ตอนที่ 28 ถูกหญิงเลี้ยงดูเหรอ?
“เอ่อ……” จ้าวหงเม่าตกตะลึงตาค้าง ตอนแรกเขากะจะแอบเรียกทีมรักษาความปลอดภัยมาแก้แค้นให้ภรรยาของเขา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะไปล้ำเส้นหลินโม่โม่เข้าให้ ในเวลานี้เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี
แต่จางต้าเปียวและคนอื่นๆ กลับก้มหน้าต่ำมากจนแทบจะแทรกเข้าเป้ากางเกงของตัวเอง พวกเขาเองก็รู้ว่านี่มันปัญหาใหญ่แล้ว เผลอๆ มันอาจทำให้พวกเขาตกงานเอาง่ายๆ
“หม่าม๊าคะ หนูรู้ค่ะ!” แม่หนูน้อยเริ่มพูดในขณะที่คนอื่นยังคงนิ่งเงียบ “หม่าม๊าของจ้าวเล่อเล่อให้คนมาตีป่าป๊าค่ะ แต่ป่าป๊าเตะพวกเขาจนกลิ้งเป็นเหมือนลูกบอล แถมหม่าม๊าของจ้าวเล่อเล่อยังมาเรียกถังถังว่าเด็กพันธุ์ทางอีก ป่าป๊าเลยใช้วิธีมหัศจรรย์ ทำให้หม่าม๊าของจ้าวเล่อเล่อดูน่าเกลียด!”
แม่หนูน้อยหันไปมองเซียวลี่ลี่ขณะที่พูด จากนั้นรีบใช้มืออวบอ้วนปิดตาตัวเอง ท่าาทางที่น่ารักนั่นทำให้ผู้คนที่มองอยู่พากันหัวเราะออกมา
หลังจากฟังแม่หนูน้อยเล่าจบ หลินโม่โม่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงอัปลักษณ์ตรงหน้านี้จะเป็นคนเดียวกับเซียวลี่ลี่ที่เธอพึ่งเจอไปเมื่อเช้า ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในทันที จะต้องเป็นผู้หญิงคนนี้มาหาเรื่องฉินห้าวตงอย่างแน่นอน แต่พวกเขาไม่รู้ถึงความเก่งกาจของฉินห้าวตง พวกเขาจึงได้รับบทเรียนราคาแพง
“ขอโทษครับประธานหลิน ภรรยาของผมไม่รู้ว่านี่คือสามีและลูกสาวของคุณ!”
เมื่อจ้าวหงเม่าเห็นว่าเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจึงทำได้แค่โค้งคำนับและกล่าวคำขอโทษ ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกแปลกใจมาก หลินโม่โม่โด่งดังในฐานะสาวงามผู้เยือกเย็น ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเธอแต่งงานแล้ว ทำไมวันนี้จู่ๆ ถึงมีสามีและลูกสาวโผล่มาได้ล่ะ?
ในความคิดของเขา แม่หนูน้อยคนนี้เรียกฉินห้าวตงว่าป่าป๊า เรียกหลินโม่โม่ว่าหม่าม๊า ทั้งสามคนจะต้องเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างแน่นอน
มันเป็นเรื่องยากสำหรับหลินโม่โม่ที่จะอธิบายเรื่องนี้และเธอไม่จำเป็นต้องอธิบายให้จ้าวหงเม่าฟัง
“ภรรยาของคุณด่าลูกสาวฉันว่าเป็นเด็กพันธุ์ทางงั้นเหรอ?”
ใบหน้าเยือกเย็นของเธอทวีความเย็นชาขึ้น สิ่งที่เธอเกลียดมากที่สุดคือการที่คนอื่นมาเรียกลูกสาวของเธอว่าเด็กไม่มีพ่อหรือเด็กพันธุ์ทาง!
