px

เรื่อง : คุณพ่อยอดหมอเทวดา (重生之奶爸医圣)
ตอนที่ 13 โอสถชำระไขกระดูก


ตอนที่ 13 โอสถชำระไขกระดูก

 

สาเหตุที่ฉินห้าวตงมาเปิดห้องพักที่นี่ เป็นเพราะต้องการมาหลอมยาโอสถ

 

ในฐานะที่เป็นของขวัญมอบให้ลูกสาว แน่นอนว่าคงไม่ดีแน่ถ้าต้องไปหลอมที่บ้านตระกูลหลิน อีกอย่างบ้านพักหมายเลข 6 ที่หลินจื่อเยวียนมอบให้ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน ดังนั้นมาที่โรงแรมเป็นอะไรที่เหมาะสมสุดแล้ว

 

ในฐานะที่เขาเป็นมหาเทพแห่งพงไพร การหลอมยาโอสถระดับต่ำเช่นนี้เป็นอะไรที่ง่ายสำหรับเขามาก แค่ต้องสกัดเอาสารสกัดเข้มข้นจากสมุนไพรแต่ละชนิดมาหลอมทำเป็นยา

 

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง โอสถชำระไขกระดูกจำนวน 12 เม็ดและโอสถบำรุงปราณ 9 เม็ดที่สว่างใสราวกับคริสตัลวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะนั่งเล่นของโรงแรม

 

มองดูเวลายังไม่สายไป อีกตั้งสองสามชั่วโมงกว่าถังถังจะเลิกเรียน หลังจากเขากินอาหารง่ายๆ ที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ เขาจึงเริ่มฝึกฝนเพื่อเพิ่มการฝึกตนของตัวเอง

 

ถึงแม้ว่าปราณวิญญาณในโลกมนุษย์จะมีเป็นจำนวนน้อย แต่เมื่อมีโอสถบำรุงปราณคอยช่วยสนับสนุน ทำให้การบรรลุของเขาเป็นไปได้ง่ายขึ้นเยอะ

 

หลังจากกลืนยาบำรุงปราณไปสามเม็ดติด ฉินห้าวตงรู้สึกถึงเสียง 'ครืน' กระแทกเข้าที่ข้างหู ราวกับว่ามีของบางอย่างพังทลายลง จากนั้นสัจปราณในร่างกายของเขาไหลมาเป็นสายราวกับแม่น้ำแยงซีเกียง ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นกว่าตอนแรกเกินเท่าตัว

 

ฉินห้าวตงลืมตา การฝึกปราณขั้นปลายห่างจากก่งจีแค่ก้าวเดียวเท่านั้น

 

ดูแล้วการฝึกตนในโลกมนุษย์คงทำได้เพียงพึ่งยาโอสถเท่านั้น แต่โสมโลหิตและรากเหอโส่วอูพอเอามารวมกันแล้วมีมูลค่าสูงถึงหกล้านหยวนขึ้นไป บวกกับยาสมุนไพรตัวอื่นที่เขาเสริมเข้ามา มูลค่ารวมสูงถึงเจ็ดล้านกว่าหยวน มูลค่าของมันสูงไปหน่อย

 

ตัวเขาเองต้องรีบหาเงินแล้ว แบบนี้ถึงจะช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกตนได้

 

พอเห็นว่าถึงเวลาแล้ว เขาจึงออกจากห้องพัก รีบไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลิน

 

บอดี้การ์ดของตระกูลหลินต่างได้รับคำสั่งจากหลินจื่อเยวียนแล้ว พอเห็นฉินห้าวตงจึงรีบพาเขาไปยังห้องโถงใหญ่

 

"คุณอาหมอเทวดา!"

 

เขาเพิ่งจะเดินเข้าประตูมา ก็เห็นถังถังมีความสุขและวิ่งโผมาหาเขาอย่างรวดเร็วราวกับเจ้านกน้อย

 

ฉินห้าวตงยื่นมือออกมา อุ้มถังถังร่อนขึ้นหมุนไปสองสามรอบ จากนั้นอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน

 

หลังจากที่แม่หนูน้อยหัวเราะคิกคักแล้ว เธอโอบรอบคอฉินห้าวตงพลางหอมแก้มเขาหนึ่งฟอด แล้วพูดขึ้นว่า "คุณอาหมอเทวดาคะ ถังถังคิดถึงคุณอามากเลยนะ!"

