px

เรื่อง : คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣)
ตอนที่ 14 เรียกเขาว่าเสี่ยวตงตง


ตอนที่ 14 เรียกเขาว่าเสี่ยวตงตง

 

 “พระเจ้า นี่มันยาอะไรกันแน่? ทำไมมันช่างวิเศษเหลือเกิน!”

 

มองดูรูปร่างงดงามที่ใครก็เทียบไม่ได้ผ่านกระจกแบบเต็มตัว ในเวลานี้หลินโม่โม่จึงถอดผ้าเช็ดตัวออก เรือนร่างอันงดงามปรากฏอยู่กลางอากาศ ให้ตัวเองได้ชื่นชมมัน

 

 “หม่าม๊า หม่าม๊า ถังถังมาแล้ว!”

 

ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นที่หน้าประตู แม่หนูน้อยวิ่งเข้ามาจากด้านนอกโดยมีฉินห้าวตงเดินตามหลังมา ตอนอยู่ที่บ้านเพื่อสะดวกในการให้แม่หนูน้อยเข้ามา ปกติหลินโม่โม่จะไม่มีนิสัยชอบล็อคประตู วันนี้เธอก็ไม่ได้ล็อคประตูเช่นกัน

 

ตอนที่แม่หนูน้อยและฉินห้าวตงปรากฏตัวที่หน้าประตูนั้น เธอนิ่งอึ้งไปทันทีราวกับประติมากรรมปูนปั้น เธอลืมนุ่งผ้าเช็ดตัวไปแล้ว

 

ฉินห้าวตงเองก็นิ่งอึ้งไป เดิมทีเขาต้องการมาส่งแม่หนูน้อยให้หลินโม่โม่อาบน้ำให้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องมาเห็นฉากตรงหน้านี้

 

 “หม่าม๊า ทำไมหม่าม๊าโป๊อย่างนั้นล่ะคะ? หม่าม๊าไม่อายหรอคะ!”

 

ขณะที่แม่หนูน้อยพูด เธอยังใช้นิ้วมือเล็กๆ ของเธอปัดแก้มทั้งสองข้าง ทำท่าทางเขินอายออกมา

 

 “อ๊า!”

 

ตอนนี้หลินโม่โม่พึ่งจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เธอส่งเสียงกรี๊ดออกมา แล้วรีบดึงผ้าเช็ดตัวขึ้นมาพันรอบร่างกายตัวเอง

 

 “เธอ......เธอทำไมไม่เคาะประตูก่อนแล้วค่อยเข้ามา?”

 

หลินโม่โม่พูดกับฉินห้าวตงด้วยท่าทีทั้งโกรธทั้งอับอาย

 

“เอ่อ......ผมเข้ามาพร้อมกับถังถัง เธอไม่ได้เคาะประตูก่อน ผมจึงเดินตามเธอเข้ามา” ฉินห้าวตงพูดขึ้นอย่างเขินอาย “แต่คุณหนูหลินไม่ต้องกังวล เมื่อกี้ผมมองไม่เห็นอะไรเลย!”

 

ที่เขาพูดแบบนี้เพื่อบรรเทาความเขินอายของตัวเอง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าแม่หนูน้อยจะตีมือของเขาพลางพูดขึ้นว่า “ป่าป๊าเป็นเด็กไม่ดี ป่าป๊ากำลังพูดโกหก เมื่อกี้เห็นได้ชัดว่าป่าป๊าทำตาโตเป็นไข่ห่าน แล้วทำไมมาบอกว่าไม่ได้มองหม่าม๊าล่ะ......”

 

 “เอ่อ......”

 

นี่ทำให้ฉินห้าวตงและแม้กระทั่งหลินโม่โม่ต่างเขินอายทำตัวไม่ถูก ทั้งสองคนหมดคำพูดกับแม่หนูน้อยที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาคนนี้จริงๆ บรรยากาศภายในห้องของหลินโม่โม่จึงเข้าสู่ความเงียบ

 

พอเห็นว่าป่าป๊ากับหม่าม๊าไม่พูดอะไร แม่หนูน้อยเลยนึกว่าทั้งสองคนไม่เชื่อคำพูดของเธอ จึงรีบพูดต่อ “หม่าม๊า ถังถังไม่ได้พูดโกหกจริงๆ นะ หม่าม๊าดูสิ ปากของป่าป๊ามีน้ำลายไหลออกมาด้วย!”

