px

เรื่อง : เกมสังหารวันอวสานโลก 末世虐杀游戏最新章节
ตอนที่ 13 ส่งมันมาให้ฉันโยนทิ้งซะ!


ตอนที่13 ส่งมันมาให้ฉันโยนทิ้งซะ!


ด้านบนสุดของอาคารเรียน ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ยืนพิงกำแพง หน้าผากเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ รอยเล็บที่น่าตกใจบนหน้าอกของเขาพาดไปทั่วหน้าอก เลือดสีดำแดงแผ่กระจายไปรอบๆปากแผล เป็นที่น่าสยดสยอง

ชายคนนั้นหอบไม่หยุด  มือของเขากำหมัดไว้แน่น ใบหน้ากลมๆของเขา เต็มไปด้วยสีหน้าแห่งความเจ็บปวด เขากำหมัดของเขาและพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ส่งเสียงร้องที่แสนจะทรมานออกมา

แผ่นอกของเขาเปียกโชกไปด้วยเลือด เห็นตัวอักษรลางๆว่า“ร้อยโทกองร้อยสอดแนมหวังหยวนอู่”
เด็กผู้ชายร่างกายแข็งแรงกำยำหลายคนถือไม้เบสบอล ยืนล้อมรอบชายคนนี้ ตั้งมั่นพร้อมรับมืออย่างตื่นเต้น

เด็กผู้หญิงมัดผมหางม้าหน้าตาน่ารักคนหนึ่งร้องไห้และคุกเข่าอยู่ข้างๆเขา ถือผ้าเช็ดหน้าสะอาดอย่างมือสั่นเช็ดเลือดที่บาดแผลให้ชายคนนั้น หลังจากเธอเช็ดเสร็จ ผ้าเช็ดหน้าทั้งผืนก็กลายเป็นสีดำอมม่วงแปลกๆ

“คุณพ่อ! คุณพ่อ! หนูไม่อยากให้พ่อตาย!”

เด็กผู้หญิงสั่นเทา พยายามห้ามเลือดจากปากแผลที่ไหลออกมาไม่หยุดและร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ซินเหยา ไม่ต้องร้อง”ชายคนนั้นบีบยิ้ม ตามด้วยการไออย่างรุนแรงจนเลือดพุ่งออกมา “พ่อคงจะไม่ไหวแล้ว หลังจากพ่อตายไป ลูกต้อง..ต้องมีชีวิตเดินหน้าต่อไป”

“ซินเหยาไม่ฟัง ซินเหยาไม่อยากฟัง ซินเหยาต้องการแค่ให้พ่อมีชีวิตอยู่ต่อ!”

หวังซินเหยาร้องไห้จนเป็นคนเจ้าน้ำตา เธอคุกเข่าบนพื้น เอามือปิดหน้าและร้องไห้ออกมาอย่างอ่อนแอ

“หวังซินเหยา คนตายจากไปแล้ว คนมีชีวิตอยู่ต้องเดินหน้าต่อไป”

ชายวัยกลางคนสวมแว่นตาขอบทองทอดถอนหายใจ ตบไหล่หวังซินเหยาเบาๆ

 

หวังซินเหยาไม่พูดอะไร ยังคงคุกเข่าร้องไห้บนพื้นอย่างอ่อนแอ


“ในเมื่อสั่งเสียกันเสร็จแล้ว ถ้าอย่างงั้นซินเหยา เธอปล่อยเขาไปเถอะ” ชายอ้วนวัยกลางคนท่าทางเหมือนพวกคนรวยขี้เกียจไอแห้งๆ เขาตบมือ และมองไปทางเด็กชายกลุ่มหนึ่งที่ถือไม้เบสบอลอยู่ “พวกเธอน่ะ ยังจะมางงอะไร เอาคนที่ถูกกัดโยนทิ้งไปจากตึกซะ”

ผู้คนรอบๆต่างพากันขมวดคิ้วทีละคน ถ้าคนถูกกัดเป็นคนอื่น พวกเขาจะไม่ลังเลที่จะจัดการกับอีกฝ่าย แต่ชายคนนี้เป็นผู้มีพระคุณ

ชายขอบแว่นทองย่นคิ้ว และกระซิบเบาๆ : “เอ่อ รองครูใหญ่ฟ่าน ทำแบบนี้มันจะเกินไปหรือเปล่า! เขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยให้พวกเรามีชีวิตรอด ถ้าหากไม่ได้เขา ซอมบี้ปีนกำแพงตัวนั้นคงฆ่าพวกเราหมดแน่”