 

หลินโม่โม่ที่อยู่ด้านข้างแอบอิจฉาในใจ ลูกสาวที่เธอเลี้ยงดูมาด้วยตัวเองเป็นเวลาหลายปี ทำไมถึงดูสนิทสนมกับคนอื่นมากกว่าตัวเธอเองเสียอีก

 

หลินจื่อเยวียนเดินเข้ามาพูดด้วยรอยยิ้มว่า "คุณหมอฉิน ไม่อย่างนั้นคงต้องเปิดห้องใต้หลังคาให้คุณอยู่แล้วล่ะ"

 

“เด็กคนนี้สนิทกับผมมากจริงๆ” ฉินห้าวตงคิดว่าเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมพอดี จึงพูดขึ้น “คุณหลินครับ ผมอยากรับถังถังเป็นลูกบุญธรรม ผมได้ปรึกษากับคุณหนูหลินแล้ว คุณคิดว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

 

“ได้สิ นี่เป็นเรื่องดีเลย!”

 

พอหลินจื่อเยวียนได้ยินดังนั้นก็ดีใจเป็นอย่างมาก เขากำลังคิดว่าวิธีว่าจะสานความสัมพันธ์กับฉินห้าวตงอย่างไรดี ถ้ามีความสัมพันธ์ในระดับนี้กับเด็กหนุ่มคนนี้ ทั้งสองครอบครัวได้ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว

 

"คุณอาหมอเทวดาคะ ลูกบุญธรรมคืออะไรเหรอคะ?" แม่หนูน้อยถามขึ้นด้วยความสงสัย

 

"ก็คือการที่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนูคือลูกสาวของอา อาคือพ่อของหนูไง"

 

ฉินห้าวตงพูดขึ้นอย่างจริงจัง

 

"เป็นแบบนี้เหรอคะหม่าม๊า?"

 

แม่หนูน้อยหันไปมองหลินโม่โม่

 

ถึงแม้ว่าหลินโม่โม่จะไม่ค่อยพอใจที่ฉินห้าวตงพูดคำว่าพ่อบุญธรรมกลายเป็นคำว่าพ่อ แต่พอเห็นสายตาที่มีความหวังของแม่หนูน้อย เธอจังพยักหน้า!

 

"ดีจังเลย ดีจังเลย ในที่สุดถังถังจะมีป่าป๊าแล้ว! ถังถังมีป่าป๊าแล้ว!"

 

หลังจากที่ได้รับการยืนยันจากหม่าม๊า แม่หนูน้อยจึงตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก เธอกระโดดออกมาจากอ้อมกอดของฉินห้าวตง แล้วดึงมือของเขาพลางพูดว่า "ป่าป๊า รีบพาหนูไปโรงเรียนอนุบาลเร็ว"

 

"เย็นขนาดนี้แล้ว ยังจะไปโรงเรียนอนุบาลอีกทำไม?" หลินโม่โม่ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ

 

"หนูจะไปบอกเพื่อนทุกคนในห้องเรียนของหนูว่าถังถังมีพ่อ ถังถังไม่ใช่เด็กที่ไม่มีพ่อ……"

 

มองเห็นท่าทีของแม่หนูน้อย ฉินห้าวตงเริ่มแสบจมูกเหมือนน้ำตาจะไหล หลายที่ผ่านมานี้เขาทำให้ลูกสาวต้องรู้สึกไม่ดี หลินโม่โม่เองก็เบือนหน้าหนี เช็ดน้ำตาที่มุมตา ในใจนึกสาปแช่งชายผู้หายสาบสูญคนนั้นเป็นร้อยรอบ

 

หลินจื่อเยวียนถอนหายใจ เขาเดินกลับห้องของตัวเองอย่างเงียบๆ เพราะกลัวว่าถ้าอยู่ต่อไปอาจจะน้ำตาไหลได้

 

"ป่าป๊า ป่าป๊ารีบไปกับหนูเร็ว หนูอยากให้พวกเขาเห็นว่าถังถังเป็นลูกที่มีป่าป๊า!"

