px

เรื่อง : คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣)
ตอนที่ 32 คุณทำไม่ได้


ตอนที่ 32 คุณทำไม่ได้

 

“คุณหมอฉิน คุณคิดว่าฉันควรจะทำกรงสุนัขใหม่ไหม?”

 

ไป๋จื่อผิงเอ่ยถาม ถึงแม้ว่าเขาจะจ่ายค่าทำกรงสุนัขนี้ไปเกือบหนึ่งล้านหยวน แต่ถ้าหากมันจำเป็น เขาก็พร้อมจะทุบมันโดยไม่ลังเลทันที

 

“ไม่ต้องแล้วครับ ผมรักษาอาการป่วยของต้าไป๋กับเสี่ยวไป๋จนหายดีแล้วต่อไปนี้พวกมันจะไม่ป่วยอีกแล้วครับ เอากรงไว้แบบนี้ก็ดีแล้ว” ฉินห้าวตงพูดขึ้น

 

“ขอบคุณนะ ขอบคุณมากคุณหมอฉิน!” ไป๋จื่อผิงมีความสุขมาก เขากล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

หลังจากจัดการเรื่องราวทุกอย่างเสร็จสิ้นหมดแล้ว ฉินห้าวตงและหลินจื่อเยวียนพาแม่หนูน้อยออกจากคอกสุนัข พร้อมกับพาลูกสุนัขทิเบตันแมสติฟฟ์สองตัวนั้นไปด้วย

 

หลังจากที่พวกเขากลับไป ครูฝึกสุนัขคนหนึ่งหันไปพูดกับไป๋จื่อผิงว่า “เถ้าแก่ครับ ลูกสุนัขทิเบตันแมสติฟฟ์สองตัวนั้นมีมูลค่าสูงถึงห้าล้านเชียวนะครับ พวกเราปล่อยให้เขาเอากลับไปมันจะไม่เป็นการสูญเสียมากไปเหรอครับ?”

 

ไป๋จื่อผิงโบกไม้โบกมือพลางพูดขึ้น “นายจะไปเข้าใจอะไร? ถ้าหากไม่ได้คุณหมอฉินช่วยไว้ ลูกสุนัขสองตัวนั้นคงตายไปแล้ว แบบนั้นยังไม่คุ้มค่าเทียบเงินห้าหยวนเลย ตอนนี้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของเรารอดชีวิตมาได้ อนาคตพวกเราก็จะมีลูกสุนัขได้มากเท่าที่เราต้องการ”

 

“อีกอย่างคุณหมอฉินเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแน่นอน ต่อไปในอนาคตคอกสุนัขของเราจะต้องพึ่งพาเขาอยู่ไม่น้อย พวกนายจำเอาไว้นะ ถ้าเจอคุณหมอฉิน พวกนายจะต้องแสดงความเคารพเขาเหมือนกับที่ฉันทำ ถ้าใครกล้าไม่สุภาพกับเขาแม้แต่นิดเดียว ฉันจะไล่มันออกให้หมด!”

 

“ครับ! เข้าใจแล้วครับเถ้าแก่!”

 

ครูฝึกสุนัขทั้งสองคนรีบตอบรับทันที!

 

ไป๋จื่อผิงมองการณ์ไกลจริง ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาหรือคอกสุนัขของเขา ในอนาคตล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาคุณหมอฉินทั้งนั้น

 

ฉินห้าวตงและแม่หนูน้อยขึ้นรถกลับบ้านด้วยกัน พอมีลูกสุนัขทิเบตันแมสติฟฟ์สองตัวนี้ บรรยากาศภายในรถดูคึกครื้นขึ้นมาทันที

 

ลูกสุนัขทิเบตันแมสติฟฟ์สองตัวนี้พึ่งคลอดออกมาได้ไม่นาน รูปร่างของมันยังไม่ใหญ่ ดังนั้นโอสถชำระไขกระดูกแค่ครึ่งเม็ดก็เพียงพอที่จะชะล้างไขกระดูกของมันให้สะอาด ตอนนี้ไม่เพียงแต่ความแข็งแรงทนทานของร่างกายที่ได้รับการปรับปรุงเท่านั้น ขณะเดียวกันความฉลาดของมันก็ได้รับการปรับปรุงไปด้วย พวกมันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความฉลาดอันเหลือล้น ทำให้เล่นกับถังถังอย่างสนุกสนาน

 

หลังจากกลับมาถึงบ้าน แม่หนูน้อยอุ้มลูกสุนัขขึ้นมาหนึ่งตัว แล้วรีบวิ่งเข้ามาในบ้าน พลางตะโกนเรียกหาแม่ “หม่าม๊า หม่าม๊า รีบมาดูเจ้าหมาน้อยเร็ว!”