“หัวหน้าเฟิง ผมเข้าใจคุณดี”ฟ่านจินเป่าทำเป็นตบไหล่หัวหน้าเฟิงเบาๆ “เมื่อครู่นี้คุณก็พูดแล้วไม่ใช่เหรอ คนตายจากไปแล้ว คนมีชีวิตอยู่ต้องเดินหน้าต่อไป ผลที่ตามมาของการโดนซอมบี้ข่วนคืออะไร คุณคงเข้าใจยิ่งกว่าผม”


ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง ใช้น้ำเสียงตะโกนออกคำสั่ง : “หวังซินเหยา เธอหลีกทาง พ่อของเธอติดเชื้อแล้ว อีกไม่นานก็จะกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด เพื่อตัวเธอเอง และเพื่อพวกเราทุกคน ฉันหวังว่าเธอจะทำเพื่อความถูกต้อง และยอมเสียสละ”
 

“พวกคุณอย่าเข้ามานะ!”


เมื่อเห็นเด็กชายหลายคนจ้องมองอย่างโหดร้าย ถือไม้เบสบอลล้อมรอบเข้ามาทีละคน หวังซินเหยาก็ตื่นตระหนก มากั้นตรงหน้าพ่อตัวเองอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

และทันใดนั้น ก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์ดังกึกก้องมาจากด้านล่างของอาคาร ฟ่านจินเป่าขมวดคิ้วจนมีรอยย่นเต็มไปหมด และด่าออกไปอย่างสาดเสียเทเสีย :“แม่มึงเอ้ย ไอ่เหี้ยตัวไหนมาขี่มอเตอร์ไซค์ในกองซอมบี้ กลัวไม่ได้ตายเร็วหรือไง”


นักเรียนมัธยมรอบๆต่างพากันถอยห่างจากฟ่านจินเฟ่าโดยอัตโนมัติ ตั้งแต่ไวรัสระบาด รองครูใหญ่ที่เคยสุภาพเรียบร้อย มีความรู้ความสามารถตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นคนละคน ไม่เพียงแต่ทุบตีและดุด่าพวกเขา ถึงขนาดมือปลาหมึกลวนลามเด็กนักเรียนหญิงที่หน้าตาสะสวย ถ้าไม่ใช่พะวงว่าในอนาคตความสงบเรียบร้อยจะกลับคืน เกรงว่าเขาคงจะลงมือกับเด็กผู้หญิงพวกนั้นแล้ว

ทุกคนต่างไปที่ระเบียงและมองลงไปข้างล่าง

“นี่ นี่ไม่เป็นความจริงใช่ไหม”

 

หัวหน้าเฟิงค่อนข้างไม่เชื่อและถูขมับอย่างปวดหัว สิ่งที่เขาเห็นคือคนคนหนึ่งกำลังขี่มอเตอร์ไซค์หนักๆด้วยมือข้างเดียว วิ่งว่อนไปทั่วโรงเรียน ด้านหลังคือซอมบี้ดำทะมึนเป็นฝูง เขาไม่เพียงแต่ไม่มีความหวาดกลัว ทั้งยังมีเวลาใช้ขวานฟันซอมบี้ที่ล้อมเข้ามา


ชายคนนั้นในเวลานี้ไข้ขึ้นสูง ใบหน้าของเขาแดงอย่างผิดปกติ เขามองไปที่ลูกสาวที่อยู่ข้างๆ : “ซินเหยา ใช่คนของกองกำลังทหารไหม?”

หวังซินเหยามองลงไปที่ข้างล่างและส่ายหัว : “ไม่ใช่ แต่ เขาดูหน้าตาคุ้นๆ......”

ทั้งหลี่ต้าและเฉินฉู่มาถึงชั้นหกโดยไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ พวกซอมบี้ถูกหลี่ต้าจัดการเอาออกไปหมดแล้ว พวกที่กระจัดกระจายอยู่ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไร ดังนั้นการเดินทางจึงราบรื่นอย่างน่าประหลาดใจ

“พี่จางผมเฉินฉู่ ผมกลับมาแล้ว”

เฉินฉู่ตะโกนจากด้านใน ขยับโต๊ะเก้าอี้ให้เกิดเสียง เด็กชายเจ็ดแปดคนช่วยกันโยกย้ายโต๊ะเก้าอี้คนละไม้คนละมือ และหลี่ต้ากับเฉินฉู่ก็เดินเข้ามา

หลี่ต้ามองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นเงาหัวของฟ่านจินเป่า มีก็แค่เด็กนักเรียนสิบกว่าคนที่มีสีหน้าหวาดระแวง

“เฉินฉู่ ทำไมเธอกลับมาคนเดียว ครูหวงและพวกที่เหลือล่ะ?”

 

“ครูหวง......”