“ขอโทษครับประธานหลิน พวกเราไม่รู้จริงๆ ว่าเธอคือลูกสาวของคุณ……”
ถึงแม้ว่าจ้าวหงเม่าจะมีคนคอยดันอยู่เบื้องหลัง แต่วันนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดของเขาจริง เขาจึงโค้งคำนับกล่าวขอโทษเธออีกครั้ง
“รองประธานจ้าว ทีมรักษาความปลอดภัยเป็นคนของบริษัท ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของคุณที่คุณจะสามารถเรียกใช้ได้ตามต้องการ หรือเรียกให้มาต่อสู้เพื่อแก้แค้นให้กับภรรยาของคุณ” หลินโม่โม่พูดขึ้นอย่างเยือกเย็น “การใช้อำนาจในมือคุณครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับบริษัท ดังนั้นตอนนี้คุณถูกพักงานชั่วคราว!”
พูดจบเธอหันไปยังจางต้าเปียวและพรรคพวก “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกคุณไม่ใช่พนักงานหลินชื่อกรุ๊ปอีกแล้ว รีบกลับไปเก็บของแล้วไสหัวไปซะ!”
สีหน้าของหลินโม่โม่ดูเคร่งขรึมและโกรธจัด แต่ภายในใจของเธอกลับมีความสุขมาก พ่อของจ้าวหงเม่าที่มีชื่อว่าจ้าวจงเฉินเป็นประธานของหลินชื่อกรุ๊ปและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทด้วย
ที่ผ่านมาจ้าวหงเม่าได้ใช้อำนาจบารมีของจ้าวจงเฉินชิงอำนาจของหลินโม่โม่มาเป็นระยะเวลานาน มักจะก่อความวุ่นวายให้เธออยู่หลายครั้ง ในที่สุดวันนี้เธอก็มีโอกาสสอนบทเรียนให้ชายคนนี้เสียที
ในขณะเดียวกันทีมรักษาความปลอดภัยอยู่ในความดูแลของจ้าวหงเม่า ดังนั้นจางต้าเปียวและพรรคพวกจึงเป็นคนของเขาทั้งหมด วันนี้จัดได้ว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ถอนรากถอนโคนพวกนั้น กล่าวคือฉินห้าวตงช่วยให้เธอทำสิ่งที่เธออยากทำมาโดยตลอด
จางต้าเปียวและทีมรักษาความปลอดภัยคนอื่นๆ รู้ดีว่าเรื่องในวันนี้ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ พวกเขาจึงทำได้เพียงยอมรับความผิดและวิ่งจากไปด้วยความเสียใจ
จ้าวหงเม่าถอนหายใจพลางพูดขึ้น “ประธานหลิน ผมยอมรับผิดในเรื่องนี้ แต่โปรดบอกสามีของคุณให้แสดงความเมตตา กรุณายกโทษให้ภรรยาผมด้วย!”
เซียวลี่ลี่รู้ว่าวันนี้เธอก่อปัญหาใหญ่ แต่เธอไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว เธอจึงอ้อนวอนต่อฉินห้าวตง “ได้โปรดเถิด ฉันรู้ว่าฉันผิด ได้โปรดเมตตาฉันสักครั้ง รีบคืนหน้าเดิมให้ฉันเถอะนะ!”
ฉินห้าวตงหัวเราะอย่างเยือกเย็น เขาไม่สนใจเธอสักนิด ในเมื่อกล้ามาเรียกลูกสาวมหาเทพแห่งพงไพรว่าเป็นเด็กพันธุ์ทาง เขาไม่ฆ่าเธอทิ้งก็ถือว่าเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงแล้ว
เมื่อเห็นว่าฉินห้าวตงไม่ได้สนใจ จ้าวหงเม่าเปลี่ยนสีหน้าอีกครั้ง “ไอ้หนุ่ม การทำลายรูปลักษณ์คนอื่นถือเป็นความผิดครั้งใหญ่ ระวังฉันจะแจ้งตำรวจจับแกนะ!”
ฉินห้าวตงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อยากจะแจ้งตำรวจตอนไหนก็เชิญ แต่ผมขอแนะนำให้คุณรีบพาลูกสาวไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจดีเอ็นเอ”
“แกหมายความว่าอะไร?”
ฉินห้าวตงจึงพูดต่อ :“คุณยังไม่รู้อีกเหรอว่าหมายความว่าอะไร? คุณนี่มันน่าสงสารเสียจริง วันนี้ผมแนะนำคุณเท่านี้แล้วกันนะ เดี๋ยวคุณจะรู้ทุกอย่างเองเมื่อคุณอ่านผลตรวจดีเอ็นเอ!”