 

จากนั้นเธอก็ทำสีหน้าครุ่นคิดขึ้น “น่าแปลกจัง หม่าม๊าไม่ใช่ของอร่อยซะหน่อย ทำไมพอป่าป๊าเห็นแล้วน้ำลายไหลล่ะ?”

 

ทันใดนั้น สีหน้าของแม่หนูน้อยก็เปลี่ยนไป พลางหันไปพูดกับฉินห้าวตงด้วยความกังวล “ป่าป๊า หม่าม๊าไม่ใช่ของที่กินได้นะ ป่าป๊าอย่ากินหม่าม๊าเด็ดขาดเลยนะ ไม่อย่างนั้นถังถังก็ไม่มีหม่าม๊าแล้ว......”

 

เอ่อ……กินหม่าม๊า……”

 

ในหัวของฉินห้าวตงอดที่จะผุดภาพที่ถังถังไม่มีวันจินตนาการออกได้ ในเวลานี้ถึงแม้ว่าหลินโม่โม่จะพันผ้าเช็ดตัวไว้ แต่กระดูกไหปลาร้าที่แสนจะเซ็กซี่รวมถึงน่องขาวเรียบเนียนที่โผล่พ้นผ้าออกมา การที่เธอนุ่งผ้าไว้ครึ่งหนึ่งและเปลือยกายครึ่งหนึ่งมันช่างน่าเย้ายวนใจเสียเหลือเกิน

 

เขารีบเอามืออุดจมูกไว้ เพราะกลัวว่าจะเลือดกำเดาไหลอีกครั้ง จากนั้นเลือกที่จะหนีออกไปจากห้องของหลินโม่โม่

 

 “ป่าป๊า ป่าป๊าอย่าหนีสิ!”

 

 แม่หนูน้อยตะโกนเรียกเขาจากทางด้านหลัง แต่ในเวลานี้ฉินห้าวตงอายเกินกว่าจะอยู่ต่อได้

 

 “หม่าม๊า ทำไมป่าป๊าต้องหนีล่ะคะ?”  แม่หนูน้อยหันไปถามหลินโม่โม่

 

 “เอ่อ......เขาอาจจะรีบไปเข้าห้องน้ำล่ะมั้ง”

 

หลินโม่โม่ไม่มีประสบการณ์ในการรับมือกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน จึงทำได้เพียงหาเหตุผลมาโกหก จากนั้นพาแม่หนูน้อยกลับเข้าไปในห้องอาบน้ำอีกครั้ง

 

ฉินห้าวตงกลับมาที่ห้องรับแขก เขาถือแก้วชาไว้แล้วค่อยๆ จิบ

 

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง หลินโม่โม่จูงมือแม่หนูน้อยเดินเข้ามาในห้องรับแขก ผมเปียกชื้น พวงแก้มแดงระเรื่อ ยิ่งเพิ่มชุดอยู่บ้านสีขาวเข้าไป มองแล้วช่างดูสวยงามดึงดูดใจ ไม่มีท่าทีเย็นชาเหมือนตอนที่อยู่ที่บริษัท

 

หลังจากที่กินข้าวเย็นแล้ว หลินโม่โม่หันไปพูดกับฉินห้าวตงว่า “คุณหมอฉิน การรักษาของพวกเราในวันนี้จะเริ่มเมื่อไรดี?”

 

 “อ่า?” ฉินห้าวตงที่กำลังหยอกล้อแม่หนูน้อยอยู่ ค่อยๆ ชะงักไป จากนั้นเขาถึงจะนึกได้ว่าตัวเขาเองยังต้องนวดให้กับหลินโม่โม่อยู่

 

เวลาไหนก็ได้ครับ! เขาพูดขึ้น

 

คุณหมอฉินเองก็ยุ่งเหมือนกัน งั้นเราเริ่มตอนนี้เลยดีกว่า

 

หลินโม่โม่อยากให้ฉินห้าวตงรีบนวดแล้วรีบกลับไป เพราะถ้าชายหนุ่มคนนี้ยังอยู่ที่บ้านของเธอ แล้วแม่หนูน้อยยังเรียกแทนพวกเขาว่าป่าป๊ากับหม่าม๊าอีก ความรู้สึกแบบนี้มันแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้

 

