ตอนที่ 18 น่าหลันอู๋เฟิง
ในที่สุดจางต้าจื้อก็พยายามชันตัวลุกขึ้นมาจากพื้นเมื่อยามรักษาความปลอดภัยเดินออกไปแล้ว เขามองฉินห้าวตงด้วยแววตามุ่งร้ายพลางพูดขึ้น "ไอ้ผู้ชายขายตัว แกกล้าตีฉัน แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?"
ฉินห้าวตงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่กระตุกรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก เขาไม่สนใจสถานะของจางต้าจื้อเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าสถานะของอีกฝ่ายจะสูงส่งแค่ไหน ก็เป็นได้แค่มดปลวกในสายตาของมหาเทพแห่งพงไพรเท่านั้น หรืออย่างมากเลยก็แค่แข็งแกร่งกว่าพวกมดปลวกขึ้นมาเล็กน้อย
จางต้าจื้อนึกว่าฉินห้าวตงกลัว จึงพูดต่อว่า "ถ้าได้รับโทษจากตระกูลจาง แกรอที่จะหายสาบสูญไปจากเมืองเจียงหนานได้เลย!"
น่าหลันอู๋ชวงสีหน้าตึงเครียด "จางต้าจื้อ คุณหมอฉินคือแขกคนสำคัญของพวกเราตระกูลน่าหลัน ถ้าหากนายกล้าหยาบคายกับเขาล่ะก็ พ่อของนายก็ปกป้องนายไม่ได้!"
"หึ!"
เป็นเรื่องจริงที่ว่าจางต้าจื้อไม่มีความกล้าพอที่จะต่อกรกับตระกูลน่าหลัน เขาจึงทำได้เพียงฟึดฟัดแล้วจ้องไปที่ฉินห้าวตงด้วยแววตามุ่งร้าย จากนั้นเดินออกไปอย่างไม่พอใจ
น่าหลันอู๋ชวงเห็นฉินห้าวตงไม่พูดอะไร นึกว่าเขากลัวจางต้าจื้อ เธอจึงพูดปลอบเขา "หมอฉิน นายไม่ต้องกลัวนะ ถ้าหากจางต้าจื้อกล้าหาเรื่องนาย ให้รีบบอกฉันทันที ตระกูลน่าหลันของพวกเราจะไม่ปล่อยเขาไว้แน่นอน!"
"กลัวงั้นเหรอ?" ฉินห้าวตงส่ายหัวอย่างเหยียดหยามพลางพูดด้วยรอยยิ้ม "คนที่ทำให้ฉันกลัวได้ยังไม่เกิดหรอก ฉันก็แค่แปลกใจว่ามีคนมาจีบผู้หญิงอารมณ์ร้ายอย่างเธอได้ไง"
"นาย……"
น่าหลันอู๋ชวงกระทืบเท้าอย่างแรงแล้วหันหน้าเดินไปอีกทาง ในไม่ช้าทั้งสองคนเดินมาถึงลานขนาดใหญ่ ยามรักษาความปลอดภัยในบริเวณนี้หนาแน่นกว่าบริเวณอื่นมาก ซึ่งสามารถเห็นได้ว่าตระกูลน่าหลันเป็นที่เคารพในกองทัพขนาดไหน
หลังจากเดินเข้าประตูไปแล้ว เขาเห็นรถเบนซ์แบบมินิแวนหนึ่งคันและรถหรูอีกห้าคัน รถยนต์แต่ละคันมีมูลค่านับล้านหยวน
คันที่สะดุดตาที่สุดคือรถสปอร์ตสีดำคันใหม่ล่าสุด ภายนอกของรถคันนี้ดูสวยงามมาก เต็มไปด้วยพลังแห่งสมรรถนะ ส่วนคันที่ดูน่าทึ่งที่สุดคงจะเป็นรถที่ทั่วทั้งคันไม่ได้ทาสี ยังคงเป็นลวดลายคาร์บอนไฟเบอร์ดั้งเดิม มองดูแล้วช่างดูหรูหราและแปลกตาในคราวเดียวกัน
“พระเจ้า นี่มัน Lamborghini Centenario นี่นา!”