 

แม่หนูน้อยไม่รู้ความคิดของผู้ใหญ่ เธอจึงดึงมือของฉินห้าวตงอีกครั้ง

 

หลังจากสงบสติอารมณ์แล้ว ฉินห้าวตงจึงพูดขึ้น "ถังถัง พ่อจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้โรงเรียนอนุบาลปิดแล้ว ขนาดพวกคุณป้ายังเลิกงานแล้วเลย ถ้าหนูไป หนูก็ไม่เจอเพื่อนสักคน พรุ่งนี้เช้าพ่อจะไปส่งหนูเข้าเรียนดีไหม?"

 

แม่หนูน้อยคิดดูแล้วจึงพูดว่า "เอางั้นก็ได้ค่ะ แต่อย่าโกหกหนูนะ พรุ่งนี้เช้าจะต้องไปส่งหนูที่โรงเรียนอนุบาล และต้องไปเช้ากว่าเดิมด้วย"

 

"วางใจเถอะ พ่อเป็นคนรักษาคำพูด" ฉินห้าวตงอุ้มถังถังแล้วพูดต่อ "ถังถัง ยังมีอีกเรื่อง พ่อจะสอนหนูให้นะ ต้องเรียกพ่อว่าพ่อ ไม่ใช่ป่าป๊า!"

 

"ถูกแล้วค่ะ เรียกป่าป๊านี่แหละ! ป่าป๊าคือป่าป๊าของถังถังนี่นา!" แม่หนูน้อยพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

 

ฉินห้าวตงจนปัญญา ช่างเถอะ ป่าป๊าก็ป่าป๊า อย่างน้อยก็ดีกว่าคุณอาเป็นไหนๆ

 

"ถังถัง พ่อยังเตรียมของขวัญไว้ให้หนูด้วย หนูดูสิว่าชอบไหม?"

 

ขณะที่เขาพูด เขาเอาโอสถชำระไขกระดูกวางบนฝ่ามือ โอสถชำระไขกระดูกชิ้นนี้สวยงามโปร่งใสราวกับไข่มุกวิเศษ มันมีสีชมู ดูแล้วช่างน่ารักมาก

 

“สวยมากเลยค่ะ! ป่าป๊า นี่คืออะไรเหรอคะ? ใช่ลูกบอลแก้วไหมคะ?” มืออวบอ้วนเล็กๆ ของถังถังหยิบโอสถชำระไขกระดูกขึ้นมา แล้วถามขึ้นด้วยความชื่นชอบ

 

“นี่คือยาที่พ่อตั้งใจเตรียมไว้ให้หนู หลังจากที่กินไปแล้วหนูจะไม่ป่วยอีกต่อไป” ฉินห้าวตงพูดอธิบาย

 

สีหน้าของหลินโม่โม่เปลี่ยนไป ฉินห้าวตงรับปากไว้ว่าถ้าเป็นพ่อบุญธรรมของแม่หนูน้อย เขาจะรับประกันว่าแม่หนูน้อยจะไม่ป่วยไปตลอดชีวิต คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเริ่มทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้

 

มองดูโอสถชำระไขกระดูกที่สวยงามเม็ดนั้น เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ถ้าหากเธอไม่เคยเห็นทักษะทางการแพทย์อันน่าทึ่งของฉินตงห้าวมาก่อน เธอคงไม่กล้าให้แม่หนูน้อยกินยาที่ไม่มีเครื่องหมายทางการค้าแน่นอน แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่านี่คือของดีที่ยากจะหาได้

 

“จริงเหรอคะ? ถังถังเกลียดการป่วยมากเลยค่ะ มันทรมาน!” แม่หนูน้อยถือยาในมือ พลางเผยสีหน้ายุ่งเหยิงออกมา “แต่ป่าป๊าคะ หนูคิดว่ามันสวยมาก หนูทำใจกินมันไม่ได้ค่ะ!”

 

 “ไม่เป็นไรลูก พ่อเป็นหมอเทวดานะ ตรงพ่อยังมีอีก” ขณะที่ฉินห้าวตงพูด เขาหยิบเอายาชำระไขกระดูกออกมาจากกระเป๋าเสื้ออีกหนึ่งเม็ด แล้วส่งให้หลินโม่โม่พลางพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่ของลูกก็ต้องได้รับส่วนแบ่งเหมือนกัน!”

 

 “เธอ…...ทำไมถึงพูดแบบนี้!”

