ซิลลินกลับไปที่ถนนในเมืองอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้วางแผนที่จะกลับไปเปิดร้านใหม่หรือดำเนินธุรกิจต่อไป เขาไปเพื่อพบเดวอน ซึ่งเขาควรจะไปคุยและจัดการเรื่องร้านของเขาให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง
ใบหน้าของเดวอนแสดงออกจากชัดเจนว่าเขากำลังมีความรัก ใบหน้าของเขาเป็นสีแดงเรื่อ เขาฝันว่าจะได้พบกับหญิงสาวที่มีจีโนไทป์ลำดับ E ที่เหมาะกับตัวเอง และกำลังวางแผนชีวิตหลังจากแต่งงาน เมื่อเดวอนได้ยินว่าซิลลินจะออกไปท่องเที่ยวทั่วโลก เขาก็คิดว่าทำไมซิลลินถึงไม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเรียบง่ายอยู่ในย่านใจกลางเมือง ในฐานะที่อายุมากกว่า เขาก็ได้ให้คำแนะนำบางอย่างแก่ซิลลิน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น เดวอนเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่คนวัยหนุ่มที่มีพลังงานเต็มเปี่ยม และมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าจะไปแสวงหาสิ่งใหม่ในชีวิต เพราะซิลลินเองก็อายุเพียง 17 ปีเท่านั้น ซึ่งเดวอนเองก็ไม่ได้วางแผนที่จะกลับมาบริหารร้าน เขาได้ให้ร้านเล็กๆ นั้นแก่ซิลลินแล้ว แม้ว่าภูมิศาสตร์ของบาร์จะไม่ดีนักในตอนแรก แม้ว่าร้านจะสามารถขายได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำเงินเป็นจำนวนมาก แล้วเดวอนก็ยังไม่รู้จักใครในเขตตัวเมืองที่จะสามารถติดต่อให้กับซิลลินได้ เขาจึงคิดจะให้ซิลลินเป็นเงินแทน แต่ซิลลินก็ได้ปฏิเสธของเสนอของเดวอนไป แล้วซิลลินก็บอกให้เดวอนดูแลตัวเองก่อนที่จะจบบทสนทนาลงเท่านั้น
ซิลลินพอมีเงินออมอยู่บ้าง แล้วเขายังไม่ได้วางแผนที่จะขายบาร์ในทันที จึงคิดจะให้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ยากจนเหมือนกันเช่าแทน เขาเดินกลับไปยังห้องเล็กๆ ที่น่าสงสารและเก็บข้าวของออกมา ในคืนเดียวกันนั้น ซิลลินกลับไปที่บ้านของเจนญ่าอีกครั้ง การมาในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน เขาทำให้แน่ใจว่าการเดินทางครั้งนี้จะถูกปิดเอาไว้เป็นความลับ เพราะนี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก และยิ่งไปกว่านั้นบ้านของเจนญ่าก็มีความปลอดภัยมาก มีสัญญาณเตือนภัยติดตั้งไว้ทั้งภายในและภายนอก ทั้งยังมีระบบการป้องกันที่ดีมาก จึงช่วยทำให้เพิ่มความปลอดภัยได้อีกชั้นหนึ่งด้วย
เมื่อกลับมาถึงภายในห้อง ซิลลินผ่อนคลายร่างกายของเขาก่อนจะเริ่มทำการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตนเอง เนื่องจากชิพที่หลอมรวมอยู่ในยีนของซิลลินได้ซึมเข้าสู่เซลล์ของเขาในทุกๆ เซลล์ผ่านการจำลองเนื้อเยื่อและการไหลเวียนโลหิต โดยเป้าหมายปัจจุบันของซิลลินคือการทำให้ชิพทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะเนื่องจากการเปิดใช้งานครั้งแรกของชิพยังไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์มันจึงยังมีข้อจำกัดในการใช้งานอยู่ คำสั่งการถูกส่งลงมาจากสมองไปสู่ระบบประสาทส่วนกลาง และส่งต่อไปยังชิพทุกตัวภายในเซลล์ แล้วชิพก็เริ่มแสดงถึงประสิทธิภาพการทำงานอย่างน่าทึ่ง มันทำให้จีโนมเปลี่ยนแปลงไป ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือลักษณะภายนอกของซิลลิน ..กระดูกใบหน้า เส้นผมและสีผิวของเขาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งโครงร่างของเขาก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นหรือการทำศัลยกรรมพลาสติก มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากดีเอ็นเอของเขา ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้โดยเครื่องมือขั้นสูง เพราะมันคือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในตัวของซิลลิน และนี่มันก็คือตัวเขาจริงๆ
ตามข้อมูลที่ถูกทิ้งไว้โดยโฮเรย์ ร่างกายของโฮสต์จะทำให้ดีเอ็นเอเดิมของเซลล์ได้รับการรวมตัวใหม่, การกระจายตัว, การลบหรือการกลายพันธุ์จะผ่านการควบคุมของชิพทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีคนพยายามตรวจสอบข้อมูลดีเอ็นเอของซิลลินล่ะก็ ซิลลินสามารถควบคุมเซลล์ในร่างกาย หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกายให้เปลี่ยนแปลง เพื่อให้การตรวจสอบดีเอ็นเอล้มเหลว และผิดเพี้ยนไปจากดีเอ็นเอที่แท้จริง แต่เนื่องจากชิพไม่ได้รับการเปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์ ทุกครั้งที่เขาได้รับการเปลี่ยนแปลง เขาจำเป็นต้องมีช่วงเวลาในการปรับตัวให้เกิดเสถียรภาพ และผ่อนคลายก่อนที่เขาจะสามารถควบคุม เปลี่ยนแปลงข้อมูลอีกครั้งได้
