ตอนที่ 1 มหาเทพเกิดใหม่
เวลาเที่ยงคืน ที่หอพักนักศึกษาแพทย์โรงพยาบาลเจียงหนานแห่งเมืองเจียงหนาน
ชายวัยรุ่นคนหนึ่งที่กำลังหลับสนิทอยู่ จู่ๆ เขาก็ลืมตาลุกขึ้นมานั่งในทันที หลังจากที่เขาเห็นทิวทัศน์รอบตัวเขาอย่างชัดเจนแล้ว ในใจของเขาเกิดคลื่นโหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง
“นะ…...นี่คือโลกมนุษย์งั้นหรอ? ฉันไม่ได้กำลังทำการทดสอบของสวรรค์อยู่หรอ? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้? หรือว่า…...หรือว่า…...ฉันกลับมาแล้ว?”
ชายคนหนึ่งนามว่าถางหลง เขาเป็นมหาเทพแห่งพงไพร ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกเซียน แต่น่าเสียดายที่ในระหว่างการทดสอบของสวรรค์ เขาถูกสายฟ้าเก้าสวรรค์ฟาดใส่จนตาย ร่างกายสลายหายไปจนสิ้น
สิ่งที่ทำให้ถางหลงคิดไม่ถึงเลยก็คือ เขาเกิดใหม่อีกครั้งในโลกมนุษย์ ถึงแม้ว่าเขาจะมีนิสัยที่ชอบเยาะเย้ยถากถางสังคมและใช้ชีวิตโดยไม่สนใจอะไร แต่เขาก็มีความสุขและดีใจอย่างมากที่ได้กลับมาเกิดใหม่บนโลกมนุษย์อีกครั้ง
เดิมทีในโลกมนุษย์ เขาเป็นแค่พนักงานตำแหน่งต่ำต้อยที่จิตใจหดหู่ แต่เป็นเพราะธรรมชาติของร่างกายเขาเป็นธาตุไม้ จึงถูกนักพรตอี้มู่ที่หลงทางมายังโลกมนุษย์พากลับไปโลกเซียน
ในช่วงห้าร้อยปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเขาจะใช้ความสามารถอันน่าทึ่งจนก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในห้ามหาเทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกเซียนได้ แต่เขายังคงคิดโหยหาถึงแต่โลกมนุษย์ น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถหาทางกลับมาได้ คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่เขาล้มเหลวในการผ่านการทดสอบสวรรค์ วิญญาณส่วนหนึ่งของเขาจะกลับมายังโลกมนุษย์และบรรลุความฝันที่เขารอคอยมาอย่างยาวนาน
"เดี๋ยวนะ ฉันเหลือแค่วิญญาณที่แตกสลายนี่นา แล้วเนื้อหนังนี่มาจากไหน?"
ถางหลงหลับตาลงอย่างช้า ๆ และไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
ภายใต้การโจมตีของสายฟ้าเก้าสวรรค์ วิญญาณส่วนหนึ่งของเขาทะลุช่องว่างระหว่างมิติกลับมายังโลกมนุษย์ แล้วหลอมรวมเข้ากับเนื้อหนังร่างกายของเจ้าของร่างนี้โดยไม่รู้ตัว ด้วยความแข็งแกร่งของวิญญาณมหาเทพแห่งพงไพร ถึงแม้ว่าจะเหลือเพียงเศษเสี้ยววิญญาณ แต่ก็ยังแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ถึงหลายพันเท่า หลังจากที่พวกเขารวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้ว วิญญาณของเขาจึงเข้าควบคุมและกลายเป็นเจ้าของร่างคนใหม่
ถางหลงช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ถอนหายใจให้กับโชคชะตาของเขา เรื่องราวแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่เขาก็ทำได้ ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจึงทำได้เพียงแค่กล่าวขอโทษต่อเจ้าของร่างเดิม และดูว่าเขายังมีความปรารถนาอะไร เพื่อที่จะช่วยบรรลุในสิ่งที่เขายังทำไม่สำเร็จ
จิตวิญญาณของเจ้าของร่างยังไม่ได้หายไป แต่ถูกรวมเข้าไปในจิตวิญญาณอันทรงพลังของถางหลง ความทรงจำของเจ้าของยังถูกรักษาไว้อย่างสมบูรณ์
เขามีชื่อว่าฉินห้าวตง เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูโดยแพทย์แผนจีนท่านหนึ่ง ตอนนี้เขาเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สี่ของวิทยาลัยการแพทย์เจียงหนาน และฝึกงานเป็นแพทย์ฝึกหัดที่นี่ในช่วงวันหยุด
เนื่องจากเขาถูกอบรมเลี้ยงดูมาโดยแพทย์แผนจีน ดังนั้นความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเองและพัฒนาการแพทย์แผนจีนให้ก้าวหน้า
พัฒนาการแพทย์แผนจีนให้ก้าวหน้างั้นหรอ? แบบนี้ง่ายเลย!
