ตอนที่ 2 ลูกสาวของฉันงั้นเหรอ?
ชายวัยกลางคนมองดูภรรยาอยู่หลายครั้งหลังจากที่เธอฟื้นเป็นปกติแล้ว พลางหันไปพูดกับฉินห้าวตงอย่างซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล "คุณหมอฉินครับ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่ช่วยภรรยาผมไว้……"
"ไม่เป็นไรครับ มันคือจรรยาบรรณและศีลธรรมของหมอครับ นี่คือสิ่งที่ผมควรทำ!" ฉินห้าวตงพูดขึ้น
"คุณหมอฉินคะ มีอยู่จุดหนึ่งที่ฉันไม่เข้าใจ เห็นได้ชัดว่าฉันปวดท้อง แต่ทำไมฉันถึงเป็นภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้ล่ะคะ?" หญิงวัยกลางคนถามขึ้นด้วยความสงสัย
นี่ก็เป็นคำถามที่คาใจของหม่ากัวเฉียงเช่นกัน อาการของหญิงวัยกลางคนเห็นได้ชัดว่าเป็นอาการโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน ทำไมถึงกลายเป็นภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้ล่ะ?
ฉินห้าวตงจึงพูดขึ้น "หัวใจและช่วงท้องเชื่อมต่อกัน ระบบหัวใจและลำไส้เล็กทำงานประสานสัมพันธ์กัน เรื่องง่ายๆ เช่นนี้ โดยทั่วไปหมอทุกคนก็รู้ครับ"
"คุณหมอฉินเก่งจังเลยนะครับ อายุน้อยขนาดนี้ยังมีทักษะการแพทย์สูงเช่นนี้!" พูดมาถึงตรงนี้ ชายวัยกลางคนหันมามองหม่ากัวเฉียง "ไม่เหมือนบางคน ที่เป็นถึงอาจารย์หมอ แต่กลับไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง เชอะ! หมอนักต้มตุ๋น!"
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็หันไปพูดขอบคุณฉินห้าวตงพร้อมกับหญิงวัยกลางคนอีกครั้ง จากนั้นเดินออกจากห้องฉุกเฉินไปด้วยกัน
หลังจากที่คนไข้เดินออกไปแล้ว บรรยากาศในห้องฉุกเฉินกลับเข้าสู่ความอึดอัดในทันที พยาบาลสาวทั้งสองคนมองไปที่หม่ากัวเฉียงพักหนึ่ง แล้วแสดงสีหน้าแปลกๆ ออกมาโดยไม่ตั้งใจ
ตัวเองพึ่งจะโอ้อวดทักษะการแพทย์ว่าเก่งขนาดไหนไป แต่แค่พริบตาเดียวกลับถูกตีแสกหน้าท่ามกลางทุกคน หน้าแก่ๆ ของหม่ากัวเฉียงแดงกล่ำราวกับตับหมู แบบนี้จะให้เขาเอาหน้าไปไว้ไหน
ในความคิดของเขา ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนักศึกษาแพทย์ตรงหน้านี้คนเดียว หลังจากตะลึงไปสักพัก ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนด้วยความโกรธและความอับอาย "ฉินห้าวตง เป็นแค่นักศึกษาแพทย์ยังจะทำการรักษาให้คนไข้อีก อย่างนี้มันละเมิดกฎของโรงพยาบาลอย่างรุนแรง ฉันจะรายงานต่อผู้อำนวยการโรงพยาบาล เธอรอโดนไล่ตะเพิดได้เลย!"
"คุณกล้าเหรอ?" ฉินห้าวตงมองหม่ากัวเฉียงด้วยรอยยิ้มบาง "ผมก็แค่นักศึกษาแพทย์คนหนึ่งเท่านั้น ออกจากโรงพยาบาลเจียงหนานก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร อย่างมากสุดก็แค่หาฝึกงานในโรงพยาบาลแห่งใหม่ แต่คุณล่ะ? อาจารย์หมอคนหนึ่งที่วินิจฉัยผิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวกลายเป็นโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน จนเกือบทำให้เกิดผลรุนแรงตามมา คุณลองเดาดูสิหากผู้อำนวยการโรงพยาบาลรู้เข้า ตำแหน่งอาจารย์หมอของคุณยังจะรักษามันไว้ได้อยู่ไหม?"