 “งั้นก็ได้ครับ พวกเรามาเริ่มเลยแล้วกัน!” ฉินห้าวตงพูดตอบ

 

 “หนูจะเอาด้วย หนูจะเอาด้วย!” แม่หนูน้อยพูดตาม

 

 “หนูจะเอาอะไรเหรอ?” ฉินห้าวตงถาม

 

 “หนูเองก็อยากนวดรักษาให้หม่าม๊า”

 

 “ได้สิ งั้นพวกเรามารักษาแม่ด้วยกัน”

 

ฉินห้าวตงจูงมือเด็กน้อย แล้วเดินตามหลินโม่โม่เข้าไปในห้องของเธอ

 

หลังจากที่หลินโม่โม่ขึ้นไปนอนบนเตียงแล้ว ฉินห้าวตงเริ่มนวดจากศรีษะของเธอลงมา แม่หนูน้อยช่วยนวดบริเวณเท้าของหลินโม่โม่โดยทำตามเขาทุกขั้นตอน

 

ที่ฉินห้าวตงพูดไว้ว่าหลินโม่โม่ยังต้องทำการติดตามการรักษาต่อเป็นเพราะเขาต้องการที่จะได้ใกล้ชิดเธอ ในเวลานี้ที่เขานวดให้เธอเป็นเพียงแค่นวดเพื่อช่วยให้สุขภาพดีโดยใช้สัจปราณแห่งพงไพรเข้าไปช่วยควบคุมร่างกายของเธอ

 

หลินโม่โม่นอนอยู่บนเตียง สัมผัสได้ถึงมือสองข้างทั้งคู่เล็กและคู่ใหญ่ ในตอนแรกเธอรู้สึกเขินอายนิดหน่อย แต่ภายหลังเธอกลับรู้สึกถึงความสุขที่อธิบายไม่ได้

 

ถ้าหากว่านี่คือครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกจริงๆ มันคงจะเป็นสิ่งที่วิเศษมาก แต่น่าเสียดายที่ผู้ชายสมควรตายคนนั้นกลับหายสาบสูญไปหลายปี

 

เธอถอนหายใจอย่างเงียบๆ แต่ในไม่ช้าความรู้สึกผิดหวังกลับถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกสบาย เทคนิคการนวดของฉินห้าวตงดีมาก ทำให้เธอรู้สึกสบายเหลือเกิน

 

ผ่านไปสักพัก ฉินห้าวตงจึงพูดขึ้นว่า “คุณหนูหลิน ด้านหลังนวดเสร็จแล้ว ขอเชิญพลิกตัวด้วยครับ”

 

ทันใดนั้นแม่หนูน้อยพูดขึ้นในทันที “ป่าป๊า ป่าป๊าไม่ควรเรียกหม่าม๊าแบบนั้นนะ”

 

 “งั้นพ่อควรเรียกแบบไหนล่ะ?” ฉินห้าวตงมองไปยังแม่หนูน้อยอย่างสนใจพลางเอ่ยถาม

 

 “หนูเห็นในทีวีเวลาที่ป่าป๊าเรียกหม่าม๊า ก็มักจะเรียกว่าเมียจ๋า ที่รักหรือไม่ก็สุดที่รัก” สีหน้าของแม่หนูน้อยเต็มไปด้วยความจริงจัง

 

 “เอ่อ……”

 

ฉินห้าวตงเหลียวมองหลินโม่โม่พักหนึ่ง ในเวลานี้เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอย่างไรดี เขาไม่รังเกียจที่จะเรียกผู้หญิงของเขาเช่นนี้ แต่น่าเสียดายที่ในเวลานี้หลินโมโม่คงไม่อาจยอมรับได้อย่างแน่นอน

 

หลินโม่โม่แก้มแดงแล้วหันไปพูดกับแม่หนูน้อย ถังถัง ที่ลูกดูมาจากในโทรทัศน์ล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ มันใช้เพื่อการแสดง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ความจริง

 

 “แต่พ่อของเพื่อนๆ ที่โรงเรียนอนุบาลไม่มีใครเรียกแม่ว่าคุณหนูเลยนะคะ!” แม่หนูน้อยพูดขึ้น

 