เมื่อได้ยินเด็กผู้ชายตรงหน้าถามถึงคนอื่นๆ น้ำตาของเฉินฉู่ก็อดที่จะไหลออกมาไม่ได้ : “ในตอนแรกพวกเราไปที่ร้านสะดวกซื้อได้อย่างราบรื่นมาก แต่นึกไม่ถึงว่า ข้างในมันจะมีซอมบี้ปีนกำแพงที่แข็งแกร่งตัวหนึ่งอยู่”

“หลิวเทียน ต้วนโซ่วจึ พวกเขาทั้งสองโดนซอมบี้ฉีกเละ พวกเราตกใจจนไม่รู้ทาง นั่งรถโรงเรียนหนีกันไปถึงตัวเมือง ลำบากมากกว่าเราจะหลุดพ้นจากซอมบี้มาได้ แต่ระหว่างทางน้ำมันหมด พวกเราโชคร้ายไปเจอกับกลุ่มซอมบี้ ครูหวงและพวกเขาถูกพวกมันกัด เหลือเพียงแค่ผมที่มีชีวิตรอดกลับมา”

พอพูดถึงตรงนี้ เสียงของเฉินฉู่ก็สะอึกสะอื้น พวกนักเรียนมัธยมข้างๆสายตาดูสิ้นหวัง ก้มหน้าไม่พูดอะไร
เด็กผู้ชายที่รูปร่างกำยำออกมาจากฝูงชน เขาชี้ไปที่เสื้อผ้าที่มีแต่เลือด มองหลี่ต้าซึ่งกำลังถือขวานอยู่ “เขาเป็นใคร? โดนซอมบี้กัดมาหรือเปล่า?”

เมื่อได้ยินคนถามถึงหลี่ต้า เฉินฉู่ก็ปาดน้ำตา และหน้าตาจริงจัง : “คนคนนี้คือรุ่นพี่หลี่ต้า เป็นนักเรียนที่จบมาจากโรงเรียนเราเหมือนกัน แต่ฝีมือของรุ่นพี่หลี่ต้าสุดยอดมาก ถ้าหากไม่มีเขา ฉันก็คงไม่มีปัญญาเอาเสบียงพวกนี้กลับมา”

 

“เสบียง!”


เมื่อได้ยินคำว่าเสบียง แววตาของนักเรียนเหล่านี้ก็เป็นประกายขึ้นมาทันที

บางคนก้าวไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้น เอื้อมมือไปแย่งกระเป๋าเป้ของเฉินฉู่ ต่อให้เป็นนักเรียนหญิงที่ร่างกายอ่อนแอ ในเวลานี้ก็กลายเป็นหมาป่าสาวอันดุร้าย

“ ตึง!”

ฝีเท้าของทุกคนต่างหยุดชะงัก สีหน้าเกิดความตื่นตระหนก โดยเฉพาะเด็กชายรูปร่างกำยำที่อยู่หน้าสุด ก้นจ้ำเบ้าลงไปกับพื้น ตัวสั่นเทา คมขวานอันเย็นเฉียบ ระยะห่างจากจมูกของเขาเพียง1เซนติเมตร จนเขาสามารถดมกลิ่นคาวเลือดบนขวานได้อย่างชัดเจน

“เสบียงพวกนี้เป็นของฉัน พวกเธอยังไม่ขอจากฉันก่อนก็กล้าเข้ามาแย่งแล้ว?”

หลี่ต้ายิ้มและดึงขวานที่ฝังอยู่ในกำแพง “ฉันถามพวกเธอ ไอ้อ้วนฟ่านมันอยู่ไหน?”

ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าคนคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ สุดท้ายมีเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งกระซิบบอกว่า : “คะครูใหญ่ ครูใหญ่อยู่ด้านบนของตึก.......”

 

“ทำได้ดี!”


หลี่ต้าดีดนิ้ว เอื้อมมือไปเปิดกระเป๋าเป้ของเฉินฉู่ โยนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจำนวนหนึ่งให้เธอ “นี่เป็นรางวัลของเธอ”

เมื่อเห็นอาหาร เด็กผู้หญิงคนนั้นก็สติแตก หยิบมาม่าขึ้นมากัดกินอย่างบ้าคลั่ง ลักษณะแบบนั้น เหมือนกับผีที่หิวโหยไม่เคยเห็นอาหารมาหลายปี

คนอื่นมองเธอด้วยสายตาที่อิจฉา แต่ก็ไม่กล้าไปแย่ง พวกเขาไม่ได้กินข้าวทั้งวัน เพราะคนที่ดุร้ายกำลังถือขวานเฝ้าดูอยู่

หลี่ต้ายิ้มมุมปากและเหยียบขึ้นบันได

ชั้นบนสุด

“พวกเธอน่ะ ยังไม่รีบโยนเขาลงไปอีก!”