"นี่แก……"
หม่ากัวเฉียงเงียบใบ้กินในทันที ถ้าหากเรื่องนี้ไปถึงหูของพวกผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลเข้า ตำแหน่งอาจารย์หมอของเขาคงไม่สามารถรักษามันไว้ได้อีกต่อไป แม้แต่จางเทียนเหอ อาจารย์ของเขาก็เช่นกัน
เมื่อกี้เขาก็แค่วู่วามไปชั่วครู่เท่านั้น ตอนนี้เขาสงบสติอารมณ์และมีเหตุผลขึ้นแล้ว อย่างที่ฉินห้าวตงพูดไม่มีผิด เขาไม่กล้ารายงานออกไปเหรอก
ฉินห้าวตงขี้เกียจเกินกว่าจะมองหม่ากัวเฉียง เขาไม่สนใจสายตาโกรธเคืองที่อยู่ด้านหลังเลยสักนิด คนต่ำต้อยเช่นนี้ในสายตาของมหาเทพแห่งพงไพรเช่นเขาไม่ต่างอะไรจากพวกมดปลวก ใครจะไปสนใจความรู้สึกของพวกมดปลวกกันล่ะ
หม่ากัวเฉียงหน้าแข็งทื่อด้วยความโกรธ เขาลากเก้าอี้หนึ่งตัวมานั่งอยู่ด้านข้าง ถ้าพูดตามเหตุผลเขาควรจะขอบคุณฉินห้าวตงด้วยซ้ำ ถ้าหากไม่ใช่ฉินห้าวตงที่มาแก้ไขข้อผิดพลาดของเขาได้ทันเวลา วันนี้ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ แต่เขากลับไม่ได้คิดแบบนั้น ในความคิดของเขาฉินห้าวตงจงใจที่จะนำความอัปยศมาสู่เขา ในใจของเขาแอบโกรธ เขาจะต้องหาโอกาสจัดการนักศึกษาแพทย์คนนี้อย่างโหดเหี้ยมแน่นอน
ฉินห้าวตงไม่พูดอะไร หม่ากัวเฉียงไม่บ่น พยาบาลสาวทั้งสองคนแน่นอนว่าไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ดังนั้นบรรยากาศในห้องฉุกเฉินจึงเข้าสู่ความเงียบแบบแปลกๆ อีกครั้ง
ในเวลานี้เอง ด้านนอกประตูห้องฉุกเฉินมีเสียงเบรกรถอันบาดหูดังขึ้น รถตู้คันหนึ่งขับมาจอดที่หน้าประตูอย่างเร่งรีบ
ประตูรถเปิดออก บอดี้การ์ดสวมสูทสีดำสี่ห้าคนกระโดดลงมาจากรถ แล้วแบกร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่บนตัวเต็มไปด้วยเลือดลงมาจากบนรถ
"ช่วยด้วย! หมออยู่ไหน? รีบมาช่วยหน่อย!"
หัวหน้าบอดี้การ์ดรีบเดินนำเข้ามา ส่วนบอดี้การ์ดอีกสี่คนที่เหลือแบกผู้หญิงคนนั้นเดินตามมาติดๆ รีบเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
"เกิดอะไรขึ้น?"