เขาเชี่ยวชาญด้านทักษะการแพทย์ที่สุดในโลกเซียน การฝึกฝนในการเป็นมหาเทพแห่งพงไพรจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนจากการรักษาช่วยชีวิตผู้คนด้วย ถึงจะเพิ่มระดับการฝึกตนได้ แต่ว่าเรื่องการตามหาพ่อแม่ของเขานั้น ทำได้แค่ตามหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ต้องดูที่วาสนาของเขาแล้ว
นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถางหลง มหาเทพแห่งพงไพรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะฉินห้าวตง
ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้มันยุคสมัยไหนกันแล้ว?
วิญญาณของเขาทะลุมิติมา แน่นอนว่าไม่มีทางรู้ว่าตอนนี้คือยุคสมัยไหน เขาคลำหาบนหัวเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ยี่ห้อ DAMI รุ่นเก่าขึ้นมาเปิดดูปฏิทิน พบว่าเป็นวันที่ 2 กรกฎาคม ปี 1974
เขาถูกนักพรตอี้มู่พาไปเมื่อวันที่ 1 มกราคม ปี 1970 ระยะเวลาห่างกันไม่ถึงห้าปี
ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน เขาในฐานะมหาเทพแห่งพงไพรผู้กุมอำนาจในโลกเซียน ในเมื่อกลับมาเกิดใหม่จึงไม่สามารถเป็นคนธรรมดาได้ แต่เนื่องจากเขาสูญเสียการฝึกฝนและอาวุธวิเศษทั้งหมดไป เขาจึงต้องเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ และต้องใช้เวลาในการฝึกฝน
พอคิดมาถึงตรงนี้ ฉินห้าวตงจึงนั่งขัดสมาธิบนเตียง เริ่มฝึกฝนเพื่อรับความเป็นนิรันดิ์จากพงไพร แต่หลังจากผ่านไปได้ไม่นาน เขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ดวงตาทั้งคู่ของเขาเปล่งประกาย
“ดูเหมือนในโลกมนุษย์จะมีปราณวิญญาณน้อยเกินไป ถ้ายึดตามวิญญาณขั้นตู๋เจว๋เป็นพื้นฐานล่ะก็ การฝึกฝนครั้งเดียวสามารถไปได้ถึงแค่การฝึกปราณขั้นกลางเท่านั้น ขนาดขั้นก่งจียังไม่สำเร็จเลย
ฉินห้าวตงส่ายหัว แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้แค่อดทนฝึกอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ DAMI ที่อยู่ด้านข้างส่งเสียงดังขึ้น เขามองแวบหนึ่ง เป็นอาจารย์หมอที่ปรึกษาชื่อว่าหม่ากัวเฉียงโทรเข้ามา
ในโรงพยาบาลแห่งนี้ ชายคนนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของความโลภและมักมากในกาม เมื่อวานในขณะที่เขากำลังพยายามจะล่วงละเมิดนักศึกษาแพทย์ผู้หญิงในห้องทำงานของเขา แต่ดันถูกฉินห้าวตงเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน วันนี้โทรมาคงไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
เขาคิดในใจ แต่ฉินห้าวตงก็ยังคงกดรับสาย ในโทรศัพท์มีเสียงแหบห้าวไม่น่าฟังของหม่ากัวเฉียงลอยเข้ามา "เสี่ยวฉิน วันนี้แผนกฉุกเฉินขาดคน นายมาขึ้นวอร์ดนอกเวลาแล้วกัน"
ฉินห้าวตงพูดขึ้น "ที่ปรึกษาหม่า ผมพึ่งขึ้นวอร์ดไปสองวันติดนะครับ วันนี้ควรจะพักผ่อนได้แล้ว"
"วัยหนุ่มสาวทำงานเยอะหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกน่า เธอต้องรับโอกาสในการฝึกงานที่ทางโรงพยาบาลมอบให้สิ พอถึงตอนนั้นฉันจะได้เขียนความคิดเห็นที่ดีให้เธอ"
หลังจากพูดจบ หม่ากัวเฉียงกดวางสายไป
ฉินห้าวตงเข้าใจในทันที ตาแก่ลามกกำลังพยายามสร้างปัญหาให้เขาแล้ว อีกอย่างยังเอาเรื่องรายงานฝึกงานมาข่มขู่เขาอย่างเห็นได้ชัด
