ตอนที่ 17 คนซวย
"คนอย่างนาย เชื่อถือไม่ได้แม้คำพูดครึ่งคำ!" น่าหลันอู๋ชวงพูดขึ้นด้วยความโกรธ
"ฉันเป็นคนที่ซื่อสัตย์ขนาดนี้ ทำไมถึงไม่น่าเชื่อถือล่ะ? ทุกประโยคคือความจริงทั้งหมดนี่นา"
ฉินห้าวตงกล่าวด้วยสีหน้าเสียใจ
"งั้นฉันถามนายหน่อย นายอายุเท่าไร?"
"21 ปี!"
"ลูกที่นายพูดถึงอายุเท่าไร?"
"4 ขวบ!"
"พูดแบบนี้แสดงว่าห้าปีก่อนนายก็คบกับเธอแล้วเหรอ?"
"ไม่ใช่สักหน่อย จะพูดให้ถูกคือพวกเราพึ่งรู้จักกันสองวันเอง!"
"ไอ้บ้า พูดจาไร้สาระ!"
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะกำลังขับรถอยู่ น่าหลันอู๋ชวงแทบอยากจะเตะผู้ชายกะล่อนปลิ้นปล้อนคนนี้ลงจากรถ เห็นได้ชัดว่าเขาพูดจาไร้สาระอยู่ แถมยังจะพูดอย่างจริงจังได้เช่นนี้อีก
"ไม่ได้พูดไร้สาระสักหน่อย ที่ฉันพูดมาเป็นความจริงหมดเลย!"
ฉินห้าวตงพูดด้วยสีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์
"นาย……"
น่าหลันอู๋ชวงโกรธจนต้องหุบปาก เธอรู้ว่าถ้าหากยังพูดต่อจะต้องถูกผู้ชายคนนี้ทำให้โมโหจนแทบบ้าแน่ๆ
รถ Audi A6 ขับตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ขับออกไปทางนอกเมือง มาถึงยังด้านหน้าประตูสวนขนาดใหญ่ ภายในลานมีกำแพงอิฐขนาดใหญ่และบ้านเรือนที่มุงด้วยกระเบื้องสีเขียวชื้น ที่นี่คือสถานพยาบาลพิเศษในเขตกองทัพทหารเจียงหนาน มีข่าวลือว่าผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่ต่างเป็นผู้นำทางทหารระดับผู้บัญชาการกองพลขึ้นไปทั้งนั้น
น่าหลันอู๋ชวงจอดรถ เดินนำฉินห้าวตงเดินเข้าไปในลาน
ฉินห้าวตงเดินและสำรวจสถานพยาบาลไปด้วย สภาพแวดล้อมที่นี่ไม่เลวเลย ปราณวิญญาณที่อยู่ในพื้นที่นี้มีเยอะกว่าในเขตรอบเมืองอยู่มาก เหมาะสำหรับเป็นสถานที่ในการฟื้นฟูเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาพึ่งจะเดินออกไปได้ไม่ไกล ทันใดนั้นมีชายวัยรุ่นอายุราวยี่สิบปีต้นๆ วิ่งออกมาทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว ทั้งตัวของเขาสวมแบรนด์เนมต่างประเทศทั้งหมด แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นพวกคนรวย ในมือของเขาถือกล่องผ้าสีแดงขนาดใหญ่อยู่
"ชวงชวง ฉันโทรหาเธอ ทำไมเธอไม่รับสายฉันล่ะ"
ชายวัยรุ่นวิ่งเข้ามาที่ด้านหน้าน่าหลันอู๋ชวง เขายิ้มกว้างราวกับดอกหางกระรอกแดง
"จางต้าจื้อ ฉันเคยบอกนายแล้วนี่นา ถ้าไม่มีธุระอะไรไม่ต้องมารบกวนฉัน!"