หม่ากัวเฉียงรีบเดินเข้าไป เขามองออกว่าคนพวกนี้มีที่มาที่ไปไม่น้อยเลย เขาจึงไม่กล้าละเลย
หัวหน้าบอดี้การ์ดตะโกนขึ้น "รีบมาช่วยเร็ว ถ้าประธานกรรมการของพวกเราเป็นอะไรไป พวกคุณทุกคนแบกรับความรับผิดชอบไม่ไหวเหรอก"
ในเวลานี้หม่ากัวเฉียงมองเห็นป้ายชื่อตรงคอปกสูทของพวกบอดี้การ์ดอย่างชัดเจน ด้านบนเขียนตัวอักษรเล็กๆ ไว้ว่า "ฝ่ายรักษาความปลอดภัยหลินชื่อกรุ๊ป"
เขาตกใจกลัวในทันที หลินชื่อกรุ๊ปคือเครือบริษัทชั้นแนวหน้าของเมืองเจียงหนาน ประธานบริษัทคือหลินจื่อเยวียนผู้มีชื่อเสียง แบบนี้คนที่ได้รับบาดเจ็บคือลูกสาวของหลินจื่อเยวียนน่ะสิ
หลินชื่อกรุ๊ปไม่เพียงแต่เป็นเครือบริษัทที่มีเงินทุนมหาศาล แต่ยังมีภูมิหลังด้วย ในแต่ละปีจะทำการบริจาคเครื่องมือแพทย์เป็นจำนวนมากให้แก่โรงพยาบาลเจียงหนาน หลังจากที่เข้าใจเรื่องราวเหล่านี้เป็นอย่างดีแล้ว หม่ากัวเฉียงรีบหันไปพูดกำชับพยาบาลสาวทั้งสองคน "รีบย้ายคนไข้ไปตรวจที่ห้องผู้ป่วยหนัก ฉันจะรีบติดต่ออาจารย์ของฉันทันที"
ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลสำหรับบุคคลที่มีสถานะพิเศษถือว่ารวดเร็วมีประสิทธิภาพมาก ไม่ถึงยี่สิบนาที ผลตรวจทุกอย่างของผู้บาดเจ็บถูกวางไว้ตรงหน้าของหม่ากัวเฉียงหมดแล้ว
มองดูผลตรวจ หม่ากัวเฉียงตกใจเป็นอย่างมาก สถานการณ์ของผู้บาดเจ็บรุนแรงมาก กระดูกขาหัก กระดูกซี่โครงหักไปสี่ห้าท่อน อีกอย่างมีเศษกระดูกชิ้นหนึ่งปักเข้าไปในปอด สามารถยื้อมาถึงตอนนี้ได้โดยไม่เสียชีวิตถือว่าเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ
"สถานการณ์ของท่านประธานกรรมการเป็นยังไงบ้าง?" หัวหน้าบอดี้การ์ดถามขึ้นอย่างเด็ดขาด
"สถานการณ์ย้ำแย่มาก จำเป็นต้องผ่าตัดในทันที"
"แล้วจะยืนบื้อหาพระแสงอะไร? ทำไมยังไม่รีบผ่าตัดอีก?"
หัวหน้าบอดี้การ์ดพูดขึ้นด้วยความโกรธ
ผ่าตัดเหรอ? ฉันต้องมีความสามารถด้านนั้นก่อนถึงจะทำได้ ในใจของหม่ากัวเฉียงรู้ดีว่าเขามีความสามารถแค่ไหน อาการบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ต่อให้จางเทียนเหอมาก็ยังมีโอกาสสำเร็จแค่ 20% เท่านั้น
อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าพูดคำพูดพวกนี้ออกมา เขาเช็ดเหงื่อบนหน้าผากพลางพูดขึ้นว่า "คนไข้อาการบาดเจ็บสาหัสมาก การผ่าตัดมีความซับซ้อนมาก เกรงว่าโอกาสในความสำเร็จจะมีน้อย ผมแนะนำให้ย้ายโรงพยาบาลครับ"
"ย้ายโรงพยาบาลงั้นเหรอ?" หัวหน้าบอดี้การ์ดดูเหมือนจะใกล้คลั่ง เขาพูดขึ้นด้วยความโมโหเลือดขึ้นหน้า "โรงพยาบาลของคุณเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเจียงหนาน แล้วจะให้ย้ายไปไหนล่ะ?"
