก็ยกนิ้วให้แล้ว......”
“คนขี้โม้ โม้เกินไปแล้ว คนอะไรไม่อายฟ้าอายดิน!” แม่หนูน้อยเริ่มรู้สึกไม่ดี เธอทำเสียงแบบเด็กน้อยพลางพูดว่า “ ป่าป๊าสิถึงจะเรียกว่าเก่ง เก่งกว่าคุณลุงเป็นร้อยเท่าเลยแหละ”
ตงฟางเหลียงรู้ถึงความสัมพันธ์ของฉินห้าวตงกับหลินโม่โม่จึงพูดขึ้น “เด็กน้อย หนูไม่เข้าใจเรื่องนี้ หมอก็เป็นได้แค่หมอ จะมาเก่งกว่าลุงที่เป็นทหารได้ยังไง”
แม่หนูน้อยยังพูดอีกว่า “ป่าป๊าเก่งที่สุดก็คือป่าป๊าเก่งที่สุดสิ ป่าป๊าสามารถเตะคุณลุงให้กลิ้งเหมือนลูกบอลได้เลยล่ะ!”
สีหน้าของตงฟางเหลียงเปลี่ยนไปทันที เมื่อถูกเด็กน้อยคนหนึ่งดูถูกครั้งแล้วครั้งเล่า นี่ทำให้ตัวเขาที่มักจะภูมิใจในตัวเองเสมอเกิดความไม่พอใจเข้า ยิ่งไปเขาไม่เคยมองฉินห้าวตงที่รูปร่างผอมแห้งแบบนี้อยู่ในสายตาเลย
แม่หนูน้อยพูดจบ เขามองมาทางฉินห้าวตงพร้อมกับพูดว่า “พูดมาแบบนี้ แสดงว่าหมอฉินก็เป็นคนมีฝีมือสินะ?”
“ผมไม่ใช่คนมีฝีมืออะไร แต่ก็แข็งแกร่งกว่าขยะอย่างคุณแล้วกัน!”
น้ำเสียงของฉินห้าวตงดูเย็นชามาก แต่หลังจากที่พูดประโยคนี้ออกมาแล้ว กลับทำให้ทั่งห้องลุกเป็นไฟ!
สีหน้าของตงฟางเหลียงฉายแววเคร่งขรึมทันที เขาแค่ต้องการที่จะโม้เกี่ยวกับเรื่องของตัวเองเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกหมอคนนี้ดูถูกเข้า เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า ”ในเมื่อเป็นแบบนั้น งั้นคุณกล้าพอที่จะประลองกับฉันสักหน่อยไหม?”
ในเวลานี้เขาได้แต่แอบกัดฟันเงียบๆ ในใจ ขอแค่ฉินห้าวตงตอบตกลงที่จะประลองกับเขา เขาก็จะทำให้ไอ้หน้าอ่อนนี้ทรมานอย่างที่สุด และจะทำให้หลินโม่โม่รู้ว่าแบบไหนคือลูกผู้ชายที่แท้จริง.
“ช่างมันเถอะ พวกเดียวกันทั้งนั้นจะสู้กันทำไม”
หลินโม่โม่มองฉินห้าวตงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เธอไม่ได้ห่วงเรื่องฝีมือของฉินห้าวตง แต่เมื่อคืนวานเขาพึ่งได้รับบาดเจ็บมา ถึงแม้ว่าตอนนี้จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าร่างกายจะหายดีหรือยัง.
และทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของตงฟางเหลียง ปฏิกิริยาของหลินโม่โม่บ่งบอกว่าเธอไม่ได้มั่นใจในความสามารถของฉินห้าวตง และนั่นทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น
“คุณหนูหลินโปรดวางใจ พวกเราแค่ทำความรู้จักกัน ผมจะไม่ทำให้คุณหมอฉินได้รับบาดเจ็บหรอกครับ”
ในความคิดของเขานั้น ถ้าฉินห้าวตงกล้าที่จะทำแล้วล่ะก็ มีแต่จะถูกทำให้เจ็บตัวเท่านั้นแหละ
ฉินห้าวตงพูดอย่างเย็นชาว่า “งั้นก็ได้ ถ้าราชาทหารมีความสนใจแล้วล่ะก็ ผมก็จะเล่นกับคุณซักหน่อย แต่คุณวางใจได้เลย ฝีมือทางการแพทย์ของผมยอดเยี่ยมมากเช่นกัน ถึงจะบาดเจ็บแต่ก็ยังรักษาคุณให้หายดีได้”
“ดีจังเลย! ดีจังเลย! จะได้ดูป่าป๊าเตะบอลแล้ว!”