น่าหลันอู๋ชวงอ้าปากค้างด้วยความแปลกใจ เธอรีบเดินไปที่หน้ารถสปอร์ตคันนั้น สองมือลูบคลำตัวรถ ในแววตาเต็มไปด้วยความชื่นชอบ
ฉินห้าวตงไม่ใช่แฟนคลับรถหรู เขาลูบคางพลางถามขึ้นว่า “ทำไมเหรอ? รถคันนี้แพงมากเลยเหรอ?”
น่าหลันอู๋ชวงพูดอธิบายขณะที่เธอกำลังชื่นชมรถว่า "มันยิ่งกว่าคำว่าแพงอีก มันเป็นรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อระลึกถึงวันเกิดครบรอบ 100 ปีของผู้ก่อตั้งบริษัท รถมีมูลค่ามากกว่า 40 ล้านหยวนและผลิตมาทั้งหมดเพียง 40 คันเท่านั้น คนรวยทั่วไปยังไม่สามารถหาซื้อได้เลย"
"แพงขนาดนี้เลยเหรอ?"
ถึงแม้ว่าฉินห้าวตงจะไม่ได้สนใจพวกรถหรูเหล่านี้ แต่เขาตกใจกับราคาของมัน น่าหลันอู๋ชวงจึงพูดต่อ “ไอ้แพงมันก็แพงอยู่ แต่รถคันนี้คุ้มค่ากับราคาของมัน รถ Lamborghini Centenario สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม. /ชม. ได้ภายใน 2.8 วินาที ความเร็วสูงสุดของมันคือ 350 กม./ชม. มันยังมีระบบเบรกที่มีประสิทธิภาพมากอีกด้วย ใช้ระยะเบรกเพียง 30 เมตรเท่านั้น……”
เธอเป็นแฟนคลับตัวยงของรถสปอร์ต พอได้อธิบายขึ้นมาก็คุยจ้อไม่หยุด
ฉินห้าวตงจึงพูดขึ้นว่า “พวกเราไปดูอาการคุณปู่ของเธอกันเถอะ!”
น่าหลันอู๋ชวงพึ่งจะนึกออกว่าต้องพาฉินห้าวตงไปดูอาการป่วยของน่าหลันเจี๋ย เธอจึงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายภาพ Lamborghini Centenario ไว้สองสามภาพ จากนั้นพาฉินห้าวตงเดินจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์
ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ น่าหลันเจี๋ยสวมชุดฝึกวรยุทธ์แบบสบายๆ นั่งอยู่บนโซฟาหนังแท้ขนาดใหญ่ ที่ด้านหน้าของเขามีชายวัยรุ่นอายุประมาณยี่สิบกว่าๆ ยืนอยู่หนึ่งคน
ด้านหลังชายวัยรุ่นมีชายชาวต่างชาติที่มีรูปร่างสูง ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครายืนอยู่คนหนึ่ง สีหน้าของเขาดูภูมิใจในตนเองมาก ที่ด้านข้างชายชาวต่างชาติมีคนอีกเจ็ดแปดคนที่ดูแล้วน่าจะเป็นผู้ช่วยของเขา ในมือแต่ละคนถือเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ต่างๆ เต็มไปหมด
"คุณปู่ครับ นี่คือคุณหมอเจมส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทรวงอกและปอดที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหรัฐอเมริกา ผมตั้งใจเชิญเขามาวินิจฉัยให้คุณปู่โดยเฉพาะเลยครับ”
ชายวัยรุ่นกำลังพูดคุยอยู่กับน่าหลันเจี๋ย เขาคือหลานชายของน่าหลันเจี๋ย มีชื่อว่าน่าหลันอู๋เฟิง
น่าหลันเจี๋ยมีลูกชายทั้งหมดสี่คน ลูกชายคนโตมีชื่อว่าน่าหลันหงเฟย เป็นนักการเมืองในรัฐบาลกลางของมณฑลเจียงหนาน คนที่สองชื่อว่าน่าหลันหงเซียงและคนที่สามมีชื่อว่าน่าหลันหงจวินซึ่งทั้งสองคนนี้ดำรงตำแหน่งสำคัญในกองทัพ ส่วนคนสุดท้องคือน่าหลันหงอี้ เป็นนักธุรกิจ ธุรกิจของเขามีมูลค่านับล้านล้านหยวน
น่าหลันอู๋เฟิงเป็นลูกชายของน่าหลันหงเซียง ถึงแม้ว่าจะเป็นหลานชายคนโตของตระกูลน่าหลัน แต่เป็นเพราะเขาไม่ยอมเรียนรู้ทักษะวรยุทธ์ต่างๆ วันๆ เอาแต่เที่ยวเล่นและดื่มกิน ดังนั้นน่าหลันเจี๋ยจึงไม่ค่อยชอบเขา