“เอ่อ......” เดิมทีหลินโม่โม่อยากจะบอกกับถังถังว่าเธอกับฉินห้าวตงไม่เหมือนกับพ่อแม่คนอื่น แต่พอมองเห็นสีหน้าที่มีความหวังของแม่หนูน้อย รู้ว่าเธอก็แค่อยากมีครอบครัวแบบคนทั่วไปก็เท่านั้น มีพ่อแม่ที่คอยเป็นทุกข์คอยรักในตัวเธอ ในที่สุดเธอจึงอดกลั้นที่จะไม่พูดมันออกมา

 

หลังจากลังเลไปพักหนึ่ง หลินโม่โม่จึงหันไปพูดกับฉินห้าวตงว่า “คุณหมอฉิน งั้นต่อไปคุณเรียกฉันว่าพี่หลินแล้วกัน”

 

ยังไม่ทันรอให้ฉินห้าวตงเอ่ยปาก แม่หนูน้อยก็พูดขึ้นอีกว่า “ไม่ได้! ไม่ได้! เรียกพี่สาวก็ไม่ได้ คุณครูบอกว่าญาติสนิทไม่สามารถแต่งงานกันได้! แล้วก็หม่าม๊าจะเรียกป่าป๊าว่าคุณหมอฉินไม่ได้ มันดูไม่สนิท ไม่เหมือนคนในครอบครัว”

 

ฉินห้าวตงแอบดีใจในใจ เขาแอบพูดในใจว่าลูกสาวของเขาช่างรู้เรื่องดีจริงๆ รู้ใจว่าพ่อของเธออยากทำอะไร

 

 “งั้นลูกลองพูดมาสิว่าแม่ต้องทำยังไง? แต่เรียกแบบในโทรทัศน์ไม่ได้นะ” หลินโม่โม่เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าควรจะรับมือกับแม่หนูน้อยคนนี้ได้อย่างไร

 

ถังถังคิดอย่างจริงจัง จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “หม่าม๊าเรียกป่าป๊าว่าเสี่ยวตงตง ส่วนป่าป๊าเรียกหม่าม๊าว่าเสี่ยวหลินหลิน แบบนี้สิถึงจะดูเหมือนครอบครัว”

 

เอ่อ……เสี่ยวตงตง……”

 

หลินโม่โม่ทำตัวไม่ถูก คำเรียกที่ดูสนิทสนมเช่นนี้ เธอจะพูดออกมาได้อย่างไร

 

ไม่ได้! ไม่ได้! ชื่อนี้ไม่ได้ เธอรีบปฏิเสธข้อเสนอของแม่หนูน้อย

 

 “แต่เป็นหม่าม๊าเองที่ให้ถังถังคิดชื่อให้ พอถังถังพูดแล้วหม่าม๊าก็ไม่ฟัง……” ขณะที่พูดแม่หนูน้อยเริ่มเบ้ปาก ดูเหมือนกำลังจะเริ่มร้องไห้แล้ว

 

ถังถังไม่ร้องไห้นะ เดี๋ยวป่าป๊าคิดหาวิธีก่อน ฉินห้าวตงพูดเอาใจแม่หนูน้อย แล้วหันไปพูดกับหลินโม่โม่ว่า “เอาแบบนี้ดีไหมครับ ตั้งแต่วันนี้ไปผมจะเรียกคุณว่าหลินหลิน ส่วนคุณเรียกผมว่าห้าวตง”

 

มองดูแม่หนูน้อยที่ผิดหวังจนน้ำตากำลังจะไหล หลินโม่โม่จึงพยักหน้าอย่างจนปัญญา “เอางั้นก็ได้ เอาตามที่เธอว่าแล้วกัน”

 

ฉินห้าวตงมองไปยังแม่หนูน้อยพลางถามขึ้น “ถังถัง แบบนี้ได้ไหม?”

 

“ได้ค่ะ แบบนี้พวกเราถึงจะดูเหมือนครอบครัวหน่อย!