แต่ว่าเขาไม่มีทางเลือก อำนาจในการเซ็นผ่านฝึกงานอยู่ในมือของหม่ากัวเฉียง ตัวเขาเองยังต้องพัฒนาการแพทย์แผนจีนให้ก้าวหน้า ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทิ้งรอยด่างจากน้ำหมึกปากกาในสายอาชีพของเจ้าของร่างนี้ได้ เขาจึงลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปยังแผนกฉุกเฉินทันที
หลังจากที่กดวางสายไป ใบหน้าอวบอ้วนของหม่ากัวเฉียงเผยรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา เขาชอบพอเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งนานแล้ว กว่าจะหาโอกาสลงมือได้มันไม่ง่ายเลย แต่กลับต้องมาถูกทำลาย สิ่งนี้ทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ถ้าหากฉินห้าวตงเป็นพวกมีแบ็กก็คงไม่เป็นไร แต่เขาเป็นแค่นักศึกษายากจนที่ไม่มีเงินและไม่มีภูมิหลัง คืนนี้เขาเข้าเวรพอดี เขาจะต้องใช้โอกาสนี้ในการสั่งสอนบทเรียนให้แก่นักศึกษาแพทย์ที่ไม่รู้ประสีประสาคนนี้สักหน่อย ให้รู้ว่าไม่ควรยั่วยุคนแบบไหนในโรงพยาบาลเจียงหนาน
พอฉินห้าวตงมาถึงห้องฉุกเฉินก็เข้าสู่สภาพงานยุ่งทันที ที่นี่คือแผนกที่มีภาระงานมากที่สุดในโรงพยาบาล อีกอย่างหม่ากัวเฉียงจงใจทิ้งงานทุกอย่างไว้ให้ เขาได้ทำแม้กระทั่งงานเจาะสายน้ำเกลือของพวกพยาบาล
มองดูฉินห้าวตงที่กำลังงานยุ่งจนหัวหมุน หม่ากัวเฉียงพอใจเป็นอย่างมาก เขาเดินพุงพลุ้ยเข้ามา พร้อมพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นชาว่า "นักศึกษาแพทย์ก็ต้องมีจิตสำนึกของนักศึกษาแพทย์ ต้องฝึกทักษะการแพทย์ในส่วนที่ตัวเองยังไม่ได้ ต้องลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ทำงานหนักขึ้นมาหน่อยเป็นสิ่งที่ควรจะทำ"
ฉินห้าวตงมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ในความเป็นจริงงานพวกนี้สำหรับเขาถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ในทางกลับกันมันก็คือการฝึกฝนอย่างหนึ่ง
"ถ้าแบบนี้ก็แสดงว่าทักษะการแพทย์ของอาจารย์หม่าดีมากแล้วหรอครับ?"
"มันแน่นอนอยู่แล้ว ที่ปรึกษาหม่าอย่างฉันยังอายุไม่ถึงสี่สิบก็กลายเป็นอาจารย์หมอผู้ให้คำปรึกษา เป็นที่เคารพนับถือในโรงพยาบาลเจียงหนาน แม้แต่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยังต้องยกย่องฉันเลย เป็นเพราะอะไรน่ะหรอ? ก็เพราะทักษะทางการแพทย์อันยอดเยี่ยมของฉันไง"
หม่ากัวเฉียงพูดประโยคนี้จบ ทำเอาพยาบาลสาวที่อยู่ด้านข้างเขาถึงกับต้องแอบหัวเราะ เพราะทุกคนในโรงพยาบาลรู้ดีว่าทักษะทางการแพทย์ของเขาไม่เก่งเท่าการประจบประแจงที่เขาเชี่ยวชาญ ที่เขาสามารถรับตำแหน่งอาจารย์หมอผู้ให้คำปรึกษาได้ ไม่ได้เกี่ยวกับทักษะการแพทย์ของเขาเลย เขาพึ่งพาจางเทียนเหอซึ่งเป็นอาจารย์ของเขา
จางเทียนเหอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ชั้นนำในเมืองเจียงหนาน มีความชำนาญทักษะทางการแพทย์สูง เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ขนาดผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจียงหนานยังเคารพเขามาก
"ต่อไปนี้ก็เปิดตามองให้กว้างๆ หน่อย ต้องเข้าใจว่าคนแบบไหนในโรงพยาบาลนี้ที่ทำให้ขุ่นเคืองได้ หรือคนแบบไหนที่ไม่ควรทำให้ขุ่นเคือง ตราบใดที่ที่ปรึกษาหม่าอย่างฉันมีความสุข ฉันก็จะชี้นำเธอในด้านการแพทย์ ให้เธอพอใช้หากินไปได้ตลอดชีวิต......"