จ้าวหงเม่าหันไปมองเซียวลี่ลี่ทันที เขาเองก็เกิดความสงสัยในใจมาโดยตลอดว่าทำไมลูกสาวถึงไม่เหมือนเขาเลยสักนิด พอได้ยินฉินห้าวตงพูด มันยิ่งไปกระตุ้นความสงสัยของเขาเข้าไปใหญ่
“ที่รัก คุณอย่าไปฟังเขานะคะ เล่อเล่อคือลูกสาวของคุณ ไม่ต้องตรวจดีเอ็นเออะไรทั้งนั้น…...”
“คุณมันหญิงแพศยา กลับบ้านกับผมก่อนเถอะแล้วค่อยว่ากัน!”
จ้าวหงเม่าหันหลับเดินกลับไปทันที ตอนนี้เขาจะพาลูกสาวของเขาไปตรวจดีเอ็นเอ
เซียวลี่ลี่ไม่มีเวลามามัวขอร้องฉินห้าวตง เธอรีบเดินตามจ้าวหงเม่าไป เพราะเธอรู้ดีว่าลูกสาวเป็นลูกของใครกันแน่ ทุกอย่างจบลงแน่ถ้าเขาตรวจดีเอ็นเอขึ้นมาจริงๆ
ฝูงชนที่มามุงดูก็แยกย้ายกันไปหลังจากที่พวกเขาจากไป
“ป่าป๊า ป่าป๊าเก่งจังเลย ถังถังรักป่าป๊า!” แม่หนูน้อยหอมแก้มฉินห้าวตง
“ห้าวตง คุณเองก็ระวังตัวหน่อย คุณทำลายโฉมของผู้หญิงคนนั้น ถ้าหากเธอแจ้งตำรวจขึ้นมาจริงๆ คุณจะเดือดร้อนเอานะ!” หลินโม่โม่เผยสีหน้าเป็นกังวลออกมา
“ไม่เป็นไรครับ โรงพยาบาลทุกแห่งจะระบุว่าเธอมีใบหน้านั้นมาแต่กำเนิด แจ้งตำรวจไปก็ไม่มีประโยชน์ครับ!”
ฉินห้าวตงไม่ได้สนใจสักนิด เขาหันไปยิ้มกว้างให้กับหลินโม่โม่พลางพูดขึ้น “วันนี้ผมได้รถใหม่มา ผมพาคุณกับถังถังไปขับรถเล่นได้ไหม?”
“ดีเลยค่ะ! ดีเลย! หนูอยากเห็นรถใหม่ของป่าป๊า!” แม่หนูน้อยร่าเริงขึ้นมาในทันที
“รถใหม่ของคุณอยู่ไหนล่ะ?” หลินโม่โม่เอ่ยถาม
ฉินห้าวตงชี้ไปที่ Lamborghini Centenario ที่จอดอยู่ข้างถนนพลางพูดขึ้น “ตรงนั้นไงล่ะ !”
ในเวลานี้มีแฟนพันธุ์แท้รถยนต์จำนวนหกเจ็ดคนกำลังยืนล้อมรถคันนี้อยู่เพื่อตัดสินและพูดคุยเกี่ยวกับสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมของรถคันนี้
“ป่าป๊า รถของป่าป๊าสวยจังเลย ถังถังอยากนั่ง!” แม่หนูน้อยชอบรถ Lamborghini มาก
หลินโม่โม่ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามฉินห้าวตงอย่างเย็นชา “มันเป็นของขวัญจากผู้หญิงคนนั้นเหรอ?”
“เอ่อ……ถือว่าใช่แหละครับ!”
หลินโม่โม่พูดขัดขึ้นในขณะที่ฉินห้าวตงกำลังจะอธิบายต่อ “คุณทำแบบนั้นได้อย่างไร? ถ้าคุณขาดเหลือเงินทองก็บอกฉันสิ ทำไมต้องทำเรื่องแบบนี้?”