 

หลินโม่โม่ได้ยินเสียงเรียกของลูกสาวจึงเดินออกมาจากในห้องนอน พอเห็นรูปร่างน่ารักขนฟูของลูกสุนัขทิเบตันแมสติฟฟ์ทั้งสองตัวนี้ เธอก็หลงรักมันทันที

 

โดยธรรมชาติผู้หญิงจะชอบสัตว์ตัวเล็ก ยิ่งเป็นลูกสุนัขทิเบตันแมสติฟฟ์สีขาวขนปุกปุย ดูน่ารักไร้พิษภัย ไม่ว่าใครเห็นต่างก็ต้องชื่นชอบพวกมันทั้งนั้น

 

“ช่างเป็นสุนัขที่น่ารักจริงๆ!”

 

แน่นอนว่าหลินโม่โม่จะไม่แย่งลูกสุนัขจากในอ้อมแขนของลูกสาวเธอเด็ดขาด เธอเดินเข้าไปขออุ้มมาจากอ้อมแขนของฉินห้าวตง แล้วอุ้มด้วยท่าทีอ่อนโยน

 

“นี่คือสุนัขพันธุ์อะไรเหรอ? พันธุ์ปักกิ่งเหรอ?”

 

“พันธุ์ปักกิ่งเหรอ!” ฉินห้าวตงตกใจ พลางพูดขึ้น “นี่มันคือทิเบตันแมสติฟฟ์ต่างหาก ไม่ใช่พันธุ์ปักกิ่ง”

 

หลินโม่โม่เหลือบตาใส่เขาแล้วพูดขึ้น “ไร้สาระน่า ฉันเคยเห็นทิเบตันแมสติฟฟ์มาก่อน พวกมันตัวใหญ่ยังกับสิงโต จะมาตัวเล็กน่ารักขนาดนี้ได้ยังไง?”

 

ฉินห้าวตงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คุณหนูครับ เจ้าทิเบตันแมสติฟฟ์สองตัวนี้พึ่งคลอดมาได้แค่สองวันเอง จะให้มันตัวใหญ่ขนาดไหนล่ะครับ?”

 

“เป็นไปไม่ได้ นี่นายจะพูดจริงจังขึ้นมาบ้างได้ไหม? ลูกสุนัขอายุสองวันยังคลานไม่ได้เลย จะมาวิ่งวุ่นวายไปทั่วแบบนี้ได้ไง”

 

ฉินห้าวตงขี้เกียจอธิบายต่อ จึงพูดขึ้นว่า “แล้วแต่คุณละกัน ถ้าคุณคิดว่ามันคือพันธุ์ปักกิ่ง คุณจะเลี้ยงมันแบบพันธุ์ปักกิ่งก็ได้”

 

ในเวลานี้แม่หนูน้อยโพล่งขึ้น “ป่าป๊า เจ้าหมาน้อยมันหิวแล้วหรือเปล่าคะ?”

 

ลูกสุนัขทิเบตันแมสติฟฟ์สองตัวนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่มันเกิดมา การชำระไขกระดูกช่วยได้แค่ทำให้มันมีร่างกายแข็งแรง แต่ไม่สามารถเติมเต็มความหิวของพวกมันได้ ในเวลานี้ลูกสุนัขสองตัวนี้เลียไปทุกที่ดูเหมือนผีที่หิวโหย

 

“อืม พวกมันหิวแล้ว หาอะไรให้พวกมันกินหน่อยแล้วกัน!” ฉินห้าวตงพูดขึ้น

 

ถังถังรีบไปหานมและขนมขบเคี้ยวของเธอมาเป็นจำนวนมาก แล้วค่อยๆ ป้อนให้ลูกสุนัขทีละนิด

 

พอหลินโม่โม่เห็นถังถังกำลังจะเอาเนื้ออบแห้งมาป้อนลูกสุนัข เธอจึงรีบพูดขึ้น “ถังถัง เราจะป้อนของกินลูกสุนัขแบบมั่วๆ ไม่ได้ พวกมันจะท้องเสียได้ง่ายนะลูก”

 