ขณะที่หม่ากัวเฉียงกำลังพูดพล่ามจนน้ำไหลไฟดับ ทันใดนั้นประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก มีสองสามีภรรยาวัยกลางคนเดินเข้ามา ผู้หญิงก้มเอวของเธอ มือกุมท้องเอาไว้ ใบหน้าซีดเซียวแสดงถึงความเจ็บปวด เธอเดินเข้ามาโดยสามีของเธอเป็นคนพยุงไว้
"หมอครับ รีบมาดูหน่อยครับ ภรรยาผมปวดท้องจนแทบไม่ไหวแล้ว" ชายวัยกลางคนพูดขึ้นด้วยสีหน้าร้อนรน
"อย่ากังวลไปเลยครับ มีผมอยู่ ไม่เป็นอะไรแน่นอน" หม่ากัวเฉียงพูดขึ้นด้วยท่าทีของหมอที่มีชื่อเสียง
ชายวัยกลางคนตอบ "เมื่อกี้เองครับ กินข้าวเสร็จก็ปวดท้องเลย"
หม่ากัวเฉียงถามคำถามสองสามคำถาม จากนั้นกรอกใบสั่งยาไปด้วย พลางหันไปพูดกับนางพยาบาลว่า "เธอเป็นโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน อีกครู่หนึ่งเตรียมน้ำเกลือให้เธอด้วย"
"หมอครับ โปรดเร่งมือหน่อยเถอะ ภรรยาของผมแทบจะทนไม่ไหวแล้วครับ"
"เอาใบนี้ไปจ่ายค่ารักษาแล้วรับยา โรคอุจจาระร่วงรักษาให้หายขาดได้ แค่ให้น้ำเกลือก็อาการดีขึ้นแล้ว"
ขณะที่หม่ากัวเฉียงพูดอยู่เขาก็ยื่นใบสั่งยาให้แก่ชายวัยกลางคนไปด้วย ชายวัยกลางคนรับมาแล้วรีบเตรียมไปจ่ายค่ายา ในเวลานี้เฉินโจวอี้เรียกเขาให้หยุด "เดี๋ยวก่อนครับ!"
"หมอครับ มีอะไรหรือเปล่า?" ชายวัยกลางคนถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“ไม่ต้องไปแล้ว ภรรยาของคุณไม่ได้เป็นโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันตั้งแต่แรกแล้ว”
พอฉินห้าวตงพูดประโยคนี้ออกมา สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป สีหน้าของหม่ากัวเฉียงดูอึมครึมขึ้นในทันที
"ฉินห้าวตง เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่?"
“รู้สิ!” ฉินห้าวตงยิ้มเยาะและพูดต่อ “ผมกำลังจะพูดว่า ที่ปรึกษาหม่าที่เป็นที่เคารพนับถือในโรงพยาบาลเจียงหนาน ขนาดที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยังต้องให้ความเคารพคนนั้นน่ะ คุณวินิจฉัยผิดแล้ว คนไข้ไม่ได้เป็นโรคอุจจาระร่วง”
“วินิจฉัยผิดงั้นหรอ? พูดเหลวไหลน่า อาการป่วยของคนไข้เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าเป็นโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน ฉันจะวินิจฉัยผิดไปได้ยังไง?”
หม่ากัวเฉียงตะโกนขึ้นอย่างโกรธเคือง
เมื่อความเห็นของหมอทั้งสองคนไม่ตรงกัน ชายวัยกลางคนจึงเริ่มเกิดอาการตื่นตระหนก เขาพูดขึ้นอย่างร้อนรนว่า "หมอครับ สรุปผมต้องฟังใครกันแน่?"