 

หลินโม่โม่ถลึงตาใส่ฉินห้าวตง แต่อย่างไรก็ตามเธอยังคงยื่นมือไปรับโอสถชำระไขกระดูก

 

ฉินห้าวตงหัวเราะร่าพลางพูดขึ้น "กินยาเม็ดนี้แล้วจะช่วยปรับสมรรถภาพทางกายของคุณ ต่อไปนี้จะไม่ป่วยอีก"

 

"กินตอนนี้ได้เลยไหม?" หลินโม่โม่ถาม

 

“ได้สิ แต่โอสถชำระไขกระดูกอาจจะขับสิ่งสกปรกในร่างกายคุณออกมา ทางที่ดีที่สุดกลับไปกินที่ห้องของคุณดีกว่า จากนั้นก็วิ่งเข้าไปอาบน้ำเลย!” ฉินห้าวตงพูดต่ออีกว่า “คุณกลับไปกินยาเถอะ ผมจะพาถังถังไปที่ห้องของเธอ เธอยังเด็กเกินไป ผมจึงต้องคอยระวังอยู่ข้างๆ”

 

“งั้นก็ได้ ถ้าต้องการอะไรก็ตะโกนเรียกฉันแล้วกัน”

 

หลินโม่โม่พูดจบ จึงรีบกลับไปยังห้องของตัวเองทันที เธอรู้ว่าด้วยทักษะทางการแพทย์ของฉินห้าวตง เขาจะต้องไม่พูดคุยโวเรื่องนี้แน่

 

อีกอย่างเธอไม่กังวลที่จะให้ถังถังอยู่กับเขา ในฐานะคนเป็นแม่ เธอสามารถรับรู้ความรักที่ฉินห้าวตงมีต่อถังถังได้อย่างชัดเจน เป็นความรักจากความรู้สึกจริงใจของก้นบึ้งหัวใจที่ไม่มีอะไรแอบแฝงสักนิด

 

ฉินห้าวตงอุ้มถังถังกลับไปยังห้องนอนของเธอ เขาเอาแม่หนูน้อยวางลงบนเตียงเล็กๆ ของเธอ แล้วพูดขึ้น “ถังถัง หนูอยากฉลาดขึ้นไหม?”

 

“อยากสิคะ คุณครูบอกว่า พ่อกับแม่ชอบเด็กที่ฉลาด”

 

“งั้นพ่อจะสอนวิธีที่ทำให้หนูเปลี่ยนเป็นเด็กฉลาด อยากเรียนไหมลูก!”

 

“อยากค่ะ ถังถังจะเป็นเด็กฉลาด!”

 

พอฉินห้าวตงเห็นว่าเขาชักจูงได้สำเร็จ จึงพูดต่อ “อีกสักพักตรงท้องของลูกจะรู้สึกร้อนขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นลูกต้องตั้งใจคิดถึงมัน ไอร้อนไปจนถึงจุดไหนหนูก็ตามมันไปถึงจุดนั้น ตกลงไหม?”

 

“แบบนี้หนูก็จะกลายเป็นเด็กฉลาดใช่ไหมคะ?” แม่หนูน้อยถามด้วยดวงตากลมโตน่ารัก

 

“แน่นอนสิลูก พ่อจะไปหลอกหนูได้ยังไง!”

 

“ดีเลยค่ะ! ดีเลย! ป่าป๊า พวกเรารีบเริ่มกันเถอะค่ะ!” แม่หนูน้อยพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น

 

ฉินห้าวตงให้แม่หนูน้อยกินโอสถชำระไขกระดูก จากนั้นนอนลงบนเตียงเล็กแล้วหลับตาลง

 

เขาเอามือขวาวางลงบนจุดตันเถียนของแม่หนูน้อย แล้วปล่อยสัจปราณแห่งพงไพรลงไป

 

สิ่งที่เขาเพิ่งจะสอนแม่หนูน้อยไปไม่ใช่การทำให้ฉลาดอะไรหรอก แต่มันคือตำราเทพยดาซู่หนี่ที่ได้รับมาจากเทพสตรีแห่งโลกเซียน

 

ในฐานะที่แม่หนูน้อยคือลูกสาวของมหาเทพแห่งพงไพร แน่นอนว่าไม่สามารถเป็นคนธรรมดาได้ ฉินห้าวตงต้องการพาเธอฝึกตน

 