ฉินห้าวตงจึงกล่าวว่า “ไม่เป็นไร พวกมันสองตัวกินได้ทุกอย่าง ไม่ต้องสนใจหรอก”

 

ถึงแม้ว่าลูกสุนัขทิเบตันแมสติฟฟ์สองตัวนี้จะยังเด็กเกินไป แต่ร่างกายของมันแข็งแรงมาก ดังนั้นกระเพาะและลำไส้ของพวกมันจึงเปรียบได้ดังเหล็ก กินอะไรเข้าไปก็ไม่เป็นปัญหาเลย

 

เมื่อได้รับอนุญาตจากป่าป๊า แม่หนูน้อยจึงป้อนอาหารลูกสุนัขสองตัวนี้อย่างดุเดือด ลูกสุนัขสองตัวนี้กินเก่งมาก พวกมันไม่เพียงแต่ดื่มนมสองขวดจนหมดเกลี้ยง แต่พวกมันยังกินขนมของถังถังจนไม่เหลืออีกด้วย

 

หลินโม่โม่มองด้วยความประหลาดใจและสงสัยว่าพวกมันเอาอาหารทั้งหมดยัดลงไปไว้ตรงส่วนไหนของกระเพาะ

 

พอเห็นเจ้าลูกสุนัขทั้งสองตัวนี้ได้รับความรักมากมายจากสองสาวงามในบ้าน ฉินห้าวตงจึงพูดขึ้น “พวกมันมาอยู่ที่บ้านเราแล้ว เราต้องตั้งชื่อให้พวกมัน ไม่อย่างนั้นจะเรียกลำบาก”

 

“คุณพูดถูด พวกมันควรจะมีชื่อ” หลินโม่โม่จึงพูดต่อ “พวกมันสองตัวมีสีขาว งั้นเรียกว่าต้าไป๋กับเสี่ยวไป๋ละกัน”

 

ถังถังได้ยินดังนั้นจึงรีบโบกไม้โบกมือ “ไม่ได้ค่ะ! ไม่ได้! ต้าไป๋กับเสี่ยวไป๋คือป่าป๊ากับหม่าม๊าของพวกมัน!”

 

“โอ้!” หลินโม่โม่คิดไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นว่า “งั้นเรียกพวกมันว่าถังโต้วกับถังลี่แล้วกัน!”

ฉินห้าวตงพูดไม่ออก ถึงแม้ว่าเจ้าสุนัขทิเบตันแมสติฟฟ์สองตัวนี้จะน่ารัก แค่ก็ไม่ควรตั้งชื่อพวกมันตามนามสกุลของเขา มันจะยุ่งยากเอาได้ ดังนั้นเขาจึงพูดค้านทันที “ไม่ได้ ถังโต้วกับถังลี่ เอาไว้ใช้เป็นชื่อลูกๆ ของเราในอนาคต”

 

“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว! ถังถังยังอยากได้น้องสาวกับน้องชาย” แม่หนูน้อยค้านตามทันที

 

“หึ! ฝันไปเถอะ!” หลินโม่โม่แก้มแดง เธอถลึงตามองฉินห้าวตงแล้วพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ชื่อนี้ก็ไม่ได้ ชื่อนั้นก็ไม่ได้ แล้วจะให้ชื่ออะไร?”

 

“งั้นชื่อต้าเหมากับเอ้อร์เหมาแล้วกัน!” ฉินห้าวตงพูดขึ้น

 

“ได้ค่ะ! ได้เลย!” แม่หนูน้อยรีบยกมือขึ้นเห็นด้วย จากนั้นลูบหัวลูกสุนัขทั้งสองตัวพลางพูดขึ้น “ต่อไปพวกเธอชื่อว่าต้าเหมาและเอ้อร์เหมานะ”

 

ดูเหมือนว่าต้าเหมาและเอ้อร์เหมาจะฟังแม่หนูน้อยรู้เรื่อง พวกมันรีบกระดิกหางอย่างมีความสุข

 

หลังจากที่ทุกคนกินข้าวเย็นเรียบร้อยแล้ว หลินโม่โม่จึงพาแม่หนูน้อยและต้าเหมากับเอ้อร์เหมาไปอาบน้ำ ลูกสุนัขสองตัวดูสะอาดขึ้นเยอะ

 

หลังจากเล่นกันไปสักพัก แม่หนูน้อยจึงดึงมือของฉินห้าวตงพลางพูดขึ้นว่า “ป่าป๊า พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ป่าป๊ากับหม่าม๊าพาถังถังไปเที่ยวหน่อย!”