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีความเก่งกาจอะไร แต่เขากลับรู้ดีถึงสถานะของคุณปู่ในตระกูลน่าหลัน รู้ดีว่าการเอาใจคุณปู่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ดังนั้นเขาจึงยอมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อเชิญคุณหมอเจมส์จากสหรัฐอเมริกามารักษาอาการป่วยให้คุณปู่
"ช่างเถอะ เขารักษาอาการป่วยของฉันไม่ได้หรอก ฉันเชิญคุณหมอฉินมารักษาฉันแล้ว ให้เขากลับไปเถอะ!" น่าหลันเจี๋ยพูดขึ้น
ด้วยอำนาจทางการเงินของตระกูลน่าหลัน หลายปีมานี้พวกเขาได้เชิญหมอที่มีชื่อเสียงมานับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีคนไหนสามารถรักษาน่าหลันเจี๋ยได้ เขาหมดความมั่นใจต่อบรรดาผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นแล้ว
น่าหลันอู๋เฟิงได้ยินดังนั้นก็เริ่มรู้สึกประหม่า เขารีบพูดอธิบายว่า “คุณปู่ครับ คุณหมอเจมส์ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญธรรมดานะครับ เขาเป็นบุคคลสำคัญทางการแพทย์ในระดับโลก ผมต้องใช้เครือข่ายตั้งมากมายกว่าจะเชิญเขามาที่ประเทศจีนได้ เขาเก่งกว่าพวกคุณหมอทั่วไปอีกครับ คุณปู่ให้เขาลองวินิจฉัยเถอะ!”
ในครั้งนี้เขาต้องใช้ความพยายามมากมายและเงินจำนวนมหาศาลเพื่อเชิญคุณหมอเจมส์มายังประเทศจีน เขาต้องทำสัญญาด้วยเงินจำนวนหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐเพื่อขอคำปรึกษาในการรักษา แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้มันสูญเปล่า พูดจบเขาจึงหันไปส่งสายตาให้หวังต้าเหว่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังน่าหลันเจี๋ย ซึ่งเขาเป็นแพทย์ด้านสุขภาพประจำตระกูลน่าหลัน
หวังต้าเหว่ยอ่านสายตาออกอย่างรวดเร็ว เขาก้มตัวลงไปกระซิบน่าหลันเจี๋ย “ผู้อาวุโสครับ คุณหมอเจมส์คนนี้มีชื่อเสียงมากจริงๆ ผมเคยอ่านบทความของเขาจากวารสารอยู่หลายฉบับ เขาเชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคเกี่ยวกับปอดมาก สู้เราให้เขาลองดูดีไหมครับ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการไม่ถนอมน้ำใจอู๋เฟิงได้”
น่าหลันเจี๋ยลองคิดดูแล้วจึงพูดขึ้น "งั้นก็ได้ ในเมื่อมาแล้วก็ให้เขาลองดูแล้วกัน แต่ก็เร็วๆ หน่อยแล้วกันนะ อย่ากินเวลาที่คุณหมอฉินจะมารักษาฉัน"
พอเห็นคุณปู่ตอบรับ สีหน้าของน่าหลันอู๋เฟิงเต็มไปด้วยความดีใจ เขาหันไปพูดกับหมอ "คุณหมอเจมส์ ต้องรบกวนคุณแล้วล่ะครับ!"
คุณหมอเจมส์พยักหน้าตอบรับอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นโบกมือให้สัญญาณผู้ช่วยที่อยู่ด้านหลังให้เตรียมความพร้อมเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อมาวินิจฉัยโรคของน่าหลันเจี๋ย
พอเห็นพวกหมอเริ่มทำการตรวจวินิจฉัยให้คุณปู่ น่าหลันอู๋เฟิงจึงเดินมาข้างๆ หวังต้าเหว่ยแล้วกระซิบถาม "พี่หวัง คุณหมอฉินที่คุณปู่พูดถึงเขาเป็นใครมาจากไหน?"