หลังจากที่สัจปราณเข้าสู่จุดตันเถียนของแม่หนูน้อยแล้ว ฉินห้าวตงจึงพูดขึ้นว่า “ถังถัง เริ่มแล้วนะ ตั้งใจสังเกตไอร้อนในท้องให้ดี”

 

พูดจบ เขาจึงเริ่มใช้สัจปราณแห่งพงไพรของตนเพื่อนำทางให้ถังถังเคลื่อนไหวพลังภายในตามวิถีของตำราเทพยดาซู่หนี่

 

อีกอย่างถังถังตั้งใจฝึกตามวิธีที่ฉินห้าวตงพูด เธอตั้งใจเป็นอย่างมาก เธอสังเกตไอร้อนอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าถ้าประมาทเพียงนิดเดียวอาจทำให้ตัวเองไม่ฉลาด

 

หากฝึกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสามสัปดาห์แล้ว มันไม่เพียงแต่ช่วยสร้างรากฐานการฝึกกำลังภายในพื้นฐานตามตำราเทพยดาซู่หนี่ในร่างของถังถัง ขณะเดียวกันมันช่วยให้โอสถชำระไขกระดูกชะล้างไขกระดุกได้อย่างสะอาดหมดจด วิธีการดูดซึมเช่นนี้ดีกว่าการกลืนลงไปโดยตรงเป็นอย่างมาก

 

หลังจากที่ร่างกายของแม่หนูน้อยได้รับการเปลี่ยนแปลง ไม่เพียงแต่ช่วยให้หลอดเลือดมีขนาดกว้างกว่าคนทั่วไปเกือบร้อยเท่า ขณะเดียวกันยังสามารถยืดหยุ่นได้มากกว่า เมื่อฝึกตนจะเกิดความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทันใจ เกิดความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว

 

“เสร็จแล้ว ถังถังตื่นได้แล้วลูก”

 

ขณะที่ฉินห้าวตงพูด เขาก็ดึงมือขวาของตัวเองกลับมา

 

แม่หนูน้อยกระโจนลงจากเตียง พลางเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง “ป่าป๊า เมื่อกี้ถังถังตั้งใจมากเลยนะคะ ตอนนี้หนูฉลาดหรือยัง?”

 

ฉินห้าวตงพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ถังถัง คนเราไม่สามารถเปลี่ยนเป็นคนฉลาดได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรอกนะ วันนี้ลูกฉลาดขึ้นมาเล็กน้อย พรุ่งนี้เราจะใช้วิธีนี้กันอีกครั้ง ลูกก็จะฉลาดขึ้นอีก พอเวลาผ่านไปนาน ลูกก็จะกลายเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุด ดังนั้นลูกจะต้องตั้งใจฝึกต่อไป"

 

"อืม…...ป่าป๊า ถังถังจะต้องตั้งใจฝึกต่อไปอย่างแน่นอน" แม่หนูน้อยพูดขึ้นด้วยความตั้งใจ

 

"งั้นก็ดี ตอนนี้พวกเราไปหาแม่กัน ให้แม่อาบน้ำให้ถังถัง"

 

ฉินห้าวตงพูดจบ จึงพาถังถังเดินเข้าไปในห้องของหลินโม่โม่

 

ภายในห้อง หลินโม่โม่พันผ้าเช็ดตัวสีขาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่

 

หลังจากที่กลับมาห้อง วินาทีแรกที่เธอกินโอสถชำระไขกระดูกไป เธอรู้สึกอบอุ่นไปทั่วทั้งร่างกาย รู้สึกสบายตัวเป็นอย่างมาก หลังจากอาบน้ำทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ปล่อยออกมาจากร่างกายของเธอแล้ว เธอรู้สึกผ่อนคลายมาก มันเป็นความรู้สึกดีที่ไม่สามารถบรรยายได้

 

โดยเฉพาะหลังจากที่เธอส่องกระจก เธอพบว่าผิวของเธอเองดูดีกว่าเมื่อก่อนมาก ไม่ได้พูดเกินจริงเลยแม้แต่น้อย ผิวของเธอดูสว่างใสไม่มีแม้รอยด่างดำ ขนาดรอยแผลเป็นเล็กๆ ตามแขนยังหายไปจนหมด

 

 

จบตอน

 

รีวิวผู้อ่าน