"ที่เมืองหลวงน่าจะมีโอกาสมากกว่า"
หม่ากัวเฉียงพูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ
"เมืองหลวงงั้นเหรอ? คุณโง่เง่าหรือไง? คุณรู้ไหมจากเจียงหนานไปเมืองหลวงห่างกันตั้งเท่าไหร่?" หัวหน้าบอดี้การ์ดโกรธจัด ถ้าหากไม่ได้คาดหวังให้หม่ากัวเฉียงช่วยชีวิตประธานล่ะก็ เกรงว่าเขาคงจะลงมือไปแล้ว
หม่ากัวเฉียงรีบพูดขึ้น "คุณอย่าพึ่งวู่วามสิครับ ผมแจ้งอาจารย์ของผมให้แล้ว เดี๋ยวเขาก็มาแล้วครับ จะต้องมีวิธีแน่นอนครับ"
เวลานี้ในใจของเขาพร่ำบ่นอย่างต่อเนื่อง คืนนี้โชคไม่ดีจริงๆ ทำไมถึงเจอแต่เรื่องเลวร้ายทั้งหมดเลย
หลังจากที่เขาพูดจบ หัวหน้าบอดี้การ์ดพึ่งจะสงบสติอารมณ์ไปได้ไม่เท่าไร ตอนนี้เองจู่ๆ ผู้บาดเจ็บบนเตียงคนไข้เริ่มไออย่างรุนแรง จากนั้นเธอพ่นเอาฟองเลือดขนาดใหญ่ออกมาหลายครั้ง เครื่องวัดชีพจรที่อยู่ด้านข้างส่งสัญญาณเตือนแสบแก้วหู
ฉินห้าวตงมองดูอย่างเงียบๆ ตรงด้านข้างมาโดยตลอด ในเวลานี้เขาขมวดคิ้ว ผู้หญิงตรงหน้านี้บาดเจ็บสาหัสมาก พลังในร่างกายดูเหมือนจะเริ่มลดน้อยลง พลังชีวิตกำลังค่อยๆ หายไป ถ้าหากไม่รีบให้การรักษาโดยเร็ว เธอจะต้องเสียชีวิตอย่างแน่นอน
ในเวลานี้ หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดทำงานรีบวิ่งเข้ามา ในอ้อมแขนของเธออุ้มเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุราวสี่ห้าขวบ
เด็กน้อยคนนี้ผิวขาวละเอียดราวกับหยก สวมชุดกระโปรงสีขาว ใบหน้าเล็กได้รูปสวยงามดูราวกับเจ้าหญิงในนิทาน ด้านหลังของเธอสะพายกระเป๋านักเรียนสีชมพูใบเล็ก ดูไปแล้วช่างทำให้คนหลงรักเสียจริง
ผู้หญิงคนนั้นคือผู้ช่วยประธานกรรมการเครือหลินชื่อกรุ๊ป มีชื่อว่าอันปี้หรู ส่วนเด็กน้อยคือลูกสาวของผู้บาดเจ็บ
อันปี้หรูหันไปพูดกับหัวหน้าทีมบอดี้การ์ด "จางเต๋อเซิ่ง ทำไมไม่รีบช่วยเหลือท่านประธาน? ทำไมนายถึงทำไม่สำเร็จ?"
"ผู้ช่วยอัน ท่านประธานบาดเจ็บสาหัส หมอของที่นี่ไร้ความสามารถไม่สามารถผ่าตัดได้ ตอนนี้กำลังรอผู้เชี่ยวชาญ……"
"ยังจะรอกับผีอีก ถ้าให้รออีก ท่านประธานได้ตายแน่!" อันปี้หรูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
หลังจากที่เห็นผู้บาดเจ็บบนเตียงคนไข้แล้ว เด็กน้อยตกตะลึงไปพักหนึ่ง จากนั้นร้องไห้ออกมา "หม่าม๊า หม่าม๊ารีบตื่นมาสิคะ มากอดถังถังเร็ว……"
เธอมักจะเห็นฉากที่แม่ตายแล้วเหลือแต่ลูกน้อยไว้จากในโทรทัศน์บ่อยๆ พอนึกถึงว่าตัวเองจะไม่มีแม่แล้ว เธอก็ยิ่งร้องไห้จ้าละหวั่น ยิ่งร้องยิ่งเสียใจ อันปี้หรูจึงรีบเข้าไปปลอบเธอ
พอเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ร้องไห้ไม่หยุด ทันใดนั้นดวงตาของเขาหรี่ลง พลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งทรงพลังมาก ในเวลานี้เขาสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดจากเลือดเนื้อเชื้อไขในส่วนลึกจากวิญญาณของถังถัง สิ่งนี้มันแม่นยำกว่า DNA เสียอีก
"นี่…...นี่คือลูกสาวของฉันเหรอ?"
ฉินห้าวตงมองดูถังถังด้วยความตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้? ทำไมตัวเขาเองถึงมีลูกสาวที่โตขนาดนี้ล่ะ?
