px

เรื่อง : คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣)
ตอนที่ 25 การแสดงงั้นเหรอ?


ตอนที่ 25 การแสดงงั้นเหรอ?

หวางเจี้ยนเฟิงดีใจมาก เขารู้สึกประหลาดใจที่คำถามที่เขาพยายามถามมาตลอดทั้งบ่ายได้รับการแก้ไขโดยชายวัยรุ่นที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ด้วยคำถามเพียงไม่กี่ประโยคของเขา

 

เขาหันไปพูดกับฉินห้าวตงอีกครั้ง “คุณหมอฉิน ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่หนึ่งชั่วโมงก่อนที่พวกมันจะทำการซื้อขายยาเสพติด ถ้าพวกเราไปหาโรงงานเคมีนั่นด้วยตัวเอง อาจต้องใช้เวลานาน คงไม่ทันการแน่ๆ ดังนั้นให้เด็กหนุ่มคนนี้ช่วยนำทางให้พวกเราได้ไหม?”

 

“ไม่มีปัญหาครับ”

 

ฉินห้าวตงตอบตกลงโดยไม่ลังเล แม้ว่าการใช้เคล็ดวิชาจิตฉงนเป็นระยะเวลานานจะสร้างความเสียหายให้แก่ระบบสมองของผู้ถูกอาคม แต่มันไม่ได้สำคัญอะไรในเมื่อผู้ถูกอาคมเป็นพวกผู้ค้ายาเสพติด

 

เมื่อมีทิศทางการดำเนินงานที่แน่นอน กองกำลังตำรวจฝ่ายปราบปรามอาชญากรจึงรีบเคลื่อนกำลังอย่างรวดเร็ว กองกำลังฝ่ายปราบปรามอาชญากรติดอาวุธจำนวน 20 นายแยกกันไปขึ้นรถมินิบัสสองคัน ฉินห้าวตงนั่งอยู่ด้านหน้ากับเด็กหนุ่มหัวทอง พวกเขารีบขับมุ่งหน้าตรงไปยังชานเมืองตะวันตกของเมืองเจียงหนาน

 

ด้วยการนำทางของเด็กหนุ่มหัวทอง ในไม่ช้าฉินห้าวตงและคนอื่นก็ออกมาจากเขตเมืองเจียงหนาน มาถึงโรงงานเคมีที่อยู่ห่างไกล.

 

บริเวณโดยรอบแถวนี้ไม่มีบ้านเรือนหรือผู้คนอาศัยอยู่เลย ดูแล้วช่างเหมือนกับพื้นที่รกร้างว่างเปล่า แม้ว่าจะเป็นเวลาเที่ยงแต่ก็แทบจะไม่มีคนเดินสัญจรไปมาหรือรถวิ่งผ่านมาสักคัน นับว่าเป็นทำเลที่ดีสำหรับค้ายาเสพติดเลยทีเดียว

 

เพื่อไม่ให้เป็นการดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย หวางเจี้ยนเฟิงจึงสั่งให้รถมินิบัสทั้งสองคันไปจอดที่ข้างป่าเล็กๆ ตรงบริเวณใกล้เคียง หลังจากนั้นจึงหันไปพูดกับฉินห้าวตงว่า “คุณหมอฉิน ต้องขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณจริงๆ แต่การกระทำต่อไปมีความเสี่ยงมาก คุณอยู่บนรถแล้วกัน มันสามารถรับประกันความปลอดภัยของคุณได้"

 

พูดจบ เขามอบหมายให้ตำรวจสองนายเฝ้าระวังเด็กหนุ่มผมทอง บวกฉินห้างตงไปอีกคน รวมเป็นสี่คนที่เหลืออยู่บนรถมินิบัส

 

น่าหลันอู๋เซี๋ยโยนกุญแจรถ Lamborghini ให้กับฉินห้าวตง “ขอบคุณคุณมาก เดี๋ยวคุณก็ได้ขับมันกลับในภายหลังแล้ว พรุ่งนี้ก็มาหาฉันด้วยหล่ะ ฉันจะช่วยคุณดำเนินการเรื่องขอป้ายทะเบียนรถ!”