น่าหลันอู๋เฟิงเกิดความสงสัยหลังจากที่คุณปู่ของเขาพูดถึงคุณหมอฉินถึงสองครั้ง เพราะเขาไม่เคยเห็นน่าหลันเจี๋ยไว้วางใจและนับถือแพทย์คนไหนมากนัก
"ผมเองก็ยังไม่เคยเห็นเขาเหมือนกัน คุณหนูอู๋ชวงไปรับเขาแล้ว ได้ยินมาว่าเป็นแพทย์แผนจีน เมื่อคืนยังให้ผู้อาวุโสต้มสมุนไพรอาบเป็นเวลา 12 ชั่วโมง"
"แพทย์แผนจีน! แพทย์แผนจีนรักษาโรคได้ด้วยเหรอ?" มุมปากของน่าหลันอู๋เฟิงกระตุกรอยยิ้มเย้ยหยัน
ตอนอายุสิบขวบ เขาถูกส่งตัวไปเรียนต่างประเทศ ได้รับการศึกษาในรูปแบบตะวันตกมาเต็มๆ เขาพึ่งจะกลับมายังประเทศจีนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่มีความประทับใจต่อแพทย์แผนจีน
เมื่อฉินห้าวตงและน่าหลันอู๋ชวงเข้ามาในบ้าน เป็นตอนที่พวกเขาเห็นคุณหมอเจมส์และผู้ช่วยของเขากำลังยุ่งวุ่นวายอยู่รอบๆ น่าหลันเจี๋ยพอดี
น่าหลันเจี๋ยค่อยๆ ชะงักไป ในแผนการรักษาไม่ได้มีแพทย์คนอื่นมาทำการวินิจฉัยโรคให้คุณปู่ของเธอนี่นา ทำไมจู่ๆ ถึงมีทีมแพทย์จากต่างประเทศเข้ามาได้ล่ะ มันเกิดอะไรขึ้น?
ขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยถาม กลับถูกฉินห้าวตงห้ามเอาไว้
ฉินห้าวตงดึงน่าหลันอู๋ชวงให้ยืนอยู่ในมุมด้านข้าง เขาอยากจะดูว่าแพทย์ตะวันตกจะรักษาอาการหลอดเลือดอุดตันได้อย่างไร
เพราะทุกคนเอาแต่มุ่งความสนใจของไปที่น่าหลันเจี๋ย จึงไม่มีใครสังเกตเห็นการมาถึงของพวกเขาทั้งสองคน
อันที่จริงทีมงานแพทย์ของคุณหมอเจมส์มีประสิทธิภาพมาก ในไม่ช้าข้อมูลทางการแพทย์จำนวนมากถูกส่งไปหาเขา
เขามองดูผลตรวจในมือที่ละแผ่น น่าหลันอู๋เฟิงจึงเดินเข้ามาถามเขา “คุณหมอเจมส์ครับ อาการของคุณปู่ผมเป็นอย่างไรบ้าง?”
"สถานการณ์ไม่ดีเอามากๆ เลย เซลล์ในปอดของคนไข้ส่วนใหญ่เป็นเนื้อร้าย"
ชายชาวต่างชาติมีเคราคนนี้พูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว ถึงแม้ว่าจะมีสำเนียงแปร่งๆ ไปบ้าง แต่โดยรวมยังพอเข้าใจได้อยู่
ฉินห้าวตงขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูแล้วในสายตาของหมอชาวตะวันตกคนนี้คงเอาส่วนที่เป็นหลอดเลือดอุดตันของน่าหลันเจี๋ยมาฟันธงว่าเป็นเนื้อร้าย
"งั้นจะทำอย่างไรดี? รักษาได้ไหมครับ?" น่าหลันอู๋เฟิงเอ่ยถาม
“แพทยสมาคมโลกมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดในโลก และฉันคือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทรวงอกและปอดที่ดีที่สุดในสมาคมการแพทย์ ถึงแม้ว่าอาการป่วยนี้จะค่อนข้างซับซ้อน แต่ก็ยังสามารถรักษาได้”
คุณหมอเจมส์พูดด้วยความภาคภูมิใจ
“เยี่ยมไปเลย ขอบคุณมากครับคุณหมอเจมส์!” สีหน้าของน่าหลันอู๋เฟิงเต็มไปด้วยความดีใจ ถ้าหากเขาสามารถหาคุณหมอมารักษาอการป่วยของน่าหลันเจี๋ยจนหายได้ ในอนาคตสถานะของเขาในตระกูลน่าหลันต้องเพิ่มสูงขึ้นกว่าสถานะที่น่าอึดอัดใจอย่างนี้แน่นอน
"คุณหมอเจมส์ครับ ควรจะรักษาอย่างไรดีครับ?"