“ผมทำอะไร?” พอเห็นสีหน้าโกรธเคืองของหลินโม่โม่ ฉินห้าวตงก็เข้าใจในทันที ดูท่าว่าแม่ของลูกจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นผู้ชายขายตัว
“คุณนึกว่าผมมีหญิงเลี้ยงเหรอ?”
“ไม่ใช่หรือไง? ถ้าไม่ใด้มีหญิงมาเลี้ยง ใครเขาจะมาให้รถหรูมูลค่าสูงขนาดนี้แก่คุณ? อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะว่ารถคันนี้คือ Lamborghini Centennario ที่มีมูลค่ามากกว่า 40 ล้านหยวน ดูท่าว่าผู้หญิงรวยคนนั้นเขายอมที่จะจ่ายให้คุณอย่างเต็มใจซะด้วยสิ!”
หลินโม่โม่โกรธโดยไม่มีเหตุผล เธอไม่รู้แม้กระทั่งว่าเธอโกรธขนาดไหน
“คุณเข้าใจผิดแล้ว คนที่มาในวันนี้คือคนไข้ของผม รถคันนี้เป็นรถที่ตระกูลเขามอบให้ผมเป็นค่ารักษา มันเป็นสิ่งที่ผมหามาได้ด้วยตัวเอง” ฉินห้าวตงยิ้มแล้วพูดต่อ “ต่อให้มีคนอยากมาเลี้ยงดูผมก็เลี้ยงไม่ได้หรอก ค่าตัวผมแพงมาก แต่ถ้าหากคุณอยากเลี้ยงดูผม ผมมีส่วนลดให้คุณ 20% นะ”
หลินโม่โม่รู้สึกโล่งใจราวกับยกหินออกจากอก ในเมื่อตระกูลหลินของเธอมอบบ้านให้แก่ฉินห้าวตงได้ แน่นอนว่าตระกูลอื่นก็ต้องมอบรถให้เขาได้เหมือนกัน
สีหน้าของเธอดูผ่อนคลายขึ้นมามาก เธอหันไปเหลือกตาใส่เขา “คนหลงตัวเอง ใครจะไปอยากเลี้ยงดูคุณ!”
“หนูค่ะ หนูอยาก หนูอยากเลี้ยงดูป่าป๊า!” แม่หนูน้อยโพล่งขึ้นมาในทันที จากนั้นหันไปถามเขาต่อ “ป่าป๊าคะ เลี้ยงดูคืออะไรเหรอคะ?”
ฉินห้าวตงยื่นมือไปรับถังถัง พอมือของเขาสัมผัสเข้ากับที่หน้าอกอวบอิ่มของเธอโดยไม่ตั้งใจ ทำให้หลินโม่โม่หน้าแดงโดยไม่รู้ตัว
ฉินห้าวตงแอบลวนลามเธอนิดหน่อย เขามีความสุขอยู่ข้างใน แต่สีหน้าของเขากลับอธิบายให้แม่หนูน้อยฟังอย่างจริงจัง “การเลี้ยงดูก็คือการพาไปกินข้าว ซื้อเสื้อผ้าให้ใส่ ให้เงินใช้!”
“อ้อ งั้นหม่าม๊าก็เลี้ยงดูหนูเหมือนกัน!”
“การที่พ่อกับแม่เลี้ยงดูถังถังถือเป็นสิ่งที่ควรทำ แบบนี้ไม่นับว่าเป็นการเลี้ยงดูแบบนั้น” ฉินห้าวตงรู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้แม่หนูน้อยเข้าใจ เขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “ถังถัง งั้นพ่อจะพาหนูกับแม่ไปขับรถเล่นดีไหม?”