เมื่อได้ยินเสียงกระดูกเข้าที่ ซิลลินรู้สึกว่าส่วนที่เหลือได้เปลี่ยนแปลงเสร็จสมบูรณ์แล้ว เขาจ้องมองไปยังคนที่อยู่ในกระจก จากชายหนุ่มผิวดำ ผมดำ และดวงตาสีดำดูสุขภาพดีก่อนหน้านี้ ถูกเปลี่ยนเป็นคนที่มีผมสีเทาอ่อน ดวงตาสีฟ้าเข้ม ผิวขาวซีด รูปร่างดี ไม่ว่าจะมองอย่างไรเขาก็ดูราวกับเด็กที่มาจากเมืองใหญ่ แม้ใบหน้าของเขาจะไม่ได้หล่อเหลามากมาย แต่รูปร่างของเขาก็ถือว่าดีมาก โดยรวมแล้วเขาดูสง่าและมีเสน่ห์แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วซิลลินก็ขมวดคิ้ว เขาไม่ค่อยประทับใจกับรูปลักษณ์ใหม่ของเขานัก แต่เนื่องจากชิพไม่สามารถเปิดใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาจึงไม่รู้วิธีจัดการกับการเปลี่ยนแปลงให้ได้อย่างที่ต้องการ “ไม่เป็นไร ช่างเถอะ ปล่อยให้เป็นแบบนี้แหละ”
เจนญ่าเคยบอกซิลลินว่ามีคนเพียงสองประเภทเท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ หนึ่งในนั้นคือพระเจ้า และอีกหนึ่งคือคนบ้า ซิลลินคิดว่าชายชราโฮเรย์จัดอยู่ในประเภทที่สอง เขาต้องยอมรับว่าโฮเรย์นั้นเป็นปีศาจอัจฉริยะจริงๆ เขาสามารถสร้างสิ่งทดลอง และอุปกรณ์บ้าๆแบบนี้ขึ้นมาได้ ทั้งยังดำเนินงานส่วนใหญ่ด้วยตนเองอีกด้วย
ซิลลินใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อบัตรประจำตัวประชาชนที่ว่างเปล่าจากตลาดมืดทั้งหมายเลขและการพิมพ์ด้วยข้อมูลแม่เหล็ก ซิลลินใส่ชื่อและรูปถ่าย รวมทั้งข้อมูลปลอมอี่นๆ ลงในบัตรประจำตัว จากนั้นเขาก็เสียบการ์ดเข้าไปในเครื่อง หน้าจอแสดงข้อมูลประจำตัวส่วนบุคคลของซิลลินแทบจะในทันที ตราบใดที่เจ้าหน้าที่ไม่สืบลึกลงไป เขาจะไม่ถูกสงสัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแน่ นอกเหนือจากบัตรประชาชนแล้ว ซิลลินยังซื้อบัตรเดบิตที่ใช้ได้ทั่วทั้งกาแลคซีจากตลาดมืดมาด้วย หลังจากดำเนินการอย่างซับซ้อนแต่รอบคอบ แล้วซิลลินก็ฝากเงินส่วนที่เหลือเอาไว้ในบัตร เพื่อให้ได้สองสิ่งนี้ ซิลลินใช้เงินไปมากกว่าสองล้านเหรียญ เขามีเงินเหลือไม่มากนัก เงินที่เหลืออยู่ก็เหลือเพียง 1 ใน 10 เท่านั้น นี่เป็นทั้งหมดที่เขามีจากการทำงานในฐานะนักล่าเป็นเวลาสามปี
วันรุ่งขึ้นซิลลินเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว และไปขึ้นเครื่องบิน ระหว่างเดินทางไป X-C362 กับ X-C100 เขาก็ไม่เจอปัญหาเกี่ยวกับการตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนเลย ซิลลินสัมผัสรอยสักวงแหวนรอบนิ้วหัวแม่มือซ้ายขณะที่เขานั่งอยู่บนที่นั่งในยานอวกาศสเปซไลเนอร์ ซึ่งมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยที่สถานีอวกาศมีไม่สามารถสแกนสิ่งที่อยู่ภายในแหวนได้เลย นั่นทำให้การเดินทางของซิลลินเป็นไปอย่างราบรื่น
ซิลลินกดปุ่มบนเบาะนั่ง แล้วหน้าจอก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา มันแสดงให้เห็นถึงวิวทิวทัศน์ด้านนอกของยานอวกาศ ในฐานะของชายหนุ่มนามซิลลินเขาอาจจะไม่เคยได้ไปไหน ทำได้เพียงอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่น่าสงสาร แต่ในฐานะนักล่าเงา เขาได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลกมาแล้ว แต่จากมุมมองในตอนนี้ความรู้สึกที่มีมันก็เป็นอีกแบบหนึ่ง
อาคารที่สูงตระหง่าน เมืองเล็กๆที่คึกคักแต่เชื่องช้าและพร่ามัว ได้ปรากฏต่อหน้าเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ซิลลินได้เห็น “ดวงตาแห่งท้องฟ้า” ของจริง ซึ่งเป็นอาร์เรย์ของดาวเทียมที่พวกเขาใช้ตรวจสอบทุกอย่างบนพื้นดิน และนำมาใช้ในการควบคุมสถานการณ์ด้วย เช่นเดียวกับที่มันได้เข้าควบคุมพื้นที่โดยทอดแสงสีขาวลงมาจากฟากฟ้าเพื่อปกคลุมบริเวณที่มีระเบิดทำลายล้างที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ซิลลินจับจี้ที่ห้อยอยู่ที่คอเขา และเกิดความคิดว่าโลกที่เขากำลังจากมามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก
“ฉันกำลังจะจากไป.. เมื่อไหร่ที่จะได้กลับมาอีกครั้งกันนะ”