น่าหลันอู๋ชวงพูดอย่างไม่สบอารมณ์
"มีธุระสิ! ฉันมีธุระจริงๆ" เห็นได้ชัดว่าจางต้าจื้อกลัวน่าหลันอู๋ชวงเป็นอย่างมาก เขารีบยกกล่องผ้าในมือขึ้นมาพลางพูดว่า "ได้ยินมาว่าเธอกำลังมองหาโสมโบราณสำหรับผู้อาวุโสน่าหลัน พอดีฉันมีเพื่อนทำธุรกิจค้ายาสมนุนไพร จึงวางใจให้เพื่อนหาซื้อโสมเกาหลีที่ดีที่สุดมา ได้ยินมาว่ามันมีอายุหลายร้อยปีแล้ว วันนี้เลยนำมามอบให้ผู้อาวุโส"
เขาพูดจบ แล้วรีบเปิดกล่องผ้าด้วยความกระตือรือร้น เผยให้เห็นโสมเกาหลีสีขาวราวกับหิมะอยู่ด้านในกล่อง
ตอนแรกฉินห้าวตงไม่สนใจจางต้าจื้อเลยแม้แต่น้อย ก็แค่คนที่มาจีบน่าหลันอู๋ชวงก็เท่านั้น ดูเหมือนแม่สาวน้อยคนนี้จะไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ แต่พอเห็นโสมเกาหลีรากนั้น เขาเบิกตากว้างโดยไม่รู้ตัว ของดี! เป็นของดีจริงๆ ด้วย!
โสมเกาหลีรากนี้เมื่อเอามาจับคู่กับโสมโลหิตของเขาจะกลายเป็นส่วนผสมหลักของโอสถสำหรับเตรียมไว้ฝึกขั้นก่งจี ไม่ได้การล่ะ จะต้องคว้าของดีชิ้นนี้มาไว้ในมือให้ได้
มิน่าล่ะทำไมฉินห้าวตงถึงใจเต้น ก็โสมเกาหลีรากนี้มีอายุถึงหกร้อยเจ็ดร้อยปีเต็มๆ แถมปราณวิญญาณที่แพร่กระจายออกมามีความเข้มข้นเป็นอย่างมาก
ของมันก็เป็นของดีอยู่หรอก แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ให้มันถูกเวลาเท่าไร เขายังแอบถอนหายใจให้กับจางต้าจื้ออยู่ในใจ สามารถหาโสมเกาหลีที่มีอายุขนาดนี้ได้ ชายคนนี้จะต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากและจ่ายในราคาที่มหาศาล ถ้าหากส่งมาให้เร็วกว่าเดิมหน่อยสักสองวัน ไม่แน่น่าหลันอู๋ชวงอาจจะมองเขาใหม่ก็ได้ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้มันใช้ไม่ได้แล้ว
เป็นไปตามคาด น่าหลันอู๋ชวงไม่แม้แต่จะมองโสมเกาหลีที่อยู่ด้านในกล่องผ้า เธอถลึงตาใส่จางต้าจื้อพลางพูดขึ้นว่า "ใช้ไม่ได้ นายเอากลับไปเถอะ!"
“เอ่อ……” จางต้าจื้ออ้ำอึ้ง เขาได้ยินมาว่าน่าหลันอู๋ชวงกำลังหาโสมที่มีอายุร้อยปีขึ้นไป นึกว่านี่คือโอกาสดีในการแสดงออก เขาจึงพยายามใช้เส้นสายทั้งหมดที่มี ยอมจ่ายเงินกว่า 10 ล้านหยวนซื้อโสมรากนี้มาจากประเทศเกาหลีเพื่อมาทำให้เธอยิ้มได้
แต่น่าหลันอู๋ชวงไม่เพียงแต่ไม่ยอมยิ้ม แต่ท่าทีของเธอที่มีต่อเขากลับเย็นชามากยิ่งขึ้น
"ชวงชวง เธออย่าพึ่งวู่วามสิ โสมเกาหลีรากนี้จะต้องรักษาอาการป่วยของผู้อาวุโสน่าหลันได้แน่ๆ……"
"ฉันบอกแล้วไงว่ามันใช้ไม่ได้……"
ไม่ทันรอให้จางต้าจื้อพูดจบ น่าหลันอู๋ชวงก็ชิงตัดบทเสียก่อนแล้ว หลังจากได้ฟังคำวินิจฉัยของฉินห้าวตง เธอรู้ว่ายิ่งโสมมีคุณภาพดีเท่าไรก็ยิ่งเป็นพิษต่ออาการป่วยของคุณปู่เธอ ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่รู้สึกดีต่อจางต้าจื้อเลย
เธอรู้ว่าถ้าเธอไม่พูดกับจางต้าจื้อให้ชัดเจน เขาจะต้องรบเร้าไม่เลิกแน่ ดังนั้นเธอจึงดึงฉินห้าวตงมาพลางพูดขึ้น “ตระกูลน่าหลันของพวกเราได้เชิญคุณหมอฉินมาทำการรักษาให้คุณปู่ นายไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้หรอก!”
จางต้าจื้อเหลียวมองฉินห้าวตงแวบหนึ่ง จากนั้นหันไปพูดกับน่าหลันอู๋ชวงด้วยความโกรธ “เห็นได้ชัดว่าไอ้หมอนี่คือผู้ชายขายตัวที่เธอพามา จะไปเป็นคุณหมอได้ยังไง?”
