px

เรื่อง : คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣)
ตอนที่ 26 ตกหลุมพราง


ตอนที่ 26 ตกหลุมพราง

 

มังกรตาเดียวพูดขึ้นด้วยความตื่นตระหนก "พวกผมเป็นนักแสดงประกอบฉากในสตูดิโอ ปกติจะได้ค่าตัวแค่วันละ 100 หยวน แต่เมื่อวานมีนายจ้างใจดีคนหนึ่งบอกพวกเราว่าจะให้ค่าตัว 200 หยวน ให้พวกเรามาแสดงฉากซื้อขายยาเสพติดที่นี่ เขาเป็นคนจัดเตรียมฉากนี้ให้เรา"

 

น่าหลันอู๋เซี๋ยตะคอก "ไร้สาระ! ที่นี่ไม่มีกล้องวีดีโอสักตัว จะเป็นสถานที่ถ่ายทำได้อย่างไร?"

 

"ผมก็เคยถามแบบนี้เหมือนกัน ชายคนนั้นบอกว่าพวกเขาใช้อุปกรณ์ถ่ายทำที่ทันสมัยที่สุด ทำให้ไม่สามารถเห็นโอเปอร์เรเตอร์ได้ ในตอนนั้นพวกเราเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงเชื่อเขา"

 

"เพราะปกติพวกเราต้องแสดงประกอบฉากเป็นวันกว่าจะได้เงิน 100 หยวน นี่แค่สองชั่วโมงก็ได้เงินถึง 200 หยวนแล้ว แต่พวกเราคาดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้!"

 

"ใครส่งพวกคุณมาที่นี่?" หวางเจี้ยนเฟิงถาม

 

"ฉันเอง!"

 

เสียงหนึ่งดังมาจากเหนือหัวของพวกเขา หวางเจี้ยนเฟิงและน่าหลันอู๋เซี๋ยเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นเพียงชายชุดดำนับสิบคนปรากฏตัวขึ้นบนโถงทางเดินชั้นสอง นำโดยพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่ทางการกำลังต้องการตัว เขาคือสุนัขผู้โศกเศร้า

 

"ไม่ได้การแล้ว เราถูกล้อมเสียแล้ว!"

 

หวางเจี้ยนเฟิงนึกออกในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะที่เขากำลังยื่นมือไปหยิบปืนที่เอวนั้น เกิดเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ตรงพื้นบริเวณเท้าของเขาถูกยิงจนเศษหินปลิวกระจัดกระจายไปทั่ว

คนที่ยิงคือสุนัขผู้โศกเศร้านั่นเอง เขาเป่าปากกระบอกปืนพลางพูดตะโกนขึ้นว่า “ทำตัวดีๆ หน่อย ใครขยับฉันจะส่งมันไปลงนรกให้หมด!”

 

ในเวลานี้น่าหลันอู๋เซี๋ยและหวางเจี้ยนเฟิงหน้าซีดทันที ถึงแม้ว่าพวกเขาทุกคนจะมีปืน แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่มีโอกาสที่จะหยิบปืนออกมาได้

 

หวางเจี้ยนเฟิงตื่นตระหนก วันนี้มันคือฉากที่สุนัขผู้เศร้าโศกจัดไว้ให้พวกเขา เป็นหลุมพรางที่ใช้พวกนักแสดงตัวประกอบมาเป็นหมากในการล่อลวงพวกเขา

 

เขาตะโกนขึ้นอย่างดุดัน “สุนัขผู้โศกเศร้า แกจะทำอะไร? อย่าลืมว่านี่คือประเทศจีน ที่จะไม่ยอมให้แกมาทำอะไรสกปรกที่นี่เด็ดขาด!”

 

“ฉันรู้ว่านี่คือประเทศจีน ถ้าหากฆ่าพวกแกทั้งหมดที่นี่ ฉันคงอยู่ยาก แต่ฉันปล่อยคนอื่นไปได้ ยกเว้นนังผู้หญิงคนนั้นที่ฉันจะไม่มีวันปล่อยเธอไปเด็ดขาด!”