 

ฉินห้างตงเหลียวมองน่าหลันอู๋เซี๋ย กลับพบว่าตรงกลางหน้าผากของเธอมีแสงสีแดงเปล่งประกายอยู่

 

ถ้าหากเป็นคนธรรมดาจะไม่มีทางพบสิ่งแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับน่าหลันอู๋เซี๋ยได้ แต่ฉินห้าวตงมีวิญญาณอันทรงพลังของมหาเทพแห่งพงไพรอยู่ มีความรู้แตกฉานด้านวิชาทำนายอย่างหาใครเปรียบไม่ได้ ทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าแสงสีแดงที่ปรากฏขึ้นมานั้นเป็นสัญญาณแห่งลางร้ายหรือเรียกอีกอย่างว่าเคราะห์เลือดตกยางออก

 

“เกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้ตอนที่อยู่กองปราบปรามอาชญากร แม่สาวน้อยคนนี้ยังดีๆ อยู่เลย เธอจะไปมีเคราะห์เลือดตกยางออกในเร็วๆ นี้ได้อย่างไร? หรือเป็นเพราะคดีที่เธอกำลังเผชิญหน้านี้?”

 

ฉินห้าวตงคำนวณดวงชะตาในใจ เขาแอบนับนิ้วคำนวณตรวจดวงชะตาให้แก่น่าหลันอู๋เซี๋ย จากนั้นเริ่มขมวดคิ้ว เมื่อกี้ไม่มีทางดูผิดแน่ อีกครู่หนึ่งแม่สาวน้อยจอมป่าเถื่อนจะวิ่งเข้าหาเหตุการณ์นองเลือดอย่างแน่นอน ถ้าพลาดขึ้นมาอาจถึงตายได้

 

“รอก่อน!” ฉินห้าวตงเรียกน่าหลันอู๋เซี๋ยที่กำลังลงจากรถพลางพูดว่า “คดีนี้มีบางอย่างผิดปกติ? ส่วนใหญ่การค้ายาเสพติดไม่ได้ซื้อขายกันในตอนกลางคืนเหรอ? แล้วทำไมวันนี้เลือกตอนเที่ยงหล่ะ?”

 

ไม่ทันรอให้น่าหลันอู๋เซี๋ยพูดอะไร หวางเจี้ยนเฟิงก็พูดขึ้นมาว่าคุณหมอฉิน คุณไม่เข้าใจ พวกพ่อค้ายามักจะเจ้าเล่ห์มาก ดังนั้นเวลาการซื้อขายไม่แน่นอน เลือกตอนเที่ยงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนี่”

 

“หัวหน้ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดครั้งนี้มีชื่อว่า ‘สุนัขผู้โศกเศร้า’ เป็นหนึ่งในเจ้าพ่อค้ายาเสพติดที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ในการล้อมจับครั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว เหล่าอู่น้องชายของมันขัดขืนการจับกุมจึงถูกรองผู้บังคับบัญชาการน่าหลันยิงตาย แต่มันกลับหนีไปได้”

 

“แต่ไหนแต่ไรมาชายคนนี้ก็โหดเหี้ยมอำมหิตแถมยังเจ้าเล่ห์อีกด้วย มันสามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้หลายครั้ง ไม่แน่ว่าครั้งนี้มันอาจจะอยากแก้แค้นพวกเราก็ได้”

 

ฉินห้าวตงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดออกมาว่า “ผู้บังคับบัญชาหวาง ช่วยพาผมไปด้วยได้ไหม ผมอยากดูว่าพวกคุณจัดการกับพ่อค้ายาคนนี้ยังไง”

 

น่าหลันอู๋เซี๋ยกลับพูดขึ้นว่า “คุณคิดว่านี่เป็นรายการทีวีเหรอ ที่นึกอยากจะเข้าไปดูเรื่องสนุกก็เข้าไปได้ตามใจชอบ พวกพ่อค้ายากลุ่มนั้นโหดเหี้ยมไม่เป็นรองใคร พวกมันมีอาวุธปืนกันทุกคน คุณอยู่บนรถนี่แหละถึงจะปลอดภัย!”

 

แม้ว่าเธอจะได้เห็นวิธีการที่น่ามหัศจรรย์ของฉินห้าวตงในห้องสอบปากคำมาแล้วก็ตาม แต่ทว่ามันไม่สามารถบอกได้ว่าเขาจะสามารถรับมือกับพ่อค้ายาที่มีอาวุธปืนอยู่ในมือได้ ต่อให้เก่งแค่ไหน ก็ไม่มีใครเก่งเกินไปกว่ากระสุนปืนหรอก

 

หวางเจี้ยนเฟิงพูดกับเขาเช่นกัน “ใช่แล้วคุณหมอฉิน อยู่บนรถปลอดภัยกว่า คุณรอพวกเราอยู่ที่นี่เถอะ!”