 

เมื่อเห็นพวกเด็กนักเรียนชายลีลาไม่ยอมลงมือสักที ฟ่านจินเป่าก็เริ่มโมโห เขาตะโกนไปว่า : “เมื่อเขากลายเป็นซฮมบี้ มันจะทำให้เกิดปัญหามากมาย พวกเธอยังจะงงอะไรกันอีก”


“แต่เขาก็ไม่ใช่ซอมบี้ เขาเป็นคนที่ยังมีชีวิต!”

เด็กชายคนหนึ่งพูดกระซิบเบาๆ

“เธอพูดอะไร!”

ใบหน้าใหญ่ๆมันแผลบของฟ่านจินเป่าถูกกระตุ้นจนหน้าแดง เขาตบบ้องหูของเด็กชายอย่างโหดเหี้ยม “แกมันพูดส่งเดช! ไม่เห็นเหรอว่าเขาโดนซอมบี้กัด? ซอมบี้ในที่แห่งนี้มีกี่ตัวกันที่โดนฝนกรดสาด!”


เด็กชายโดนตบจนหูอื้อ ได้แต่เออออและถอยห่างออกมา

“รองครูใหญ่ฟ่าน  ขอร้องล่ะครูปล่อยพ่อของหนูเถอะ!”หวังซินเหยาอ้อนวอนอย่างสะอึกสะอื้น “พ่อเคยเป็นทหารมาก่อน ร่างกายแข็งแรง ไม่มีทางกลายเป็นซอมบี้”

อย่างไรก็ตามไม่ว่าหวังซินเหยาจะขอร้องอย่างไร ฟ่านจินเป่ายังคงยืนยันที่จะจัดการกับปัจจัยที่ไม่แน่ไม่นอนนี้ทิ้งซะ : “หวังซินเหยา ขอให้เธอเห็นแก่ส่วนรวมและยอมเสียสละ”

 

“ฉันว่า แกต่างหากที่ควรถูกโยนลงไป”


ทันใดนั้น เสียงที่ไม่เข้าหูก็ดังขึ้น

“ว่าไงนะ!”

ฟ่านจินเป่าแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เขาอยู่โรงเรียนมัธยมยวี่ฉายมาหลายปี มีแต่เขาที่ด่าคนอื่น แต่ตอนนี้กลับมีคนกล้าพูดกับเขาแบบนี้

เขาหันไปและมองเห็นเงาปรากฏตรงหน้าบันได ในเงามืด มีชายหนุ่มร่างผอมสูงเดินออกมา

ชายหนุ่มคนนี้อายุประมาณยี่สิบกว่าๆ มองเผินๆดูอ่อนแอ แต่บนตัวเขากลับเต็มไปด้วยคราบเลือด มือของเขาถือขวานคมที่ส่องแสงอันเย็นเฉียบ ดูเหมือนยมฑูตที่เดินออกมาจากขุมนรก

“แกเป็นใคร! แกขึ้นมาได้ยังไง! ออกไป!”ฟ่านจินเป่าตะโกน


“ฮ่าๆ รองครูใหญ่ฟ่านสุดที่รัก!”หลี่ต้าแสดงรอยยิ้มที่ขี้เล่น “คำพูดสกปรกของแกใช้ขู่ได้แค่กับพวกเด็กเกเรเท่านั้นแหละ อยู่ต่อหน้าฉัน ฉันแนะนำให้แกเก็บท่าทางของครูหัวรุนแรงแบบนั้นไปซะ”
 

“แก! แกคือหลี่ต้า!”


หวังหยวนอู่ในเวลานี้ สติเริ่มเลือนลางเล็กน้อย หน้าอกขึ้นๆลงๆไม่หยุด เขาเงยหน้าขึ้นมองมาอย่างลำบากและจำหลี่ต้าได้อย่างรวดเร็ว

“ลุงหวัง?”หลี่ต้ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็ได้แต่ปล่อยวาง เด็กผู้หญิงข้างๆเห็นได้ชัดว่าคือลูกสาวของเขา เพราะการระบาดของไวรัส มันจึงดูเป็นเรื่องปกติที่เขาจะมาช่วยลูกสาวในฐานะของคนเป็นพ่อ

 

ฟ่านจินเป่ามองหลี่ต้าและมองไปที่หวังหยวนอู่ซึ่งกำลังพิงกำแพงหอบไม่หยุดและยิ้มมุมปาก : “ฉันบอกเลยนะไอ่น้องชาย ก่อนหน้าที่เธอพูดจาไร้มารยาท ฉันจะไม่ถือสา แต่เธอต้องเข้าใจ ว่าเขาโดนซอมบี้กัดแล้ว ไม่นานก็จะกลายเป็นซอมบี้ ทางที่ดีที่สุดเธออย่ามายุ่งเลยดีกว่า”

รีวิวผู้อ่าน