 

พอพูดมาถึงตรงนี้สีหน้าของสุนัขผู้โศกเศร้าได้เปลี่ยนไป สีหน้าของมันฉายแววดุร้ายน่ากลัว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม “เธอฆ่าเหล่าอู่น้องชายของฉัน วันนี้ฉันจะเอาหัวของเธอไปเซ่นไหว้ระลึกถึงน้องชายฉันที่หน้าหลุมศพของเขา!”

 

คำพูดของเขาเปลี่ยนสีหน้าของทุกคน ที่แท้เป้าหมายของสุนัขผู้โศกเศร้าในวันนี้คือน่าหลันอู๋เซี๋ยนี่เอง

 

“ไม่มีทาง!”

 

หวางเจี้ยนเฟิงตะโกนขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นรีบเข้ามาล้อมเพื่อปกป้องน่าหลันอู๋เซี๋ยไว้กลางวง

 

“อย่านึกนะว่าฉันไม่กล้าลงมือกับพวกแกจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย ฉันก็แค่ไปเมืองนอกและไม่กลับมาเหยียบที่ประเทศจีนอีก!” สุนัขผู้โศกเศร้าพูดขึ้นด้วยดวงตาอันแดงก่ำ “ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม หลีกทางให้ฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะยิงพวกแกให้ตัวพรุนไปเลย”

 

พูดจบ เขาเริ่มนับถอยหลังพลางยกปืนในมือของเขาขึ้น “สาม……สอง……”

 

“หยุดเดี๋ยวนี้ ฉันคือคนที่นายต้องการตัว!”

 

น่าหลันอู๋เซี๋ยเดินผ่านหวางเจี้ยนเฟิง ก้าวออกมาจากกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เธอมีความกล้าหาญที่จะไม่ยอมหลบหลังผู้ชายและเธอจะไม่มีวันปล่อยให้เพื่อนร่วมงานเหล่านี้ต้องมาตายเพราะเธอ

 

ถ้าหากเธออยู่คนเดียวที่นี่ เธอคงพยายามที่จะยิงปืนโต้ตอบจนสุดชีวิตแต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้หากเธอพยายามที่จะยิงต่อสู้ อาจทำให้มีผู้คนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บและล้มตาย ดังนั้นน่าหลันอู๋เซี๋ยจึงเลือกที่จะสละชีวิตของตัวเอง

 

หลังจากที่เห็นน่าหลันอู๋เซี๋ยแล้ว สุนัขผู้โศกเศร้าตะโกนขึ้นอย่างบ้าคลั่งว่า “นังบ้าเอ้ย น้องชายเพียงคนเดียวของฉันต้องมาตายเพราะเธอ ตอนนี้ฉันจะระเบิดหัวเธอเพื่อล้างแค้นให้น้องชายของฉัน!”

 

ขณะที่เขากำลังเหนี่ยวไกปืน น่าหลันอู๋เซี๋ยหลับตาลงอย่างไม่เต็มใจ การเป็นตำรวจคือความปรารถนาเดียวในชีวิตของเธอ คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้เธอกลับต้องมาถูกพ่อค้ายาเสพติดฆ่าตาย

 

“ไปลงนรกพร้อมกับความแค้นแกซะ!”

 

ก่อนที่สุนัขผู้โศกเศร้าจะลั่นไกปืน ทันใดนั้นเขาก็ถูกฝ่ามือหนึ่งตบอย่างแรงที่หลังศรีษะจนกลิ้งตกลงมาจากทางเดินบันไดวนของชั้นสอง

 

แรงตบเต็มแรงจากฝ่ามือทำให้เขามึนจนเห็นดาวเต็มตา แต่ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เขาฝึกกังฟูมาเป็นระยะเวลาหลายปี ตอนที่เขากำลังจะกลิ้งถึงพื้นนั้น เขาสามารถยันตัวของเขาไว้ได้จนสองขาแตะพื้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามปืนของเขากระเด็นออกไปไกลแล้ว

 

เมื่อเขาหันมาดูว่าใครแอบลอบโจมตีเขา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะมองออกว่าเป็นใคร เขาก็เห็นฝ่าเท้าขนาดใหญ่ปรากฏตรงหน้าเขา ยันเข้าที่ใบหน้าเขาเต็มแรง

 

สุนัขผู้โศกเศร้าโดนเตะกระเด็นไปไกลเจ็ดถึงแปดเมตร ตอนที่เขายันตัวลุกขึ้นมาจากพื้น ปากของเขาเต็มไปด้วยเลือด บนใบหน้าปรากฏรอยฝ่าเท้าสีแดงขนาดใหญ่

 

ครั้งนี้เขามองเห็นอย่างชัดเจนแล้ว ที่ด้านหลังของเขามีชายวัยรุ่นอายุประมาณยี่สิบต้นๆ ยืนยิ้มให้เขาอยู่

 

“ไอ้สารเลว แกกล้าตีฉันเหรอ! ยิงมัน รีบยิงมันให้พรุนเดี๋ยวนี้!”