 

พูดจบ เขากับน่าหลันอู๋เซี๋ยนำกองกำลังลงจากรถ ค่อยๆ แอบเข้าไปในโรงงานเคมีนั่น

 

ฉินห้าวตงขมวดคิ้วในขณะที่เฝ้าดูคนเหล่านี้จากไป น่าหลันอู๋เซี๋ยอุทิศทั้งชีวิตนี้ให้แก่ประเทศจีน เธอเป็นวีรบุรุษผู้สร้างคุณความดีให้แก่ประเทศชาติ ถึงแม้วันนี้แม้สาวน้อยน่าหลันอู๋เซี๋ยจะสร้างปัญหาให้เขา แต่เธอก็ถือว่าเป็นตำรวจที่ดี เขาไม่สามารถนั่งมองดูเธอเอาชีวิตไปทิ้งได้

 

ในเมื่อเธอได้มาพบกับเขา มันอาจเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่าวันนี้ไม่ใช่วันสุดท้ายในชีวิตเธอ เขาจำเป็นที่จะต้องช่วยเธอ

 

เมื่อความคิดนั้นเข้ามาในใจของเขาแล้ว เขาจึงบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองคนว่าจะลงรถไปฉี่ จากนั้นเขาก็แอบตามเข้าไปในโรงงานเคมีเช่นกัน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้ไปรวมกับน่าหลันอู๋เซี๋ยและคนอื่น แต่กลับแอบซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดแทน

 

น่าหลันอู๋เซี๋ยกับหวางเจี้ยนเฟิงค่อยๆ นำทีมเข้าไปในโรงงานอย่างระมัดระวัง ในไม่ช้าพวกเขาก็พบรถยนต์หลายคันจอดอยู่ในโรงงาน ยืนยันได้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ค้ายาเสพติดอย่างแน่นอน เด็กหนุ่มผมทองไม่ได้โกหก

 

พวกเขาค่อยๆ แอบเข้าไปในตัวอาคาร เห็นได้ชัดว่าที่นี่ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน ทุกที่ต่างก็ชำรุดทรุดโทรมไปหมด ใจกลางของโรงงานเป็นห้องโถงกว้าง บนชั้นสองมีทางเดินวนเป็นวงกลม

 

ในเวลานี้ที่ภายในห้องโถงมีคนสองกลุ่มกำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่ ฝ่ายนึงนำโดยมังกรตาเดียวที่สวมผ้าปิดตาหนึ่งข้าง ที่ด้านหลังของเขามีชายนับสิบคนยืนอยู่ ในมือของชายฉกรรจ์ถือกระเป๋าลักษณะดูปูดๆ ราวกับว่าใส่อะไรลงไปในนั้นมากมาย

 

อีกฝ่ายหนึ่งมีชายรูปร่างกำลังสวมสูทสีดำยืนอยู่ห้าคน นำโดยชายหัวล้านรูปร่างสูงใหญ่ ด้านข้างของเขามีถุงผ้าป่านหลายใบวางอยู่

 

น่าหลันอู๋เซี๋ยและหวางเจี้ยนเฟิงมองตากัน ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ทำการซื้อขายยาเสพติดจริง แต่กลับไม่มีสุนัขผู้โศกเศร้าอยู่ที่นี่

 

น่าหลันอู๋เซี๋ยกระซิบที่ข้างหูของหวางเจี้ยนเฟิง ”ผู้บังคับบัญชาหวาง ฝั่งของมังกรตาเดียวมี 12 คนพอดี ตามที่เด็กหนุ่มหัวทองคนนั้นพูดไว้ไม่มีผิด แต่ไม่รู้ว่าสุนัขผู้โศกเศร้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ไหน”

 

หวางเจี้ยนเฟิงขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ทุกคนซ่อนตัวก่อน พวกเราจะดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

 

หลังจากพูดจบ เขาส่งสัญญาณมือให้ทุกคนซ่อนตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านี้ต่างพากันหลบซ่อนตัว ไม่ได้รีบร้อนที่จะลงมือปฏิบัติการ

 

ทางฝั่งของห้องโถง มังกรตาเดียวพูดกับชายหัวล้านรูปร่างสูงใหญ่ "เหล่าซาน นายมาตรงเวลามาก!"

 

ชายหัวล้านร่างสูงใหญ่ลูบหัวพลางพูดด้วยรอยยิ้ม "แน่นอนอยู่แล้ว คนอย่างเหล่าซานมักพูดจริงทำจริง สุนัขผู้โศกเศร้าล่ะ? ทำไมเขาถึงไม่มา?"

