ตอนนี้ 9 อร่อยจนต้องร้องไห้
พอมาถึงห้องครัวแล้ว จางต้าฟู่จึงถามขึ้น “คุณหมอฉินครับ คุณจะทำเมนูอะไรครับ?”
ฉินห้าวตงตอบกลับ “แม่หนูน้อยพึ่งจะหายป่วย กินอาหารอ่อนๆ ก่อนแล้วกัน ผมจะต้มโจ๊กให้เธอกิน ที่นี่มีข้าวธัญพืชแปดชนิดไหมครับ?”
“ไอ้มีน่ะก็มีอยู่ครับ แต่มันยังเป็นข้าวดิบที่ยังไม่ได้แช่ ไม่เหมาะเอามาต้มโจ๊กครับ”
ในใจของจางต้าฟู่เกิดความดูถูกฉินห้าวตง จะทำโจ๊กธัญพืชแปดชนิดจะต้องแช่ข้าวไว้ก่อน อย่างน้อยต้องใช้เวลาในการแช่ประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมงขึ้นไป นี่คือความรู้ทั่วไปที่ใครๆ ก็รู้ แต่เขาอยากจะทำโจ๊กธัญพืชโดยไม่แช่ข้าวก่อน นี่มันไม่มีความรู้ด้านการทำอาหารนี่นา!
“ไม่เป็นไรครับ คุณเอาข้าวมาให้ผมก็ได้แล้ว!”
พอเห็นฉินห้าวตงยังคงดึงดัน จางต้าฟู่จึงไม่รู้ว่าจะพูดยังไงต่อแล้ว เขาจึงไปเอาข้าวธัญพืชแปดชนิดมาหนึ่งชามเล็กยื่นให้ฉินห้าวตง
ฉินห้าวตงพูดขึ้นว่า “เท่านี้ไม่พอหรอกครับ อีกพักหนึ่งจะต้องมีหลายคนอยากกินอีกแน่นอน เอามาเพิ่มอีกนิดดีกว่าครับ”
“เอ่อ......”
จางต้าฟู่หมดคำที่จะพูดแล้ว เขาไม่รู้จริงๆ ว่าคุณหมอฉินคนนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน คนในตระกูลหลินต่างคุ้นเคยกับรสชาติอาหารของเขาแล้ว อาหารปกติทั่วไปพวกเขาไม่สนใจกันหรอก พวกเขาจะไปกินโจ๊กธัญพืชแปดชนิดธรรมดาๆ ได้ยังไงกัน
แต่ในเมื่อฉินห้าวตงอยากทำ ก็ให้เขาทำไป เพราะคนที่จะเสียหน้าไม่ใช่ตัวเขาเองอยู่แล้ว
พอคิดแบบนี้แล้ว เขาจึงหันกลับไปเอาข้าวธัญพืชแปดชนิดมาหนึ่งชามใหญ่
ฉินห้าวตงล้างทำความสะอาดข้าวเสร็จแล้วจึงเริ่มต้มโจ๊ก เขาเองก็รู้ว่าข้าวธัญพืชแปดชนิดปกติแล้วจะต้องแช่พักหนึ่งก่อน แต่แน่นอนว่ามหาเทพแห่งพงไพรจะไม่ทำอะไรเหมือนคนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน
แต่เดิมร่างกายของเขามีสมรรถภาพทางกายเป็นธาตุไม้มาแต่กำเนิดอยู่แล้ว วรยุทธ์ที่เขาฝึกตนก็ยังเป็นวรยุทธ์ธาตุไม้ระดับสูงที่สุดอีก ซึ่งเป็นประโยชน์ในการทำให้เขาสามารถควบคุมพืชพันธ์ธัญญาหารต่างๆ ได้ตามใจต้องการ ข้าวธัญพืชแปดชนิดในมือของเขาดึงเอาคุณค่าทางโภชนาการของมันออกมาในระดับสูงสุด ผ่านไปสิบนาที กลิ่นหอมของข้าวธัญพืชแปดชนิดลอยอบอวลไปทั่วห้องครัว
“หอมจังเลย หอมจังเลย คุณอาหมอเทวดาคะ โจ๊กที่คุณอาต้มหอมมากเลยค่ะ เมื่อไรจะเอาให้ถังถังกินล่ะคะ?”