 

สุนัขผู้โศกเศร้ายืนขึ้นแล้วหันไปตะโกนสั่งลูกน้องที่อยู่ตรงโถงทางเดินชั้นสอง

 

หวางเจี้ยนเฟิงและน่าหลันอู๋เซี๋ยตกใจจนพูดไม่อก พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าฉินห้าวตงจะปรากฏตัวขึ้นในสถานการณ์แบบนี้ และคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะตีสุนัขผู้โศกเศร้าได้

 

น่าหลันอู๋เซี๋ยยื่นมือไปหยิบปืนที่เหน็บอยู่ข้างเอวทันทีที่ได้ยินสุนัขผู้โศกเศร้าสั่งให้ลูกน้องยิงฉินห้าวตง ในเวลานี้เธอไม่สนใจอะไรแล้ว เธอตัดสินใจกราดยิงสู้กับพวกพ่อค้ายาเสพติดด้วยชีวิตของเธอ

 

หวางเจี้ยนเฟิงและเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นต่างก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พวกเขาดึงปืนของตัวเองออกมา แต่พวกเขากลับต้องประหลาดใจว่าบรรดาพวกพ่อค้ายาเสพติดที่อยู่บนทางเดินบันไดวนไม่เพียงแต่ไม่ยิงปืน ในทางตรงกันข้ามพวกเขากลับยืนนิ่งไม่ขยับเหมือนกับรูปปั้น เหมือนว่าถูกแช่แข็งไว้

 

“จะตะโกนอะไรนักหนา!” ฉินห้าวตงยกมือขึ้นตบหน้าสุนัขผุ้โศกเศร้าจนเขาล้มลงไปที่พื้น จากนั้นใช้เท้าเหยียบลงไปบนหลังของเขา แล้วหันไปยิ้มให้น่าหลันอู๋เซี๋ยพลางพูดขึ้นว่า “ขอโทษทีนะครับ ผมจัดการคนด้านบนนั้นชักช้าไปหน่อย คงไม่ได้ทำให้พวกคุณกลัวใช่ไหม?”

 

“เอ่อ……”

 

น่าหลันอู๋เซี๋ยและหวางเจี้ยนเฟิงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ต่อให้พวกเขาฝันไปก็ยังนึกไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ ยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ว่าทำไมฉินห้าวตงถึงทำให้พวกพ่อค้ายาตรงบันไดวนขยับตัวไม่ได้

 

“อย่ามัวตะลึงกันสิครับ รีบใส่กุญแจมือเขาเร็ว ผมไม่สามารถเหยียบเขาไว้แบบนี้ไปได้ตลอดนะครับ แล้วก็ยังมีพวกด้านบนอีก เรียกคนไปช่วยผมจัดการด้วย”

 

ฉินห้าวตงพูดจบ เขายกปลายเท้าขึ้นแล้วเตะสุนัขผู้โศกเศร้าไปยังน่าหลันอู๋เซี๋ย

 

หลังจากที่น่าหลันอู๋เซี๋ยดึงสติกลับมาได้แล้ว เธอเตะไปที่สุนัขผู้โศกเศร้าอยู่หลายครั้ง จากนั้นหยิบเอากุญแจมือมาสวมข้อมือของเขาไว้แน่น

 

สุนัขผู้โศกเศร้าเงยหน้าขึ้นมองฉินห้าวตงพลางตะโกนขึ้นด้วยความขุ่นเคืองใจ “ไอ้เด็กบ้า แกเป็นใคร? กล้ามายุ่งเรื่องของฉัน แกต้องชดใช้มัน……”

 

ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตะโกนเสร็จ รองเท้าข้างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของเขาอีกครั้ง แล้วเตะลงไปที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง

 

หวางเจี้ยนเฟิงนำเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นไปตรงทางเดินชั้นสอง พวกเขาพบว่าที่ท้ายทอยของผู้ค้ายาเสพติดแต่ละคนมีเข็มเงินแวววาวปักอยู่หนึ่งเล่ม

 

ฉินห้าวตงเดินนำไปข้างหน้า ทุกครั้งที่เขาดึงเข็มออก เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านหลังของเขาจะจับพ่อค้ายาเสพติดคนนั้นใส่กุญแจมือทันที ในไม่ช้าบรรดาพ่อค้ายาเสพติดจำนวนนับสิบได้ถูกยึดปืนจนหมด และถูกพาตัวไปที่ห้องโถง

 

หลังจากที่จัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว หวางเจี้ยนเฟิงสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัวพวกนักแสดงประกอบฉากไป จากนั้นนำตัวสุนัขผู้โศกเศร้าและลูกน้องของเขาไปที่รถมินิบัสที่จอดอยู่ด้านนอก

 

หลังจากที่พวกเขากลับมายังกองปราบปรามอาชญากรแล้ว ทางทีมของหวางเจี้ยนเฟิงเริ่มสอบปากคำพวกพ่อค้ายาเหล่านี้ ส่วนน่าหลันอู๋เซี๋ยพาฉินห้าวตงมายังรถ Lamborghini

 

“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้!”

 

เป็นครั้งแรกที่น่าหลันอู๋เซี๋ยต้องเผชิญหน้ากับความตายอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ความรู้สึกแบบนั้นยังทำให้เธอหวาดกลัวทุกครั้งที่นึกถึงมัน เธอรู้ว่าถ้าหากไม่มีชายวัยรุ่นผู้ยิ้มแย้มแจ่มใสคนนี้ เธออาจได้ไปเฝ้าซาตานในนรกไปแล้ว

 

“คุณจะขอบคุณผมยังไงเหรอ? ขอบคุณด้วยตัวของคุณไหม?” ฉินห้าวตงพูดหยอก

 

“คุณนี่มัน……” ตอนแรกน่าหลันอู๋เซี๋ยอยากจะกล่าวคำขอโทษอย่างจริงใจ แต่กลับถูกฉินห้าวตงพูดหยอกจนทำลายความจริงใจทั้งหมดที่มี

 

“ลืมมันไปเถอะ ผมก็แค่พูดล้อเล่น ใครจะกล้าแต่งงานกับสาวงามไทแรนโนซอรัสล่ะ อย่าคิดจริงจังเลยน่า!”

 

ฉินห้าวตงพูดขึ้นขณะกำลังเดินขึ้นรถ อาศัยโอกาสก่อนที่น่าหลันอู๋เซี๋ยจะโกรธ รีบสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับออกจากกองปราบปรามอาชญากรอย่างรวดเร็ว

 

“ไอ้บ้า!”

 

มองรถ Lamborghini หายลับไปจากสายตา น่าหลันอู๋เซี๋ยกระทืบเท้าอย่างแรง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพบกับคนเข้าใจยาก

 

โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของฉินห้าวตงดังขึ้นขณะที่เขาพึ่งจะขับออกมาจากกองปราบปรามอาชญากร เขาเหลือบดู เป็นหลินโม่โม่ที่โทรเข้ามา

 

“ตอนนี้คุณอยู่ไหน?” เสียงของหลินโม่โม่ดังมาจากปลายสาย

 

“ผมกำลังขับรถเล่นอยู่ข้างนอก!”

 

“อยู่กับผู้หญิงคนนั้นเหรอ?”

 

แม้แต่หลินโม่โม่เองก็ยังแปลกใจว่าทำไมเธอถึงถามคำถามนี้

 

“ไม่ใช่ครับ ผมมาขับรถเล่นคนเดียว คุณมีอะไรหรือเปล่า?” ฉินห้าวตงถาม

 

“อ้อ จริงเหรอ? อีกพักหนึ่งฉันมีประชุม อาจจะไปรับถังถังช้าหน่อย คุณช่วยไปรับเธอได้ไหม?”