ฉินห้าวตงจึงพูดขึ้น "ภรรยาของคุณเป็นภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ไม่ได้เป็นโรคอุจจาระร่วงอะไรนั่น"
"เธอ…...ฉินห้าวตงอย่าลืมสิว่าเธออยู่ในสถานะอะไร" หม่ากัวเฉียงหันไปพูดกับชายวัยกลางคนอีกครั้ง “อย่าไปฟังเขาพูดจาเหลวไหลเลยครับ เขายังไม่มีคุณวุฒิทางการแพทย์ เป็นแค่นักศึกษาแพทย์คนหนึ่งก็เท่านั้น ผมนี่สิถึงจะเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ เป็นอาจารย์หมอ อีกอย่างเห็นได้ชัดว่าภรรยาของคุณเป็นโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน……”
ขณะที่เขากำลังพูดจนน้ำลายแตกฟองนั้น จู่ๆ หญิงวัยกลางคนก็ล้มลงไปที่พื้นทันที ใบหน้าของเธอซีดเผือด ร่างกายเริ่มกระตุก เธอพ่นฟองน้ำลายออกมาจากปาก
"เอ่อ……"
หม่ากัวเฉียงพูดไม่ออก ในเวลานี้ต่อให้โง่แค่ไหนก็ดูออกว่าอาการป่วยของหญิงวัยกลางคนคนนี้คือภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ไม่ใช่โรคอุจจาระร่วง
"หมอครับ ทำไงดี?"
ชายวัยกลางคนตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก เขามองไปที่หม่ากัวเฉียงอย่างร้อนรน
“นี่คือภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน รีบส่งตัวเธอไปโรงพยาบาลอื่น!”
หม่ากัวเฉียงเริ่มตกใจกลัว ถ้าหากหญิงวัยกลางคนคนนี้เสียชีวิตในห้องฉุกเฉินเพราะการวินิจฉัยผิดพลาดของเขา เขาคงไม่สามารถรับผิดชอบได้อย่างแน่นอน
"ไม่ทันแล้ว"
ขณะที่พูดอยู่ ฉินห้าวตงหยิบกระเป๋าเข็มออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา เขาคลี่มันออกมาเผยให้เห็นเข็มนับร้อยเล่ม เขาขยับมืออย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า รีบเอาเข็มสิบกว่าเล่มปักลงไปตามจุดต่างๆ บนหน้าอกของหญิงวัยกลางคน
เขาเรียนวิชาแพทย์แผนจีนมาตั้งแต่สมัยเขายังเป็นเด็ก ดังนั้นเข็มเงินจึงเป็นสิ่งที่เขาพกติดตัวไว้ตลอดเวลา
"ฉินห้าวตง เธอจะทำอะไรน่ะ?
ขณะที่หม่ากัวเฉียงกำลังจะยับยั้งเขา กลับพบว่าอาการของหญิงวัยกลางคนดีขึ้นหลังจากที่ได้รับการรักษาโดยการฝังเข็ม สีหน้าของเธอดูมีเลือดฝาดมากขึ้น ลมหายใจค่อนข้างสงบลง เธอไม่พ่นฟองน้ำลายออกมาอีก ความเจ็บปวดบนใบหน้าของเธอได้หายไปแล้ว
"นี่……"
หม่ากัวเฉียง ชายวัยกลางคน และพยาบาลสาวอีกสองคนตกตะลึงอ้าปากค้าง ไม่มีใครคาดคิดว่าทักษะทางการแพทย์ของชายหนุ่มอย่างฉินห้าวตงจะเก่งกาจได้ถึงเพียงนี้
ถึงแม้ว่าภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันของหญิงวัยกลางคนคนนี้จะอยู่ในภาวะฉับพลัน แต่อาการไม่ได้หนักมาก เธอมีอาการดีขึ้นหลังจากที่ฉินห้าวตงใช้เข็มเงินช่วยขยายหลอดเลือดให้เธอ
เขาเก็บเข็มเงิน หยิบใบสั่งยามาจากมือของชายวัยกลางคนแล้วนำมาเขียนใหม่ตรงด้านหลัง “ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันของภรรยาคุณไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทานยาตามแพทย์สั่ง หลังจากนี้อีกครึ่งเดือนอาการของเธอจะดีขึ้น”
จบตอน