แม่หนูน้อยที่ยืนอยู่ด้านข้างมองไปยังหม้อโจ๊กที่กำลังเดือดส่งกลิ่นหอม จึงอดกลืนน้ำลายตัวเองไม่ได้ จากนั้นเธอเอานิ้วชี้เล็กๆ ขาวเนียนของเธอยัดเข้าไปในปาก แล้วทำท่าดูดนิ้วมือ
“ถังถัง แบบนั้นมันไม่สะอาดนะ” ขณะที่ฉินห้าวตงพูด เขาดึงนิ้วชี้ของถังถังออกจากปากของเธอ
“แต่ว่าคุณอาหมอเทวดาคะ ถังถังอยากกินมันจริงๆ นี่นา!”
“อย่ารีบร้อนเลย ใกล้จะได้กินแล้ว!”
ขณะที่ฉินห้าวตงพูดเขาก็ปิดเตาแก๊ส แล้วยกหม้อโจ๊กลงมา
จางต้าฟู่ยืนดูอยู่ด้านข้างตลอดเวลา พอกลิ่นหอมของหม้อโจ๊กลอยอบอวลไปทั่วแล้ว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจ เขาไม่เข้าใจว่าฉินห้าวตงทำให้ข้าวธัญพืชแปดชนิดธรรมดาหอมอบอวลติดจมูกเช่นนี้ได้อย่างไร?
มองเห็นฉินห้าวตงยกหม้อโจ๊กลงมา เขาอดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ว่า “คุณหมอฉินครับ ข้าวธัญพืชที่แช่ไว้เรียบร้อยแล้วยังต้องใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในการต้มกว่าจะกินได้ นี่แค่สิบนาทีเอง มันยังไม่ได้ที่หรือเปล่าครับ?”
“ไม่เป็นไรครับ ผมมีวิธีการทำอาหารไม่เหมือนใคร โจ๊กกินได้แล้วครับ” ฉินห้าวตงใช้มือหนึ่งถือหม้อโจ๊ก อีกมือหนึ่งจับมือแม่หนูน้อยแล้วพูดขึ้น “ไปกันเถอะ ไปเสิร์ฟอาหารกัน!”
“ดีเลยค่ะ ดีเลย ในที่สุดก็ได้กินของอร่อยแล้ว......”
ถังถังเดินตามฉินห้าวตงกลับไปยังโต๊ะกินข้าวอย่างตื่นเต้น ดวงตากลมโตดูน่ารักคู่นั้นเอาแต่จับจ้องไปที่หม้อโจ๊ก ไม่ยอมละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว
ตามมารยาท หลินจื่อเยวียนและหลินโม่โม่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารยังไม่ได้เริ่มกินข้าว พวกเขากำลังรอฉินห้าวตง พอเห็นว่าเขากลับมาได้รวดเร็วเช่นนี้ แถมในมือยังถือหม้อโจ๊กที่มีกลิ่นหอมติดจมูก บนใบหน้าจึงฉายแววแห่งความประหลาดใจขึ้น
“คุณอาหมอเทวดาคะ รีบหน่อยสิคะ รีบหน่อย ถังถังอดใจรอไม่ไหวแล้ว!”
แม่หนูน้อยพูดไปด้วย พลางพยายามกลืนน้ำลายลงคอไปด้วย
“อย่ารีบร้อนเลย นี่ก็ได้กินแล้ว!”