 

แม่หนูน้อยรีบเก็บสีหน้าผิดหวังในทันที แล้วกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขอีกครั้ง

 

ในเมื่อแก้ไขเรื่องนี้ได้แล้ว ฉินห้าวตงจึงนวดให้หลินโม่โม่ต่อ ในครั้งนี้หลินโม่โม่นอนหงายอยู่บนเตียง ด้วยใบหน้าอันงดงามและส่วนเว้าโค้งอันน่าดึงดูดใจทำให้ฉินห้าวตงรู้สึกเร่าร้อนอยู่ในใจ เขารีบกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึก ถ้าหากให้แม่หนูน้อยเห็นว่าเขาน้ำลายไหลอีกครั้งคงเกิดความอัปยศเป็นแน่

 

การนวดด้านหน้ามีข้อห้ามมากมายกว่าการนวดด้านหลัง ฉินห้าวตงต้องพยายามใช้สมาธิควบคุมมือทั้งสองข้างของเขาเป็นอย่างมาก เพื่อหลีกเลี่ยงส่วนที่ละเอียดอ่อนมากที่สุด

 

 “ป่าป๊า ทำไมป่าป๊าไม่ตั้งใจนวดเลย ตรงนี้ยังไม่ได้นวดเลยนะ!”

 

แม่หนูน้อยตบลงบนหน้าอกดูมๆ ของหลินโม่โม่พลางพูดขึ้น

 

 “เอ่อ......”

 

ฉินห้าวตงแอบพูดในใจ พ่อเองก็อยากนวดตรงนี้นะ แต่แม่ของลูกไม่ให้นวด

 

 “ป่าป๊า ป่าป๊านวดตรงนี้สิ มันรู้สึกดีมากๆ เลยนะ เวลาที่ถังถังจะนอน ถังถังชอบลูบตรงนี้!

 

แม่หนูน้อยพูดจบ หลินโม่โม่หน้าแดงจนแทบจะมีเลือดพุ่งออกมา เธอรอไม่ไหวที่จะพลิกตัวไปอีกด้านเพื่อซ่อนใบหน้าอันแดงกล่ำของเธอไว้ มันช่างน่าอับอายเสียจริง

 

ฉินห้าวตงกลับเผยสีหน้าแห่งความอิจฉาออกมา ตอนที่เขาจะนอนหลับในเวลากลางคืน หากได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ได้ก็คงจะดี!

 

หลินโม่โม่อยากล้มเลิกความคิดที่จะนวด แต่ก็กลัวว่าจะมีผลกระทบกับการฟื้นฟูบาดแผลของเธอ จึงทำได้แค่พูดกับแม่หนูน้อยอย่างจนปัญญา “ถังถัง หนูไปเล่นกับคุณปู่สักพักเถอะ”

 

แม่หนูน้อยพูดขึ้นว่า “ถังถังไม่อยากเล่นกับคุณปู่ ถังถังอยากจะอยู่นวดกับป่าป๊าเพื่อรักษาอาการป่วยของหม่าม๊า”

 

ดูแล้วแม่หนูน้อยคงไม่ยอมไป การนวดในวันนี้คงทำได้ไม่ดีนัก ฉินห้าวตงจึงก้มลงไปกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูของถังถัง จากนั้นก็เห็นแม่หนูน้อยพูดขึ้นอย่างมีความสุขว่า “ได้เลย! ได้เลย! หนูจะไปเล่นกับคุณปู่ก็ได้ ป่าป๊ากับหม่าม๊าเร็วๆ เข้าล่ะ!”

 

หลังจากที่แม่หนูน้อยพูดจบ เธอวิ่งออกไปจากห้องทันที แถมยังหันกลับมาปิดประตูให้อีก

 

 “เอาล่ะ พวกเราเริ่มรักษากันเถอะ!

 

หลังจากที่ฉินห้าวตงพูดจบแล้ว เขาเริ่มนวดให้กับหลินโม่โม่

 

หลินโม่โม่แปลกใจเป็นอย่างมากว่าสรุปแล้วฉินห้าวตงพูดอะไรกับแม่หนูน้อย เธอจึงถามขึ้น “เธอคุยอะไรกับถังถัง?”

 

 “ไม่มีอะไร ก็แค่พูดกันไปเรื่อย!”

 

 “เป็นไปไม่ได้ รีบบอกฉันมาว่าเธอพูดว่าอะไร?”

 

ในใจของหลินโม่โม่เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีบางอย่าง ถ้าหากว่าเป็นแค่การพูดกันไปเรื่อย แม่หนูน้อยคงไม่เดินออกไปอย่างมีความสุขเช่นนี้หรอก

 

 “แน่ใจนะว่าคุณอยากฟัง?” ฉินห้าวตงพูดขึ้นด้วยสีหน้ามีเลศนัย

 

 

จบตอน

 

รีวิวผู้อ่าน