 

“พ่อไม่มีปัญหา ลองถามแม่ของลูกแล้วกันว่าว่างไหม?” ฉินห้าวตงพูดขึ้น

 

“หม่าม๊า ได้ไหมคะ? เพื่อนคนอื่นยังไปเที่ยววันหยุดกับป่าป๊าหม่าม๊าเลย” แม่หนูน้อยมองไปยังหลินโม่โม่อย่างมีความหวัง

 

หลินโม่โม่ลังเลไปพักหนึ่ง แต่พอเห็นสายตารอคอยของลูกสาวจึงตอบรับไป ในเมื่อหาพ่อที่แท้จริงของถังถังไม่เจอ ก็ใช้พ่อบุญธรรมมาเติมเต็มความต้องการในใจของลูกสาวแล้วกัน

 

“เย้ๆ จะได้ไปเที่ยวกับป่าป๊ากับหม่าม๊าแล้ว!”

 

ถังถังกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข ต้าเหมากับเอ้อร์เหมาเหมือนจะรับรู้ถึงความรู้สึกของถังถังได้ พวกมันจึงกระโดดโลดเต้นตาม

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พอถึงเวลานอนในตอนกลางคืน ถังถังดึงฉินห้าวตงและหลินโม่โม่ไปนอนบนเตียง แต่คืนนี้แตกต่างจากทุกคืนตรงที่ว่ามีลูกสุนัขเพิ่มขึ้นมาอีกสองตัวแยกกันนอนอยู่ฝั่งซ้ายฝั่งขวาของถังถัง

 

ในไม่ช้าถังถังและต้าเหมากับเอ้อร์เหมาก็หลับไป ฉินห้าวตงเองก็แกล้งทำเป็นหลับ แต่กลับถูกหลินโม่โม่ดึงขึ้นมา “เอาล่ะ คุณควรกลับไปได้แล้ว!”

 

ฉินห้าวตงพูดขึ้น “ดึกขนาดนี้แล้ว เตียงก็อย่างใหญ่ ให้ผมนอนที่นี่เถอะ!”

 

“ไม่ได้ คุณเป็นผู้ชายนะ คุณจะนอนกับผู้หญิงอย่างพวกฉันไม่ได้!”

 

“แต่มันก็ตัวผู้นะ” ฉินห้าวตงชี้ไปยังต้าเหมาที่กำลังนอนหลับพลางพูดขึ้น

 

“มันนอนได้ แต่คุณไม่ได้!” หลินโม่โม่พูดขึ้น

 

“เห้อ!” ฉินห้าวตงถอนหายใจ เขาเป็นรองได้แม้กระทั่งสุนัข

 

แต่หลินโม่โม่ยืนยันที่จะให้เขากลับไป เขาหมดทางเลือก จึงทำได้เพียงลุกขึ้นแล้วกลับไปนอนบ้านตัวเอง

 

เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินห้าวตงมายังบ้านตระกูลหลิน และปรุงอาหารเช้ามากมายกับพ่อครัวจางต้าฟู่ ในไม่ช้าแม้หนูน้อยและต้าเหมากับเอ้อร์เหมาได้กลิ่นเข้า จึงวิ่งเข้ามาในห้องอาหาร

 

มองดูต้าเหมากับเอ้อร์เหมาที่กำลังก้มกินอาหาร หลินโม่โม่จึงพูดด้วยความประหลาดใจ “ทำไมแค่คืนเดียว ดูเหมือนพวกมันจะโตขึ้นเยอะเลย?”

 

หลินจื่อเยวียนยังพูดต่ออีกว่า “นี่ใช่ลูกสุนัขที่พากลับมาเมื่อวานหรือเปล่า? ตัวมันใหญ่ขึ้นมาก!”

 

โดยปกติสุนัขพันธุ์ทิเบตันแมสติฟฟ์จะโตเร็วมาก ยิ่งถูกฉินห้าวตงชำระไขกระดูกด้วยแล้ว อัตราการเติบโตของต้าเหมาและเอ้อร์เหมาจึงรวดเร็วกว่าสุนัขทั่วไป

 

“ก็กินตะกละเหมือนหมูขนาดนี้ ไม่โตเร็วก็แปลกแล้วครับ! รู้งี้ไม่น่าเรียกพวกมันว่าต้าเหมากับเอ้อร์เหมาเลย น่าจะเรียกหมูอ้วนกับหมูน้อย!”