ฉินห้าวตงเปิดหม้อโจ๊กธัญพืชแปดชนิด ในขณะที่ใช้ช้อนตักซุปกวนโจ๊ก ฝ่ามือของเขากลายเป็นสัจปราณหนาวเหน็บเพื่อช่วยให้โจ๊กของแม่หนูน้อยเย็นขึ้น ในไม่ช้าเขายื่นไปตรงหน้าเธอ
เขาป้อนโจ๊กธัญพืชแปดชนิดให้แม่หนูน้อย แล้วถามเธอ “อร่อยไหม?”
แต่ถังถังกลับไม่ตอบเขา เธอแย่งช้อนตักซุปมาจากมือของเขา แล้วตักคำโตกินด้วยตัวเอง ท่าทางการกินที่น่ารักนั่นทำให้ทุกคนหัวเราะออกมา
หลังจากหัวเราะแล้ว หลินโม่โม่เกิดคความสงสัยในใจ เด็กหนุ่มคนนี้ทำโจ๊กได้อร่อยขนาดนั้นเชียวเหรอ? ต้องเข้าใจว่าถังถังคือสุดที่รักของทุกคนในครอบครัว เธอเคยกินอาหารอันโอชะของจีนมาหมดแล้ว มีการเลือกเฟ้นอาหารที่พิถีพิถันเพื่อเธอ แต่ยังไม่เคยเห็นเธอชอบกินอาหารอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย
ฉินห้าวตงมองความสงสัยของหลินโม่โม่ออก จึงตักโจ๊กสองชามส่งให้หลินจื่อเยวียนและเธอ “ทุกคนลองชิมดูสิครับ ดูว่าฝีมือของผมเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลินโม่โม่หยิบช้อนขึ้นมาแล้วตักกินคำเล็กๆ อย่างสงวนท่าที จากนั้นเธอเริ่มตักกินเร็วขึ้น ความเร็วนั่นพอกันกับความเร็วของแม่หนูน้อย จนเกือบจะเร็วแบบคนกินมูมมามแล้ว ไม่มีท่าทีเย็นชาราวกับน้ำแข็งอีกเลย
เมื่อมองไปยังสองสาวสวยที่กินอย่างเอร็ดอร่อย ในใจของหลินจื่อเยวียนเริ่มคิดตำหนิสองคนแม่ลูก พวกเราเป็นถึงคนจากตระกูลใหญ่เชียวนะ ไม่มีอาหารเลิศรสจานไหนที่ยังไม่เคยกิน กะอีแค่โจ๊กชามเดียวเท่านั้น จำเป็นต้องทำท่าทางขนาดนี้เลยเหรอ?
เขาคิดไปพลางหยิบช้อนตักซุปขึ้นมา หลังจากที่โจ๊ะคำแรกเข้าปากไป จู่ๆ เขาก็เบิกตากว้างทันที จากนั้นเขาตักกินคำใหญ่ ใช้เวลาไม่นานเขากินโจ๊กในชามซะเกลี้ยงเลย
“อร่อยมาก! อร่อยเหลือเกิน! ฉันยังไม่เคยกินโจ๊กที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย” หลินจื่อเยวียนหันไปพูดกับฉินห้าวตง “คุณหมอฉิน ฝีมือการทำอาหารของคุณเก่งมาก ตักให้ฉันอีกสักชามจะได้ไหม?”
ฉินห้าวตงยิ้มพลางตักโจ๊กให้หลินจื่อเยวียนเต็มชาม หลินโม่โม่เองก็กินโจ๊กจนเกลี้ยงชาม ถึงแม้ว่าเธอเริ่มจะเขินจนแก้มแดงขึ้น แต่เธอก็อดที่จะยื่นชามโจ๊กส่งให้ฉินห้าวตงไม่ได้
ฉินห้าวตงตักโจ๊กให้เธอเต็มชาม ในเวลานี้แม่หนูน้อยเริ่มใจร้อนแล้ว เธอกินไปพลางพูดด้วยแก้มตุ้ยนุ้ยว่า “เหลือไว้ให้หนูด้วย! เหลือไว้ให้หนูด้วย! คุณอาหมอเทวดาต้องเหลือไว้ให้ถังถังนะคะ......”