“จางต้าจื้อ พูดอะไรระวังปากหน่อย” น่าหลันอู๋ชวงที่ตอนแรกเป็นคนโกรธง่ายอยู่แล้ว ในเวลานี้เธอหมดความอดทนจึงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา “ต่อให้เขาคือผู้ชายขายตัวที่ฉันพามา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายล่ะ?”
ฉินห้าวตงรู้สึกทำตัวไม่ถูก สรุปใครยั่วยุใครกันแน่วะเนี่ย เขากลายเป็นคนซวยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เพียงเพราะเขามาทำการรักษาที่นี่ แถมยังกลายเป็นคู่แข่งทางความรักที่สุดแสนจะงี่เง่านั่นอีก และยังถูกมองว่าเป็นผู้ชายขายตัวอีกด้วย
“ชวงชวง นี่มันก็ผ่านมานานแล้ว หรือเธอยังไม่รู้ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธออีกเหรอ? ถ้าพวกเราได้อยู่ด้วยกันถึงจะเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ ไอ้ผู้ชายขายตัวคนนี้มันมีอะไรดี? มันดูขาวดูปวกเปียกเกินกว่าจะเป็นผู้ชายจริงๆ บางทีมันอาจจะเป็นเกย์……”
"พอได้แล้ว!" ไม่ทันรอให้เขาพูดจบ น่าหลันอู๋ชวงตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ "จางต้าจื้อ หุบปากเหม็นๆ ของนายซะ"
"เธอ……"
ถึงแม้ว่าจางต้าจื้อจะโกรธจนเลือดขึ้นตา แต่เขาก็ไม่กล้าอารมณ์ขึ้นต่อหน้าน่าหลันอู๋ชวง
เหตุผลที่เขาตามจีบน่าหลันอู๋ชวงคือส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสวยของเธอ แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดเลยก็คือเป็นเพราะความทรงพลังของตระกูลน่าหลัน แต่ทั้งหมดนี้เขาก็ยังกลัวน่าหลันอู๋ชวงเพราะเธอโกรธง่ายมาก
เขาไม่กล้ายั่วยุน่าหลันอู๋ชวง ไม่ได้หมายความว่าจะไม่กล้ายั่วยุฉินห้าวตง
"ไอ้ผู้ชายขายตัว แกออกไปให้ห่างๆ ชวงชวงเลยนะ ไม่อย่างนั้นแกจะตายโดยที่ไม่รู้ว่าตายท่าไหน"
พอเห็นว่าไอ้โง่คนนี้เริ่มไม่รู้จักที่เป็นที่ตาย ฉินห้าวตงรู้สึกรำคาญจึงตะคอกอย่างเย็นชา “ไสหัวไปซะ!”
"อะไรนะ? แกกล้าด่าฉันเหรอ วันนี้ฉันจะทำให้แกไม่มีโอกาสได้พูดอีกต่อไป!”
ขณะที่พูด จางต้าจื้อพุ่งเข้าหาฉินห้าวตง น่าหลันอู๋ชวงเคลื่อนตัวเข้ามาบังฉินห้าวตงไว้ “จางต้าจื้อ นายจะทำอะไร? นี่คือแขกของตระกูลน่าหลัน นายรีบไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่เกรงใจนายแล้วนะ!”
เธอพยายามเก็บซ่อนความโกรธไว้ในใจมาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะพ่อของจางต้าจื้อเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของเธอ คาดว่าตอนนี้เธอคงอัดเขาจนน่วมไปแล้ว
พอเห็นน่าหลันอู๋ชวงที่ใกล้จะระเบิดอารมณ์ จางต้าจื้อถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว เขารู้ถึงความเก่งกาจของเธอดี ถึงแม้ว่าเขาจะเคยฝึกเทควันโดมาหลายปี แต่ก็ไม่ใช่คู่แข่งของเธอ ถ้าต่อสู้กันจริงๆ ขึ้นมาเขาอาจโดนฆ่าตายเอาได้
แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาชี้หน้าฉินห้าวตงพลางตะโกนขึ้น “ไอ้ผู้ชายขายตัว เอาแต่หลบหลังผู้หญิงมันไม่แมนนะเว้ย แกกล้าออกมาต่อสู้กับฉันตัวต่อตัวไหมล่ะ?”