 

"เขามีธุระด่วนต้องไปทำ เลยให้ฉันเอาของมาส่งนายแทน"

 

มังกรตาเดียวโบกมือให้ลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง ลูกน้องคนนั้นเปิดกระเป๋าหนังหยิบเอาซองผงสีขาวออกมาแล้วยื่นให้กับชายหัวล้าน

 

ชายหัวล้านยื่นมือไปรับแล้วใช้นิ้วมือแตะเอาผงออกมา จากนั้นสูดมันเข้าไปในจมูก ก่อนจะเผยสีหน้ามีความสุขออกมา หลังจากที่เขาจามแล้วจึงพูดขึ้น “ของดี!”

 

มังกรตาเดียวพูดขึ้น “แน่นอนอยู่แล้ว สินค้าของสุนัขผู้โศกเศร้าเป็นของดีมาโดยตลอด นายเอาเงินมาใช่ไหม?”

 

“คนอย่างเหล่าซานมีกฎคือไม่จ่ายก็ไม่ต้องเอาสินค้า ฉันไม่เคยปฏิเสธการจ่ายเงิน”

 

จากนั้นชายหัวล้านโบกมือของเขา ลูกน้องที่ด้านหลังของเขาเปิดถุงผ้าป่าน ภายในอัดแน่นไปด้วยธนบัตรเงินหยวนสีแดง

 

น่าหลันอู๋เซี๋ยหันไปพูดกับหวางเจี้ยนเฟิง “ผู้บังคับบัญชาหวาง พวกเขาจะทำการซื้อขายกันแล้ว พวกเราควรจะลงมือได้แล้วใช่ไหม?”

 

หวางเจี้ยนเฟิงกัดฟัน “ไม่ต้องสนอะไรแล้ว ยาเสพติดมากมายขนาดนั้น จับพวกมันไว้ให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน ถ้าจับคนพวกนี้ได้ สุนัขผู้โศกเศร้าจะต้องหลบหนีไม่ได้อย่างแน่นอน”

 

หลังจากพูดจบ เขาส่งสัญญาณให้ตำรวจทุกนายที่อยู่โดยรอบวิ่งออกไปล้อมบรรดาผู้ที่ทำการซื้อขายยาเสพติดเหล่านี้

 

“หยุดเดี๋ยวนี้ นี่คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ!”

 

“อย่าขยับ ยกมือขึ้นเหนือศรีษะ!”

 

ท่ามกลางเสียงตะโกน ในไม่ช้าคนของหวางเจี้ยนเฟิงก็สามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้ พวกเขาสามารถจับมังกรตาเดียวและชายหัวล้านรวมถึงคนอื่นๆ ใส่กุญแจมือเอาไว้ได้

 

เมื่อสถานการณ์สงบลง น่าหลันอู๋เซี๋ยเปิดถุงผ้าป่านหยิบธนบัตรขึ้นมาหนึ่งปึก ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป เงินสดปึกนี้มีแค่ธนบัตรใบแรกและใบสุดท้ายที่เป็นของจริง ที่เหลือเป็นธนบัตรปลอมทั้งหมด

 

เธอเทปึกธนบัตรทั้งหมดออกมาจากในกระเป๋า ธนบัตรภายในเป็นเหมือนกันหมด ทุกปึกคือธนบัตรปลอม

 

อีกด้านหนึ่ง ตำรวจสวมแว่นตานายหนึ่งกำลังตรวจสอบยาเสพติด ในไม่ช้าเขาก็รายงานแก่หวางเจี้ยนเฟิงว่า “ผู้บังคับบัญชาหวางครับ นี่มันเป็นผงแป้งหมดเลย ไม่มียาเสพติดเลยครับ!”

 

เกิดอะไรขึ้น?

 

หวางเจี้ยนเฟิงและน่าหลันอู๋เซี๋ยมองหน้ากัน พวกเขาเริ่มรู้สึกว่ามีบางสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้น

 

น่าหลันอู๋เซี๋ยก้าวไปข้างหน้าและเตะที่ท้องของชายหัวล้าน จากนั้นเธอถามอย่างโหดเหี้ยม “บอกเรามาว่าเกิดอะไรขึ้น?”

 

เธอเตะเต็มแรงจนชายหัวล้านรีบกุมท้องทรุดลงไปกับพื้น พลางตะโกนขึ้นด้วยความไม่พอใจ “แม่งเอ้ย จะมาเตะฉันทำไมเนี่ย ก็แค่การถ่ายรายการ จำเป็นต้องเตะแรงขนาดนี้เลยเหรอ?”