ฉินห้าวตงลูบหัวของเธอด้วยความรักความเอ็นดู “วางใจเถอะ มีให้หนูกินแน่นอน!”
“คุณหมอฉิน ให้ผมชิมหน่อยได้ไหมครับ?”
ฉินห้าวตงหันไปมอง ที่แท้เป็นเสียงของพ่อครัวใหญ่จางต้าฟู่นี่เอง
ในใจของจางต้าฟู่เต็มไปด้วยความแปลกใจ เขาไม่เคยเห็นคนในตระกูลหลินกินข้าวอย่างไม่วางมาดเช่นนี้มาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะหลินจื่อเยวียนเป็นเศรษฐีร้อยล้าน เขาคงนึกว่าเป็นพวกหน้าม้าที่ฉินห้าวตงจ้างมา ก็แค่โจ๊กธัญพืชแปดชนิดก็เท่านั้น ต้องกินแบบขนาดนี้เลยเหรอ?
เป็นเพราะเหตุนี้ทำให้กระตุ้นความแปลกใจของเขา เขาจึงอยากลองชิมโจ๊กที่ฉินห้าวตงทำว่าสรุปแล้วมันมีรสชาติอย่างไร
“ได้สิครับ ยินดีรับคำติชมครับ!”
ฉินห้าวตงตักโจ๊กให้จางต้าฟู่หนึ่งถ้วย
จางต้าฟู่ตักเข้าปากหนึ่งคำ ทันใดนั้นเขารับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมที่ร้อนแรงตรงต่อมรับรส เป็นกลิ่นที่หอมกว่าตอนเขาได้กลิ่นในห้องครัวถึงร้อยเท่าพันเท่า
“นี่คือกลิ่นหอมของลำไย นี่คือกลิ่นหอมเข้มของพุทธาจีน นี่คือกินหอมหวานของลูกเดือย......”
เขาค่อยๆ เคี้ยวช้าๆ เพลิดเพลินไปกับรสสัมผัสที่โจ๊กธัญพืชแปดชนิดมอบให้เขา ในเวลานี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมคนในตระกูลหลินพวกนั้นถึงกินได้อย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ โจ๊กที่ฉินห้าวตงทำช่างอร่อยเหลือเกิน
จู่ๆ น้ำตาก็ไหลพรากออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของจางต้าฟู่โดยไม่รู้ตัว ใช่แล้ว เขาร้องไห้เข้าแล้วจริงๆ โจ๊กชามนี้อร่อยจนทำเขาร้องไห้แล้ว
หลินจื่อเยวียนเหลียวไปมองจางต้าฟู่แวบหนึ่ง ในใจเกิดความดูแคลนอีกครั้ง เขาเป็นถึงพ่อครัวใหญ่เชียวนะ กลับต้องมากินโจ๊กชามหนึ่งจนร้องไห้ ดูไม่มีอนาคตเอาเสียเลย
ถึงแม้ว่าในใจจะคิดเช่นนี้ แต่มือของเขากลับไม่หยุดกินโจ๊ก ในไม่ช้าเขาส่งชามโจ๊กให้ฉินห้าวตงอีกครั้ง
จางต้าฟู่เองก็กินโจ๊กหมดอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าเขายังอยากกินต่อ อยากขอโจ๊กเพิ่มอีกหนึ่งชาม แต่ในฐานะพ่อครัวไม่ควรที่จะแย่งโจ๊กเจ้านายกิน เขาจึงทำได้แค่วางชามโจ๊กลงบนโต๊ะอาหารอย่างอาลัยอาวรณ์
เขาไม่เข้าใจว่าฉินห้าวตงปรุงโจ๊กธัญพืชแปดชนิดที่สุดแสนจะธรรมดาให้อร่อยขนาดนี้ได้อย่างไร เขาอยู่ด้วยตลอดเวลาตอนที่ปรุงอาหาร ก็ไม่เห็นว่าจะใช้เทคนิคพิเศษอะไรนี่นา!