ในความคิดของเขา ฉินห้าวตงคือผู้ชายขายตัวที่เกาะผู้หญิงกิน คงไม่กล้าตอบรับคำท้าของเขาหรอก ขอแค่ฉินห้าวตงยอมรับความพ่ายแพ้ น่าหลันอู๋ชวงที่โมโหง่ายจะต้องเลือกเขาอย่างแน่นอน
ฉินห้าวตงเกิดความคิด เขากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะคว้าเอาโสมรากนี้มาเป็นของตัวเองได้? แต่ไอ้โง่คนนี้กลับเอามายื่นให้ด้วยตัวเอง
เขายกมือขึ้นมาผลักน่าหลันอู๋ชวงที่บังอยู่หน้าเขาออกไป แล้วหันไปพูดกับจางต้าจื้อ “นายต้องการจะต่อสู้กับฉันงั้นเหรอ?”
“แกกล้าไหมล่ะ? ลูกผู้ชายต้องไม่หลบหลังผู้หญิงนะเว้ย” จางต้าจื้อตะโกนขึ้น
เขามีความมั่นใจมาก เพราะเขาคิดว่าต่อให้เอาชนะน่าหลันอู๋ชวงที่เรียนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็กไม่ได้ แต่การจัดการกับไอ้ผู้ชายขายตัวตรงหน้านี้เป็นอะไรที่ง่ายมาก
“ได้สิ ทำไมฉันจะไม่กล้าล่ะ!” ฉินห้าวตงพูดขึ้น “แต่ฉันจะไม่สู้เพียงเพราะแกอยากสู้หรอกนะ เอาแบบนี้ดีไหม เรามาพนันกันหน่อยเป็นไง?”
“แกอยากจะพนันอะไร?” จางต้าจื้อถามขึ้น
“ก็โสมในมือของแกไง ถ้าฉันชนะ แกต้องเอาโสมรากนั้นมาให้ฉัน แกกล้าพนันไหมล่ะ?”
“เอ่อ……” จางต้าจื้อลังเล คิดไม่ถึงเลยว่าฉินห้าวตงจะท้าพนันเป็นโสมรากนี้ที่มีมูลค่าถึงสิบล้านหยวน
“ว่าไง ไม่กล้ารับคำท้าเหรอ? เมื่อกี้แกไม่ใช่ลูกผู้ชายมาดแมนหรือไง?” ขณะที่พูด ฉินห้าวตงคว้าเอวบางของน่าหลันอู๋ชวงมาไว้ในอ้อมแขนของเขา เขาต้องการโสมเกาหลีรากนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงคิดจะใช้น่าหลันอู๋ชวงมายั่วยุจางต้าจื้อ
น่าหลันอู๋ชวงหน้าแดง เธอไม่รู้เหตุผล แต่เธอก็ไม่ได้หลบ
ได้แต่ปล่อยให้เขากอดเอวของเธอไว้อย่างนั้น
พอเห็นผู้หญิงที่ตนชอบใกล้ชิดกับชายอื่นเช่นนี้ จางต้าจื้อหัวร้อนขึ้นในทันที เขาพูดตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ “พนันก็พนันสิวะ ไม่มีอะไรที่ฉันไม่กล้า แล้วถ้าแกแพ้ขึ้นมาล่ะ?”
“ถ้าฉันแพ้ แกอยากจะทำอะไรฉันก็เชิญ”
ฉินห้าวตงพูดอย่างไม่ใส่ใจ เผชิญหน้ากับคนโง่เช่นนี้ เขาไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน
จางต้าจื้อพูดขึ้นอย่างชั่วร้ายว่า "ถ้าหากแกแพ้ ฉันจะตัดขาของแก แล้วไม่อนุญาตให้ปรากฏตัวต่อหน้าชวงชวงอีก"
"จางต้าจื้อ นายจะมากเกินไปแล้วนะ!" น่าหลันอู๋ชวงตะโกนขึ้น
"ฉันทำเกินไปเหรอ? โสมรากนี้มูลค่าสิบล้านหยวนเลยนะ พนันกับขาทั้งสองข้างของเขา ฉันก็เสียเปรียบพอแล้ว!"
ฉินห้าวตงพูดตัดบทก่อนที่น่าหลันอู๋ชวงจะพูดอะไรต่อ “เขาพูดถูกแล้ว การพนันนี้ถือว่ายุติธรรมดี ใช้ขาทั้งสองข้างของฉันพนันกับเงินสิบล้านหยวนแล้วกัน”
"จะไหวเหรอ จางต้าจื้อเคยฝึกเทควันโดมานะ" น่าหลันอู๋ชวงหันไปกระซิบฉินห้าวตง
เธอรู้แค่ว่าทักษะทางการแพทย์ของฉินห้าวตงเก่งกาจเกินใคร แต่ไม่รู้ว่าตัวตนของเขาเป็นแบบไหน
"วางใจเถอะ คนโง่แบบนี้รับมือได้ง่ายมาก!”