แม่หนูน้อยตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น หลินโม่โม่อุ้มเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วหันไปพูดกับฉินห้าวตงว่า “ทุกคนเป็นพวกเดียวกันเท่านั้น เอาแค่สนุกๆ ก็พอ อย่าเล่นกันจนบาดเจ็บหรือบันดาลโทษะเข้าล่ะ”
ตงฟางเหลียงขยับวอร์มมือและพูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่ต้องกังวลครับ ผมจะไม่ลงมือรุนแรงแน่นอน แค่ไม่กี่วินาทีผมก็สามารถทำให้เขารู้ได้แล้วว่าผมเก่งขนาดไหน!”
ผู้ชายคนนี้มั่นใจในตัวเองมาก เขาคือราชาทหารของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเขาจะไม่ยอมให้หมอต่ำต้อยคนนี้มาดูถูกเขาเด็ดขาด.
หลังจากพูดจบ เขาพุ่งกำปั้นของเขาไปทางฉินห้าวตง “ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ฉันไม่สามารถล้มได้ในหมัดเดียว ถ้ามีล่ะก็ งั้นก็เอาไปสองหมัดเลยแล้วกัน!”
พูดจบก็ปล่อยหมัดของเขาไปทางฉินห้าวตงทันที หมัดของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ นึกแต่จะอัดหมอที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนี่ให้ฟันร่วงหมดปากไปเลย
แต่ทันทีที่ปล่อยหมัดออกไป ตาของเขาก็มองไม่เห็นแม้แต่เงาของฉินห้าวตงแล้ว เขายังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นก้นของเขาก็ถูกเตะอย่างแรงไปหนึ่งที เขาพุ่งไปติดผนังราวกับรูปภาพที่ติดไว้ตรงผนัง จากนั้นค่อยๆ ไหลลงมา
มองเห็นบนผนังมีรอยของคนร่างใหญ่ติดอยู่ แม่หนูน้อยก็กระโดดขึ้นแล้วส่งเสียงด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับปรบมือพลางหัวเราะไปด้วย “สนุกจังเลย สนุกจริงๆ ป่าป๊าเก่งที่สุด!”
ตงฟางเหลียงค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากพื้น ตอนที่ใบหน้าติดกับกำแพง จมูกของเขาเกือบจะยุบแล้ว ทั่วทั้งใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด
เขาไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะแพ้ให้กับหมอผู้ต่ำต้อยนี้ จึงตะโกนขึ้นด้วยความโมโหว่า “ไอ้หนู ถ้าแน่จริงแกก็อย่าหลบนะเว้ย!”
พูดจบเขาก็ปล่อยหมัดออกไป หมัดพุ่งตรงไปยังใบหน้าของฉินห้าวตงอย่างเต็มแรง
“ได้สิ คุณบอกเองนะว่าไม่ให้หลบ!”
ฉินห้าวตงปล่อยออกไปหนึ่งหมัดเช่นกัน สองหมัดกระแทกเข้าหากัน ตงฟางเหลียงลอยออกไป กระแทกติดกับกำแพงอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ใบหน้าของเขาหันออกมาข้างนอกเท่านั้นเอง.
“เก่งจังเลยค่ะๆ ป่าป๊าเก่งที่สุดเลยคะ!” แม่หนูน้อยกระโดดโลดอย่างมีความสุข เธอขยับตัวไปมาอย่างดีใจในอ้อมกอดของหลินโม่โม่
พอคลึงข้อมือที่หัก ในตอนนี้ตงฟางเหลียงได้รู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของฉินห้าวตงแล้ว
สุดท้ายแล้วเขาก็คือบอดี้การ์ดที่ตนเชิญมา ดังนั้นหลินจื่อเยวียนจึงรีบเข้าไปถามเขา “คุณตงฟาง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม!”