เขาเก็บงำความสงสัยไว้ในใจ แล้วหันไปพูดกับฉินห้าวตง “คุณหมอฉินครับ ตลอดชีวิตของผมจางต้าฟู่นี้เคยกินอาหารเลิศรสมานับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยกินโจ๊กที่รสชาติอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย ฝีมือการทำอาหารนี้ เหล่าจางขอยอมรับจริงๆ ต้องขอโทษคุณด้วยสำหรับคำพูดก่อนหน้านี้”
ตอนนี้เขายอมรับด้วยใจจริงแล้ว คำพูดก่อนหน้านี้ที่ว่าฝีมือการทำอาหารของฉินห้าวตงเทียบตัวเขาเองไม่ได้นั้น ตอนนี้เขาถึงจะรู้ว่าตัวเองเหมือนถูกตีแสกหน้าเข้าให้แล้ว
จางต้าฟู่โค้งคำนับขอโทษฉินห้าวตง แล้วพูดขึ้นอีกว่า “คุณหมอฉินครับ ผมคิดว่าคุณมีพรสวรรค์ในด้านการทำอาหารมากกว่า ถ้าหากคุณตกลง ผมยินดีจะแนะนำคุณให้กับคนทางเมืองหลวงทันที ฝีมือของคุณจะต้องกลายเป็นเชฟระดับแนวหน้าของประเทศจีนอย่างแน่นอน คุณอาจจะได้กลายเป็นเชฟหลวงก็ได้นะครับ”
พูดจบ เขามองไปที่ฉินห้าวตงด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง แต่ฉินห้าวตงเพียงแค่ยิ้มจางๆ เท่านั้น ในเมื่อเขาเป็นถึงมหาเทพแห่งพงไพรที่อยู่ในวัง เขาจะไปเป็นพ่อครัวได้อย่างไรกัน และก็มีแค่คนที่เขารักเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติพอที่จะได้กินอาหารที่เขาทำ
“ขอบคุณความหวังดีของพ่อครัวใหญ่จาง แต่ผมชอบการเป็นหมอมากกว่าครับ”
“เอ่อ......คุณหมอฉิน คุณกลับไปคิดทบทวนใหม่ก็ได้ครับ ด้วยความสามารถด้านการทำอาหารของคุณ หากไม่เป็นเชฟคงน่าเสียดายแย่......” จางต้าฟู่พูดอย่างไม่เต็มใจ
“ไม่มีอะไรต้องคิดทบทวนอีกแล้วครับ ผมก็แค่ทำอะไรให้แม่หนูน้อยถังถังกิน ไม่ได้สนใจเรื่องการเป็นเชฟหรอกครับ”
สีหน้าของจางต้าฟู่เผยความผิดหวังออกมา ไม่นานเขาจึงพูดต่อว่า “คุณหมอฉิน ในเมื่อคุณไม่อยากเป็นพ่อครัว คุณจะสอนวิฝีมือการทำอาหารของคุณให้ผมได้ไหม? ผมยินดีจะนับถือคุณในฐานะอาจารย์!”
ฉินห้าวตงโบกไม้โบกมือพลางพูดขึ้นว่า “ฝีมือการทำอาหารของผม คุณเรียนไม่ได้หรอก!”
ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะซ่อนความลับอะไร แต่ฝีมือการทำอาหารแบบนี้ จางต้าฟู่เรียนไม่ได้จริงๆ มีเพียงแค่เขาในฐานะมหาเทพแห่งพงไพรเท่านั้นที่จะสามารถใช้มันได้
“โอ้!”