ฉินห้าวตงพูดพลางดันน่าหลันอู๋ชวงออกไปด้านข้าง แล้วเผชิญหน้ากับจางต้าจื้อตัวต่อตัว
พอเห็นผู้หญิงที่ตัวเองชอบใกล้ชิดกับฉินห้าวตงขนาดนี้ จางต้าจื้อแทบจะระเบิดเพราะความโกรธ เขาขยับเท้าเตะไปตรงขมับของฉินห้าวตง
ใครใช้ให้แกมาแย่งผู้หญิงของฉัน วันนี้ฉันจะระเบิดหัวของแกให้ได้
พอเห็นขาขวาของเขาเข้าใกล้หัวของฉินห้าวตงเรื่อยๆ มุมปากของจางต้าจื้อกระตุกรอยยิ้มเย่อหยิ่งอันเยือกเย็นออกมา
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะหัวเราะเสร็จ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกราวกับถูกรถไฟพุ่งชนบริเวณหน้าอกของเขา แรงอัดอันหนักหน่วงดูเหมือนจะบดขยี้กระดูกช่วงอกของเขาให้แตก ตัวเขาลอยไปด้านหลังราวกับถุงกระสอบแล้วตกลงมาบนพื้นอย่างแรง
“เป็นของฉันแล้วนะ!”
หลังจากเตะจางต้าจื้อลอยออกไปไกล ฉินห้าวตงวิ่งออกไปอย่างมีความสุข เขาหยิบเอากล่องผ้าสีแดงขนาดใหญ่มาถือไว้ในมือ
น่าหลันอู๋ชวงรู้สึกตกใจเมื่อเห็นฉินห้าวตงเอาชนะจางต้าจื้อได้อย่างง่ายดาย ต่อให้เธอลงมือด้วยตัวเองก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ง่ายเช่นนี้ เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนประเภทไหนกัน? เขาไม่เพียงแต่มีทักษะทางการแพทย์ที่น่าทึ่ง แต่ยังมีทักษะการต่อสู้ที่น่าแปลกใจอีกด้วย
“ไอ้บ้า แกกล้าเล่นเล่ห์เหลี่ยมกับฉันเหรอ!”
จางต้าจื้อนับว่าโง่เง่าอีกครั้ง ในเวลานี้เขาตระหนักได้ถึงแผนร้ายของฉินห้าวตง เขาจึงพยายามที่จะลุกขึ้นยืน แต่พยายามเท่าไรก็ไม่เป็นผล
ความแรงของการเตะครั้งนี้ถือว่าแรงพอควร ยังดีที่ฉินห้าวตงยังเห็นแก่โสมเกาหลีรากนี้ จึงไม่ได้เตะเต็มแรง ไม่อย่างนั้นจางต้าจื้อคงกลายเป็นคนพิการในอีกครึ่งชีวิตที่เหลือแน่นอน
ฉินห้าวตงถือโสมไว้ แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เฮ้พวก จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ เป็นนายเองที่เริ่มท้าสู้กับฉันก่อน ทำไมถึงมาบอกว่าฉันเล่นเล่ห์เหลี่ยม? คนเรามันต้องชดใช้ค่าความเย่อหยิ่งของตัวเอง!”
“ไอ้ผู้ชายขายตัว แกรอฉันก่อนเถอะ เรื่องนี้มันยังไม่จบเว้ย!” จางต้าจื้อตะโดนขึ้นด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว
"ถ้าแกอยากจะมีปัญหากับฉันก็ได้นะ แต่ครั้งหน้าฉันจะไม่เมตตาแกแล้ว นอกเสียจากแกจะเอาโสมดีๆ แบบนี้มาให้ฉันอีก”
แน่นอนว่าฉินห้าวตงไม่สนใจการคุกคามจากคนอ่อนแอแบบนี้หรอก
ในเวลานี้ยามรักษาความปลอดภัยหลายคนในกองทัพวิ่งเข้ามา พวกเขามองเห็นจางต้าจื้อนอนกองอยู่ที่พื้น จึงหันมาถามน่าหลันอู๋ชวง “คุณหนูน่าหลัน เกิดอะไรขึ้นครับ?”
น่าหลันอู๋ชวงโบกไม้โบกมือ "ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกนาย มีอะไรทำก็ไปทำเถอะ”
จบตอน