"การผ่าตัด! การผ่าตัดเป็นวิธีการรักษาผู้อาวุโสที่ดีที่สุด ผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อร้ายในปอดออก เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อร้ายลุกลามไปมากกว่าเดิม" หมอเจมส์พูดกับน่าหลันอู๋เฟิง "คุณรีบติดต่อโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศจีน ผมจะเป็นคนดำเนินการผ่าตัดเอง โอกาสผ่าตัดสำเร็จน่าจะมีมากกว่า 95%"
น่าหลันอู๋ชวงฟังมาถึงตรงนี้เริ่มทนไม่ได้ เธอจึงเดินเข้าไปพูด "เห็นปอดเป็นไส้ติ่งหรือไง? ที่นึกจะตัดทิ้งเมื่อไรก็ตัดทิ้ง มันจะสร้างความเจ็บปวดให้คุณปู่ของฉันนะ”
หลังจากที่น่าหลันอู๋เฟิงเห็นน่าหลันอู๋ชวงแล้ว เขายิ้มพลางพูดขึ้นว่า “อู๋ชวง เธอมาตั้งแต่เมื่อไร?”
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหลานชายคนโตของตระกูลน่าหลัน แต่น่าหลันอู๋ชวงได้รับความรักจากคุณปู่มากกว่า ดังนั้นสถานะของเธอจึงสูงกว่าเขามาก
น่าหลันอู๋ชวงจ้องเขาเขม็ง พลางพูดขึ้น "หมอที่พี่พามาคือหมออะไร ทำไมถึงต้องผ่าตัดเอาปอดของคุณปู่ออก?"
ไม่ทันรอให้น่าหลันอู๋เฟิงพูด คุณหมอเจมส์ก็ชิงพูดขึ้นว่า "คุณหนูคนสวย คุณไม่รู้เรื่องความรู้เรื่องทางการแพทย์ ปอดของคนเรามีห้ากลีบ มันเป็นอันตรายไม่มากถ้าจะผ่าตัดออกไป 2-3 กลีบ ขอแค่ในเวลาปกติพักผ่อนและดูแลตัวเองให้ดี”
"อีกอย่างอาการป่วยของปู่คุณหนักมาก ถ้าหากไม่ทำการผ่าตัดได้ทันเวลา คงมีชีวิตอยู่ต่อได้เพียง 3-6 เดือนเท่านั้น"
น่าหลันอู๋เฟิงยังพูดต่ออีกว่า "ใช่แล้วอู๋ชวง คุณหมอเจมส์คือคุณหมอที่ดีที่สุดในโลกแล้ว วิธีรักษาที่เขาพูดมาจะต้องเป็นวิธีรักษาที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน!"
"อวดฉลาด!" น่าหลันเจี๋ยโมโห เขาลุกขึ้นจากบนเตียงแล้วพูดถาม "อะไรที่เรียกว่าอันตรายไม่มากน่ะ? ถ้าหากปอดถูกตัดออกไปครึ่งหนึ่ง แล้วฉันจะยังฝึกวรยุทธ์ได้อยู่ไหมล่ะ?"
"นั่นมันไม่ได้อยู่แล้ว หลังจากผ่าตัดแล้วจะต้องพักฟื้นดีๆ ไม่สามารถออกกำลังกายอย่างหักโหมได้" คุณหมอเจมส์พูดขึ้น
"ถ้าหากรักษาตามแผนการรักษาของคุณ จะยื้อชีวิตไปได้นานแค่ไหน?"
คนที่พูดคือฉินห้าวตง เขาเดินออกมาจากในมุม
จบตอน