สีหน้าของจางต้าฟู่ผิดหวังมากขึ้นกว่าเดิม แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ จึงถอยหลังออกไปอย่างเงียบๆ
“คุณหมอฉิน ยังมีโจ๊กเหลืออยู่ไหม?”
หลินจื่อเยวียนยกชามโจ๊กในมือขึ้นมาถามอีกครั้ง
“คุณหลินครับ ไม่มีเหลือแล้วครับ!”
ฉินห้าวตงพูดขึ้น ตอนที่เขาต้มโจ๊กเขาก็เพิ่มปริมาณไปแล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าทุกคนจะกินเกลี้ยงในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้
หลินจื่อเยวียนพึ่งจะตระหนักได้ว่าฉินห้าวตงยังไม่ได้กินอะไร เขาจึงหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว
ในเวลานี้ แม่หนูน้อยตบท้องกลมๆ ของเธอพลางพูดขึ้นว่า “คุณอาหมอเทวดาคะ คุณอาทำโจ๊กได้อร่อยมากเลย ถังถังยังกินไม่พอเลยค่ะ!”
ฉินห้าวตงพูดขึ้น “ถังถังพึ่งจะหายป่วย ไม่สามารถกินเยอะได้ในครั้งเดียว รอให้หายดีกว่านี้อาจะทำให้หนูกินใหม่นะ!”
“ก็ได้ค่ะ!” แม่หนูน้อยพูดขึ้นต่อ “คุณอาหมอเทวดาคะ คุณอาจะไปส่งหนูที่โรงเรียนอนุบาลได้ไหม?”
“วันนี้ไม่ได้ อีกพักหนึ่งอามีธุระต้องทำ พรุ่งนี้อาจะไปส่งหนูที่โรงเรียนอนุบาลดีไหม?”
ฉินห้าวตงมีธุระต้องทำจริงๆ ในเมื่อพูดไว้แล้วว่าจะเป็นพ่อบุญธรรมของถังถัง เขาจะต้องเตรียมของไว้รับขวัญตอนที่ลูกสาวเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ เป็นครั้งแรก นี่คือสาเหตุที่เขายังไม่ยอมพูดรับเธอเป็นลูกบุญธรรมเสียที อีกพักหนึ่งเขาจะออกไปเตรียมของขวัญสักหน่อย
“งั้นก็ได้ค่ะ คุณอาหมอเทวดาพูดไว้แล้วต้องทำตามที่พูดนะคะ พวกเรามาเกี่ยวก้อยสัญญากัน!”
ขณะที่แม่หนูน้อยพูด เธอก็ยื่นนิ้วขาวๆ ของเธอออกมาเพื่อจะเกี่ยวก้อยสัญญากับฉินห้าวตงอีกครั้ง
หลังจากที่กินข้าวเช้ากันเสร็จแล้ว หลินโม่โม่พาถังถังไปส่งที่โรงเรียนอนุบาล ฉินห้าวตงออกจากบ้านตระกูลหลิน
วันนี้การที่ถังถังตัวร้อน ทำให้ย้ำเตือนเขาอยู่ข้อหนึ่ง ร่างกายของเด็กน้อยยังอ่อนแอป่วยได้ง่าย วิธีการที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนสถานการณ์เช่นนี้คือการชำระล้างไขกระดูก ดังนั้นเขาจึงอยากมอบโอสถชำระไขกระดูกให้แก่ถังถังหนึ่งเม็ด
การหลอมยาโอสถชำระไขกระดูกสำหรับเขาเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก สิ่งที่ต้องทำคือการเอาวัตถุดิบทั้งหมดมาหลอมเข้าด้วยกัน หลังจากที่เขาออกมาจากบ้านตระกูลหลินแล้ว เขาจึงมายังตลาดยาสมุนไพรที่ตั้งอยู่แถบชานเมืองตะวันตกของเมืองเจียงหนาน
จบตอน