ROSE : 6 น่ารังเกียจ
“เรื่องอะไรหรือ? ว่ามาสิ?” เย่หลิงเอ่ยถาม
ต้วนเถียนเหรานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งและกล่าวว่า “นอกจากมาเยี่ยมถางถางแล้ว ข้ายังมาที่นี่ด้วยเหตุผลอีกประการหนึ่ง นันเป็นเพราะว่า…ข้าคิดว่าการแต่งงานระหว่างข้ากับ ถางถางควรถูกยกเลิก”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่หลิงหายไปทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของต้วนเถียนเหรา
“เถียนเหรา เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ต้วนเถียนเหราสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และตัดสินใจที่จะสารภาพเรื่องทุกอย่าง
“ข้าเติบโตมาพร้อมกับถางถางดังนั้นย่อมเป็นที่แน่นอนว่าพวกเราต้องสนิทกันมาก อย่างไรก็ตาม ข้าสามารถมองนางได้เพียงในฐานะน้องสาวเท่านั้นหาใช่ในฐานะคนรักไม่ ข้าได้บอกกล่าวเรื่องนี้กับท่านพ่อแล้วและเขาก็เห็นด้วยว่าเราไม่ควรปล่อยให้มีงานแต่งงานนี้เกิดขึ้นดังนั้นวันนี้ข้าจึงมาที่นี่เพื่อยกเลิกการหมั้นหมายขอรับ” ต้วนเถียนเหรา กล่าว
“เจ้าว่าอย่างไรนะ!” เย่หลิงตบโต๊ะเสียงดังด้วยความโกรธจัด เขาจ้องต้วนเถียนเหรา อย่างไม่พอใจ
“เจ้าต้องการยกเลิกการหมั้นหมายงั้นหรือ? เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังกล่าวสิ่งใดอยู่!”
เย่หลิงโกรธจัดการหมั้นหมายระหว่างต้วนเถียนเหราและเย่ชิงถางถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่พวกเขาทั้งคู่ยังเด็กและทุกคนในเมืองหลินต่างก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีแต่ในยามนี้ต้วนเถียนเหรากลับต้องการยกเลิกการหมั้นหมายหากข่าวนี้แพร่ออกไปบุตรสาวเขาไม่ต้องกลายเป็นตัวตลกในสายตาผู้อื่นหรอกหรือ!
อย่างไรก็ตามต้วนเถียนเหราได้ตัดสินใจไปแล้ว
เขามองเย่หลิงผู้ซึ่งกำลังโกรธจัดและกล่าวต่อไปว่า “ท่านลุง เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่านพ่อได้ยืนยันกับข้าว่าข้าต้องเป็นผู้สืบทอดตระกูลต้วน ข้าจะได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูล และภรรยาของข้าต้องเป็นสตรีจากตระกูลต้วน”
ต้วนเถียนเหรามองเย่ชิงถางกับผ้าคลุมใบหน้าของนาง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่ชอบใจ
“ถางถาง ไม่เคยเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของนางต่อหน้าผู้อื่นยิ่งไปกว่านั้นนางยังไร้ซึ่งรากเหง้าวิญญาณจนทำให้ไม่สามารถพัฒนาหวู่ซู่ได้อีกต่อไป ตระกูลต้วนเป็นถึงหนึ่งในสามตระกุลใหญ่แห่งเมืองหลินดังนั้นนายหญิงของเราต้องเป็นสตรีที่สามารถแบกรับภาระอันหนักอึ้งได้แต่ถางถางในยามนี้…ข้าเกรงว่านางคงไม่เหมาะกับหน้าที่นี้อีกต่อไป”
คำพูดของต้วนเถียนเหราฟังดูสมเหตุสมผลแต่ทุกๆคำพูดของเขากลับเสียดแทงหัวใจของเย่หลิงราวกับดาบแหลม
“ต้วนเถียนเหรา เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเพิ่งกล่าวสิ่งใดออกมา! การหมั้นหมายระหว่างเจ้ากับถางถางถูกกำหนดมาเนิ่นนาน แล้วยามนี้เจ้าต้องการยกเลิกงั้นหรือ?” เย่หลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
ต้วนเถียนเหราขมวดคิ้วแน่นและเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
“ท่านลุง ข้าหมั้นหมายกับเย่ชิงถางก็จริงอย่างไรก็ตามเมื่อก่อนรากเหง้าวิญญาณ ของนางเป็นเช่นไรและในยามนี้เป็นเช่นไร? ท่านลุง ท่านอยากให้ข้าแต่งงานกับสตรีที่ไร้ซึ่งรากเหง้าวิญญาณและไร้ซึ่งรูปลักษณ์อันงดงามจริงๆหรือ?”
เย่หลิงโกรธจนตัวสั่น เขาไม่เคยคิดเลยว่าต้วนเถียนเหราจะเป็นคนเช่นนี้....
ต้วนเถียนเหราไม่คิดเปลี่ยนใจแม้ว่าจะได้เห็นท่าทางโกรธจัดของเย่หลิงแล้วก็ตาม เขาหันไปมองเย่ชิงถาง ผู้ซึ่งยังคงนั่งเงียบตลอดเวลา
“ถางถาง ข้าคิดว่าในอดีตที่ผ่านมาข้าปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดีมาโดยตลอดแต่ในยามนี้เจ้าควรคิดจากมุมมองของข้าบ้างแม้ว่าคนอื่นๆในเมืองจะกล่าวว่าเจ้าหน้าตาอัปลักษณ์แต่ข้าก็ไม่เคยคิดยกเลิกการหมั้นหมายอย่างไรก็ตามในยามนี้เจ้าไร้ซึ่ง รากเหง้าวิญญาณแล้วเจ้ายังคิดอยากแต่งงานกับข้าอีกงั้นหรือ? เจ้าจะให้ข้าอธิบายเรื่องนี้กับ ตระกูลต้วนว่าอย่างไร?”
“มีภรรยาหน้าตาอัปลักษณ์ข้าย่อมทนได้แต่ข้าไม่อาจนำสตรีไร้ประโยชน์มาเป็นนายหญิงแห่งตระกูลต้วนได้”
ทุกคำพูดที่ออกมาจากปากของต้วนเถียนเหราล้วนแล้วแต่น่าเจ็บปวดทั้งสิ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา สิ่งเดียวที่เขาเห็นคุณค่าก็คือรากเหง้าวิญญาณของเย่ชิงถางเท่านั้น
ในยามที่เย่ชิงถางยังมีรากเหง้าวิญญาณระดับเลิศภพ เขาสามารถอดทนต่อความอัปลักษณ์ของนางได้ อย่างไรก็ตามในยามนี้ รากเหง้าวิญญาณได้ถูกทำลายไปแล้วเหตุใดเขาต้องยอมรับนางอีก?
เย่หลิงลุกขึ้นยืนแลตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด “ต้วนเถียนเหรา! หุบปาก! ข้าคงตาบอดไปแล้วเป็นแน่ที่ยอมให้มีการหมั้นหมายระหว่างเจ้ากับถางถาง! ข้าไม่เคยรู้เลยว่าเจ้าจะเป็นคนน่ารังเกียจถึงเพียงนี้!”
ติดตามตอนต่อไป..................