 

“จะเกรงใจอะไรขนาดนั้นครับ ถังถังก็เป็นลูกสาวของเรา การไปรับเธอเป็นสิ่งที่ผมควรทำ!” ฉินห้าวตงพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“เอ่อ……”

 

หลินโม่โม่พูดไม่ออก คุณหมายความว่ายังไงที่บอกว่า ‘ลูกสาวของพวกเรา?’ ทำยังกับว่าฉันให้กำเนิดลูกกับคุณยังงั้นแหละ แต่ถังถังยอมรับว่าฉินห้าวตงเป็นพ่อบุญธรรมแล้ว เขาจะพูดแบบนี้ก็ไม่ผิด เธอเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะไปเถียงเขา

 

หลังจากกดวางสายไป ฉินห้าวตงเห็นว่าถึงเวลาแล้ว เขาจึงขับรถไปยังโรงเรียนอนุบาลจินจือยวี่เย่

 

ฉินห้าวตงจอดรถที่ลานจอดรถบริเวณประตูโรงเรียน จากนั้นเดินเข้าไปในโรงเรียนอนุบาลและพบห้องเรียนของถังถัง

 

“คุณคะ ไม่ทราบว่าคุณกำลังมองหาใครคะ?”

 

คุณครูสาววัยรุ่นอายุประมาณยี่สิบกว่าปีกำลังเอ่ยถามเขา

 

คุณครูคนนี้ค่อนข้างจะน่ารัก เธอมีรูปร่างสูง ผมยาวประบ่า เครื่องแบบที่เธอสวมช่างเน้นสัดส่วนของเธอเสียเหลือเกิน

 

เมื่อเห็นผู้หญิงสวยขนาดนี้มาทำงานเป็นครูสอนเด็กอนุบาลอยู่ที่นี่ ฉินห้าวตงจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็แนะนำตัวเองว่า “สวัสดีครับคุณครู ผมคือพ่อของถังถัง มารับเธอกลับบ้านครับ”

 

“พ่อของถังถังเหรอคะ?” ครูสาวมองสำรวจฉินห้าวตงด้วยความประหลาดใจ พลางพูดขึ้น “สวัสดีค่ะ ฉันคือคุณครูของถังถัง ชื่อว่าหวางเจียหนี พวกเราไม่เคยเจอกันมาก่อน ดังนั้นฉันเลยจำเป็นต้องโทรหาแม่ของถังถังเพื่อตรวจสอบสถานะของคุณก่อนนะคะ”

 

หลังจากพูดจบ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากในกระเป๋า เตรียมที่จะโทรหาหลินโม่โม่

 

“ครูหวางครับ ไม่ต้องโทรหรอกครับ โทรไปก็ไม่ติดหรอก” ฉินห้าวตงพูดขึ้น “วันนี้แม่ของถังถังติดประชุม ไม่สะดวกที่จะรับสายในตอนนี้ ดังนั้นเลยให้ผมมารับเธอ”

 

ฉินห้าวตงพูดขึ้นพลางหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา กดไปหน้าบันทึกการโทร แล้วยื่นให้หวางเจียหนีดู

 

“ป่าป๊า ป่าป๊ามารับหนูแล้ว!” พอแม่หนูน้อยเห็นฉินห้าวตง เธอก็วิ่งออกมาจากในห้องเรียนแล้วพุ่งเข้าหาอ้อมแขนของเขาทันที

 

เห็นท่าทีที่สนิทสนมกันของถังถังและฉินห้าวตง แล้วมองไปที่บันทึกการโทรในโทรศัพท์มือถือของเขา หวางเจียหนีจึงพูดขึ้น “ขอโทษนะคะ ฉันไม่เคยเห็นพ่อของถังถังมาก่อน ดังนั้นจึงถามเยอะไป!”

 

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจว่าคุณทำตามหน้าที่ของคุณ ผมชื่อฉินห้าวตง ต่อไปเดี๋ยวพวกเราก็คุ้นเคยกันมากขึ้นแล้วครับ”

 

ฉินห้าวตงชื่นชอบครูประจำชั้นคนสวยคนนี้ หลังจากที่เขากล่าวลาเธอแล้ว ก็พาถังถังเดินออกจากประตูโรงเรียนอนุบาลไป

 

พึ่งจะเดินออกจากประตูมาได้ไม่นาน ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาล้อมเขาไว้

 

จบตอน

 

รีวิวผู้อ่าน