หลินโม่โม่จึงพูดขึ้น “ไม่เป็นไร วันนี้เสียเวลามามากพอแล้ว ใกล้จะถึงเวลากินข้าวเย็นแล้วด้วย ถังถังน่าจะเริ่มหิวแล้วล่ะ งั้นพวกเรากลับบ้านกันก่อนเถอะ”
พูดจบเธอไม่ได้กลับไปยังรถ Rolls Royce ของเธอ เธออุ้มแม่หนูน้อยนั่งเบาะข้างคนขับของรถ Lamborghini ฉินห้าวตงเป็นคนขับ ในที่สุดสามคนพ่อแม่ลูกก็กลับมาถึงบ้านตระกูลหลิน
อาหารเย็นถูกเสิร์ฟไปแล้วเมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้าน หลินจื่อเยวียนกำลังนั่งรอพวกเขาอยู่ที่โต๊ะอาหาร
หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จแล้ว เขามองมาที่ฉินห้าวตงเป็นครั้งคราว ราวกับมีเรื่องบางอย่างอยากจะพูดกับฉินห้าวตง
ฉินห้าวตงรู้สึกชื่นชอบพ่อตาคนนี้มาก เขาถึงเอ่ยถามหลินจื่อเยวียน “ประธานหลินครับ คุณมีอะไรจะพูดไหมครับ?”
“เอ่อ…...มันค่อนข้างจะพูดยากอยู่นะ!” หลินจื่อเยวียนพูดขึ้นอย่างเคอะเขิน
“ประธานหลินครับ ตอนนี้พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว มีอะไรก็พูดมาตามตรงเถอะครับ”
พอฉินห้าวตงพูดจบ แม่หนูน้อยก็ตะโกนขึ้นในทันที “ใช่แล้วค่ะคุณปู่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน!”
“งั้นฉันจะพูดแล้วนะ” หลินจื่อเยวียนดูค่อนข้างเขินอายและในที่สุดเขาก็พูดต่อ “ฉันมีเพื่อนที่สนิทมากอยู่คนหนึ่ง เขาได้ข่าวว่าทักษะทางการแพทย์ของเธอดีมาก สามารถรักษาอาการของโม่โม่ให้หายดีได้ เลยอยากขอให้เธอช่วยอะไรหน่อย”
“เรื่องง่ายแค่นี้เองครับ ผมเป็นหมอ การรักษาอาการป่วยของคนไข้ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง อีกอย่างเขาเป็นถึงเพื่อนของประธานหลิน ไม่มีปัญหาหรอกครับ”
ฉินห้าวตงตอบรับอย่างไม่ลังเลง ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกสงสัยว่าทำไมหลินจื่อเยวียนถึงไม่พูดมาตามตรง ก็แค่ให้เขาไปรักษาคนป่วยก็เท่านั้น ไม่เห็นต้องทำท่าอ้ำอึ้งแบบนี้เลย
“เอ่อ……เอ่อ……” หลินจื่อเยวียนหน้าแดงพลางพูดขึ้น “แต่ไม่ได้รักษาคนนี่สิ เขาอยากให้เธอไปรักษาหมา!”
พอเขาพูดจบ หลินโม่โม่ก็พูดขัดขึ้นโดยไม่ทันรอให้ฉินห้าวตงพูดอะไร “พ่อคะ พ่อพูดอะไรน่ะ ห้าวตงเขาเป็นคุณหมอรักษาคน เขาไม่ใช่สัตวแพทย์ จะไปรักษาโรคให้หมาได้ยังไงคะ?
พูดจบเธอจึงแอบชำเลืองมองฉินห้าวตง หากเปลี่ยนเป็นหมอคนอื่นที่มีทักษะทางการแพทย์สูงเช่นนี้ ถ้าหากถูกขอให้ไปรักษาหมา พวกเขาคงโกรธอย่างแน่นอน
ฉินห้าวตงกลับไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไร แต่ในใจของเขากลับนึกตลกเสียด้วยซ้ำ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลินจื่อเยวียนถึงทำท่าทางอ้ำอึ้ง ช่างเป็นพ่อตาที่แปลกคนเสียจริง!
แต่แม่หนูน้อยกลับพูดขึ้นว่า "น้องหมา น้องหมา ถังถังชอบน้องหมา!"
หลินจื่อเยวียนจึงพูดขึ้น “คุณหมอฉิน ฉันพูดกับเธอไปตามตรงแล้ว ถ้าหากเป็นหมาทั่วไป ฉันคงไม่มาพูดกับเธอแน่นอน"
พอได้ยินประโยคนี้ ฉินห้าวตงจึงมองเขาด้วยความสนใจพลางเอ่ยถาม “แล้วหมาตัวนี้มันพิเศษยังไงเหรอครับ?”
จบตอน