 

ฉินห้าวตงพูดจบ แม่หนูน้อยก็หัวเราะคิกคักออกมา

 

หลังจากกินข้าวเช้าแล้ว ฉินห้าวตงและหลินโม่โม่พาแม่หนูน้อยออกไปเที่ยวด้วยกัน

 

เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของลูกสาว หลินจื่อเยวียนจึงเพิ่มจำนวนบอดี้การ์ดคุ้มครองหลินโม่โม่ จากตอนแรกมีสี่คนเพิ่มเป็นสิบคน หัวหน้าบอดี้การ์ดยังคงเป็นจางเต๋อเซิ่งเหมือนเดิม

 

ก่อนออกเดินทาง เขายังกำชับจางเต๋อเซิ่งอีกครั้ง “ออกไปข้างนอกก็ระวังตัวกันด้วย คุ้มครองความปลอดภัยของโม่โม่กับถังถังให้ดี”

 

จางเต๋อเซิ่งตบหน้าอกแล้วพูดขึ้น”วางใจเถอะเถ้าแก่ มีผมอยู่ ไม่เกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน”

 

ฉินห้าวตงแอบส่ายหัวอยู่ในใจ เขาคิดว่าจางเต๋อเซิ่งพูดโม้มากไปหน่อย ที่จริงแล้วเขาไม่ค่อยมีความสามารถในฐานะบอดี้การ์ดเท่าไร ไม่อย่างนั้นครั้งที่แล้วหลินโม่โม่คงไม่ถูกรถชน

 

แต่เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ ในความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดคนอื่นก็ได้ ในเมื่อมีเขาอยู่ทั้งคนแล้ว

 

เขาอุ้มแม่หนูน้อยแล้วขึ้นไปนั่งบนรถลีมูซีนกับหลินโม่โม่ รวมกับรถบอดี้การ์ดอีกสามคัน รถทั้งสี่คันดูเหมือนขบวนรถเล็กๆ ขับตรงไปยังสวนเด็กเล่นมิกกี้เมาส์

 

หลังจากออกเดินทาง ฉินห้าวตงที่กำลังเล่นกับถังถังอยู่ในรถ จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่ารถคันอื่นที่อยู่ด้านนอกขับเบี่ยงหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว รถของตระกูลหลินเองก็ขับไปชิดถนนฝั่งนอกสุด แล้วเหลือพื้นที่ถนนตรงกลางไว้

 

จากนั้นมีคาราวานรถหรูขับผ่านพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว คันที่ขับนำคือรถฮัมเมอร์ที่ดูโดดเด่น ตามมาด้วยรถบ้านหนึ่งคัน ด้านหลังรถบ้านเป็นรถออฟโรดขนาดใหญ่นับสิบคัน

 

ถ้าหากเขาไม่ได้มองเห็นว่าในรถมีบอดี้การ์ดชุดดำสักเต็มตัวนั่งอยู่ด้านใน ฉินห้าวตงคงจะคิดว่าเป็นคนสำคัญของประเทศจีนเดินทางมายังเจียงหนาน

 

“นี่มันคาราวานรถของใครกัน? เขามีโปรไฟล์สูงขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉินห้าวตงถาม

 

หลินโม่โม่จึงพูดขึ้น “มีคนเดียวเท่านั้นแหละที่จะกล้าทำอะไรยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เขาคือหลงไห่เซิง”

 

ฉินห้าวตงถามต่อ “ใครคือหลงไห่เซิง? มีอำนาจมากกว่าหลินชื่อกรุ๊ปอีกเหรอ?”

 

“พวกเราไม่เปรียบเทียบกัน” หลินโม่โม่ตอบ “ถึงแม้ว่าในเจียงหนานหลินชื่อกรุ๊บจะมีสถานะสูง แต่พวกเราจะเข้าไปมีส่วนร่วมในธุรกิจที่ถูกกฎหมายเท่านั้นและไม่เข้าไปแทรกแซงกิจการใต้ดิน”

 

“แต่หลงไห่เซิง หรือที่รู้จักกันในนามพี่หลง เขามีอำนาจแข็งแกร่งทั้งในธุรกิจใต้ดินและธุรกิจถูกกฎหมาย ปกติจะไม่มีใครกล้ายั่วโมโหเขา มีคนพูดว่าเขาครอบครองกิจการใต้ดินทั้งหมดของเจียงหนาน”

 

 

จบตอน

 

รีวิวผู้อ่าน