“ไม่เป็นไรครับ! ไม่เป็นไร!” ตงฟางเหลียงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากพื้น ทำหน้าเหยเกพร้อมกับพูดว่า “คุณหลินครับ ที่จริงแล้วการเป็นบอดี้การ์ด แค่ทักษะการต่อสู้เป็นเรื่องรองครับ ที่สำคัญที่สุดคือการใช้อาวุธ ต้องเข้าใจจังหวะและมีประสบการณ์การต่อสู้กับศัตรู!”
เขามองไปที่ฉินห้าวตงอย่างขุ่นเคือง เดิมทีเขาต้องการจะแสดงความสามารถของตัวเองเพื่อให้หลินจื่อเยวียนมองเห็นคุณค่าในตัวเขา และมันจะดีกว่านี้ถ้าหากว่าเขาสามารถเอาชนะใจประธานสาวสวยได้ แต่ตอนนี้ความฝันทั้งหมดกลับถูกไอ้หมอบ้าที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ทำลายหมดแล้ว
“คุณหลินครับ ผมขอกลับไปเตรียมตัวก่อน พรุ่งนี้เช้าผมจะมารับคุณหนูหลินไปทำงานเองครับ”
เขาพูดจบก็รีบเดินหนีไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว แม่หนูน้อยกระโดดมาข้างหลังแล้วตะโกนเสียงดังไล่หลังว่า “เจ้ายักษ์โง่หนี! เจ้ายักษ์โง่กำลังหนี!”
ตงฟางเหลียงยิ่งรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้น จึงรีบออกจากคฤหาสน์ตระกูลหลินทันที!
“คุณหลิน คุณหาคนแบบนี้มาจากที่ไหนเหรอ?” ฉินห้าวตงถามหลินจื่อเยวียน
“เพื่อนแนะนำมาให้น่ะ ตอนนี้แค่จะหาบอดี้การ์ดซักคนยังยากเลย แต่ตงฟางเหลียงนั่นเป็นคนมีฝีมือ เป็นคนที่มีชื่อเสียงในหมู่ทหารรับจ้างแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
ฉินห้าวตงไม่ได้พูดอะไรอีก ตอนนี้ก็ไม่มีบอดี้การ์ดที่เหมาะสมจริงอย่างที่หลินจื่อเยวียนว่า ส่วนกองกำลังเฉินปิงต้องใช้เวลาพักฟื้นเจ็ดวันถึงจะสามารถออกโรงได้
หลังจากการประลองในครั้งนี้ ทำให้หลินจื่อเยวียนยิ่งเห็นคุณค่าของฉินห้าวตงมากยิ่งขึ้น เขาไม่เพียงแต่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม อีกอย่างยังมีทักษะการต่อสู้ที่สามารถเอาชนะราชาทหารได้อีกด้วย
เขาพูดอย่างสุภาพ “คุณหมอฉิน อาหารเย็นเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ”
ฉินห้าวตงเดินเข้าไปในห้องอาหารกับหลินจื่อเยวียน ตอนนี้เองหูก็พลันได้ยินลูกสาวพูดลับหลังว่า “หม่าม๊าคะ วันนี้ป่าป๊าพาหม่าม๊าคนที่สองมาหาหนูด้วย สวยมากๆ เลยค่ะ!”
ฉินห้าวตงเดินสะดุดทันที คล้ายกับหลังของตัวเองถูกสายตาอำมหิตของหลินโม่โม่จดจ้องอยู่.
ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขายังไม่ทันได้ยืนนิ่งดี แม่หนูน้อยก็พูดขึ้นมาอีกว่า “หม่าม๊าค่ะ คืนนี้ป่าป๊ากับหม่าม๊าคนที่สองนัดกันออกไปข้างนอกค่ะ!”
ฉินห้าวตงแอบคร่ำครวญอยู่ในใจ “ขุดหลุมฝังพ่อตัวเองชัดๆ ลูกสาวคนนี้ขุดหลุมฝังพ่อตัวเองเข้าให้แล้ว!”
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จแล้วกล่อมแม่หนูน้อยนอนหลับแล้ว ฉินห้าวตงดูเวลาพบว่ามันเริ่มดึกแล้ว จึงค่อยๆ ลุกออกจากเตียง ขณะที่กำลังจะเดินออกจากประตูนั้น ก็ได้ยินเสียงหลินโม่โม่ดังมาจากทางด้านหลังว่า “จะไปไหน มีนัดเดตหรือไง?”
จบตอน