 

“อีกอย่างในสคริปต์ไม่ได้เป็นแบบนี้นี่นา นักแสดงอย่างพวกเธอทำไมไม่เล่นตามสคริปต์ ไม่มีความเป็นมืออาชีพเอาเสียเลย”

 

"การแสดงงั้นเหรอ? ใครแสดงกับคุณ?”

 

น่าหลันอู๋เซี๋ยจ้องชายหัวล้านด้วยความประหลาดใจ

 

“เอาล่ะ เอาล่ะ เลิกแสดงได้แล้ว ก็แค่นักแสดงตัวประกอบค่าตัว 200 หยวนกันทั้งนั้น ไม่ต้องเล่นจริงจังขนาดนี้ก็ได้ รีบจ่ายเงินมาให้พวกเราได้แล้ว พวกเราไม่แสดงแล้ว!”

 

ชายหัวล้านพูดจบ มังกรตาเดียวและคนอื่นๆ ก็พากันพูดตาม “ใช่แล้ว ไม่แสดงแล้ว รีบจ่ายเงินพวกเรามาเดี๋ยวนี้!”

 

พอพวกเขาพูดจบก็พยายามที่จะยันตัวลุกขึ้น แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนอยู่ด้านข้างกดเอาไว้

 

“พวกนายทำอะไรน่ะ พวกนายจะมาทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันไม่แสดงแล้ว!”

 

มังกรตาเดียวตะโกนใส่น่าหลันอู๋เซี๋ยด้วยความโกรธ

 

"พูดความจริงมา พวกเราเป็นตำรวจจริงๆ โปรดให้ความร่วมมือด้วย"

 

หวางเจี้ยนเฟิงพูดด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม

 

“สมองพวกนายมีปัญหาหรือไง เป็นนักแสดงประกอบค่าตัว 200 หยวนกันทั้งนั้น ยังจะมาทำท่าทางเป็นนักแสดงหลักต่อหน้าฉันอีก รีบปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะต่อยนายให้ฟันร่วงหมดปากเลย!”

 

มังกรตาเดียวประท้วงขึ้นด้วยความไม่พอใจ

 

หวางเจี้ยนเฟิงและน่าหลันอู๋เซี๋ยเริ่มตระหนักแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ พวกเขามองดูสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ตรงหน้านี้ หวางเจี้ยนเฟิงจึงดึงปืนออกมาจากซองข้างเอว แล้วยิงไปหนึ่งนัดจนกระจกหน้าต่างแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ

 

มังกรตาเดียวและชายหัวล้านมองดูกระสุนและควันตรงปากกระบอกปืนด้วยความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่านี่คือปืนจริง ไม่ใช่ปืนที่เอาไว้ใช้ประกอบฉาก

 

"พะ…...พวกคุณคือตำรวจของจริงเหรอ?"

 

มังกรตาเดียวถามด้วยความสงสัย

 

หวางเจี้ยนเฟิงเก็บปืน แล้วหยิบเอาบัตรแสดงตนเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาจากในกระเป๋ายื่นให้มังกรตาเดียวดู "เห็นชัดแล้วสินะ ฉันคือผู้บังคับบัญชาการกองปราบปรามอาชญากรแห่งเมืองเจียงหนาน มีสายรายงานมาว่าพวกคุณจะทำการซื้อขายยาเสพติดกัน ตอนนี้ผมต้องสอบปากคำพวกคุณ!"

 

หลังจากที่มังกรตาเดียวเห็นบัตรแสดงตนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างชัดเจน ทันใดนั้นเขาก็ตื่นตกใจในทันทีแล้วรีบพูดอธิบาย “คุณตำรวจครับ นี่มันเป็นการเข้าใจผิด พวกเราเป็นนักแสดงตัวประกอบที่เขาจ้างมา ผู้กำกับบอกพวกเราว่าให้แสดงฉากซื้อขายยาเสพติดที่นี่……”

 

"เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดจริงๆ พวกผมเป็นนักแสดงที่ได้ค่าจ้างวันละ 200 หยวน ไม่ใช่พ่อค้ายาเสพติด ไอ้ของแบบนั้นมันคร่าชีวิตคนได้เลยนะครับ……”

 

ชายหัวล้านและคนอื่นที่ถูกจับกุมอยู่เริ่มร้องคร่ำครวญขึ้น

 

หวางเจี้ยนเฟิงเริ่มรู้สึกว่าเรื่องมันไม่ปกติ จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน "อย่าวุ่นวาย พูดมาทีละคน"

 

เขามองไปยังมังกรตาเดียวที่ยืนอยู่ด้านข้างพลางพูดขึ้น "คุณพูดมา สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"

 

จบตอน

 

รีวิวผู้อ่าน