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงคืนวันนั้นก่อนที่เขาจะออกจากโลกมนุษย์ไป
ในเวลานั้นถางหลงที่ต่อสู้อย่างหนักในเมืองหลวงแต่กลับเจออุปสรรคซ้ำๆ ด้วยความผิดหวังเขาจึงไปดื่มเหล้าที่ผับ ได้พบกับหลินโม่โม่ที่กำลังผิดหวังเหมือนกัน แถมครั้งนั้นยังเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่เธอดื่มจนเมา สุดท้ายทั้งสองคนลงเอยด้วยความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน
ในช่วงกลางดึกหลินโม่โม่ตื่นขึ้นมาก่อน ด้วยความตื่นตระหนกและสับสน เธอจึงรีบออกจากโรงแรมไป พอเขาตื่นขึ้นมาลองไปหาเธอที่ด้านนอกโรงแรม แต่กลับถูกนักพรตอี้มู่พาตัวออกไปจากโลกมนุษย์
เรื่องนี้ทำให้ถางหลงรู้สึกหดหู่มาโดยตลอด เขาสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแต่กลับไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้เขาจะได้มาเจอลูกสาวของตัวเองเข้าโดยบังเอิญ งั้นแสดงว่าผู้บาดเจ็บที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้คือหญิงสาวที่เขาพบที่ผับในตอนนั้น
พอรู้ตัวตนของผู้บาดเจ็บแล้ว ฉินห้าวตงไม่สามารถสุขุมต่อไปได้อีก เขาปฏิเสธลูกสาวของตัวเองไม่ได้ เขาจึงรีบเดินไปที่ข้างเตียงคนไข้ของหลินโม่โม่ ยื่นมือไปจับชีพจรของเธอ
"ฉินห้าวตง เธอจะทำอะไร?" หม่ากัวเฉียงตะโกนขึ้นด้วยความกลัว ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นมีโอกาสรอดแค่เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ไอ้นักศึกษาแพทย์คนนี้ยังจะกล้าไปหาเรื่องใส่ตัวอีก ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ? นี่คือคุณหนูแห่งตระกูลหลินเชียวนะ!
"ที่ปรึกษาหม่า คนไข้จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด ไม่อย่างนั้นอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของเธอ" ฉินห้าวตงตะโกน
ในใจของหม่ากัวเฉียงโกรธมาก นี่เขากำลังพูดไร้สาระอยู่เหรอ ตัวเขาเองรู้ดีว่าจำเป็นต้องผ่าตัด แต่ใครจะมาทำล่ะ? เธอหรือไง?
ฉินห้าวตงพูดขึ้นอย่างไม่คาดคิด "ผมผ่าตัดเอง ไม่ต้องรบกวนผมนะ"
มันเป็นเรื่องความเป็นความตายเกี่ยวกับแม่ของลูก เขาไม่มีเวลามาพูดเรื่องไร้สาระกับหม่ากัวเฉียง ดังนั้นเขาจึงเข็นหลินโม่โม่เข้าไปในห้องผ่าตัด
"เธอหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ......"
หม่ากัวเฉียงรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขา ฉินห้าวตงมีเวลาคุยเรื่องไร้สาระกับเขาที่ไหนกัน จึงใช้ฝ่ามือผลักเขาออกไปให้พ้นทาง
"ไอ้บ้า......"
ฉินห้าวตงไม่ได้ออกแรงที่ฝ่ามือมากมาย ในไม่ช้าหม่ากัวเฉียงรีบลุกขึ้นมาจากพื้น ตอนแรกอยากจะวิ่งเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่จู่ๆ ในใจเกิดความคิดขึ้น จึงหยุดฝีเท้าเอาไว้
ในความคิดของเขาคุณหนูแห่งตระกูลหลินคนนี้ดูจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี ถ้าหากว่าเสียชีวิตที่นี่จริง เพราะสาเหตุที่ช่วยชีวิตไว้ไม่ทัน เขาคงยากที่จะหลีกหนีความโกรธของผู้อำนวยการโรงพยาบาลและตระกูลหลิน แต่ถ้าหากตายในน้ำมือของฉินห้าวตง ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเขาแล้ว จากจุดนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีเลยทีเดียว
พอคิดถึงตรงนี้ หม่ากัวเฉียงไม่ได้ยับยั้งเขาอีก แต่กลับยืนอยู่ที่เดิมตะโกนไล่หลังไปว่า "ฉินห้าวตง ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาเธอต้องรับผิดชอบนะ......"
แน่นอนว่าฉินห้าวตงไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ เขาปิดประตูห้องผ่าตัดทันที
อันปี้หรูถูกเหตุการณ์ทั้งหมดตรงนี้ทำให้สับสัน เธอถามขึ้นอย่างแปลกๆ ว่า "เขาคือใคร? ใช่หมอที่โรงพยาบาลของพวกคุณไหม?"
จบตอน