px

เรื่อง : รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ( 末世虐杀游戏最新章节 )
ตอนที่ 1 เทศกาลแห่งการเปิดภาคเรียน


ตอนที่ 1 เทศกาลแห่งการเปิดภาคเรียน

 

      ฤดูร้อนอันร้อนระอุได้ผ่านพ้นไป ไม่นานก็มาถึงฤดูการแห่งการเปิดภาคเรียน

หลังจากที่เฉินโจวอี้จอดรถจักรยานและใส่กุญแจล็อคเรียบร้อยแล้ว ก็ไปรวมตัวกับเพื่อนจอมเสเพลเกเรของเขา พวกเขาเดินเข้าโรงเรียนไปด้วย พลางคุยโวโอ้อวดไปด้วย

          “ ปิดเทอมฤดูร้อนนี้ ฉันลงเรียนคลาสเรียนเสริมวิชาศิลปะการต่อสู้ไว้ ฉันรู้สึกว่ามันก้าวหน้าไปมาก ตอน ม.6 ในหนึ่งปีคาดว่ามีโอกาสสูงที่จะผ่านการทดสอบชาวยุทธฝึกหัดแล้ว ” เฉินโจวอี้ชายร่างผอมตบที่หน้าอกแห้งๆ ของตัวเองแล้วพูดเสียงดัง

 

      จ้าวอี้เฟิงชายร่างอ้วนเตี้ยที่ยืนอยู่ด้านข้างหลุดหัวเราะออกมา พลางพูดจาจิกกัดว่า “ นายอย่าโม้ไปหน่อยเลย ใครไม่รู้จักใครกันแน่! ครั้งที่แล้วไม่ใช่นายหรอกเหรอที่เป็นคนโทรมาบอกว่าแม่นายหน่ะสมัครเรียนเสริมคลาสเรียนคณิตศาสตร์ให้ ทำให้สมองนายระเบิดไปแล้วเหรอ ? ”

      ซุนซินที่อยู่อีกด้านใช้โอกาสนี้พูดขึ้นเหมือนกัน “ คนแบบพวกเราเนี่ยนะ อยากจะผ่านการทดสอบชาวยุทธฝึกหัด อย่าหวังลมๆ แล้งๆ ไปหน่อยเลย สู้ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างดีขึ้นมาหน่อยสักมหาวิทยาลัยดีกว่า ”

 

      สีหน้าของเฉินโจวอี้ดูตกใจเล็กน้อย เขาพูดขึ้นอย่างรำคาญว่า “ ตอนนี้ใครเขาลงเรียนเสริมแค่คลาสเดียวกัน ปิดเทอมฤดูร้อนครั้งนี้ของฉันคลาสเรียนของทุกวันต่างก็เต็มหมดแล้ว คลาสเรียนศิลปะการต่อสู้แน่นอนว่าพลาดไม่ได้เลย ”      

      ดูเหมือนว่าเพื่อที่จะเน้นน้ำเสียงของตัวเองให้ดูน่าเชื่อถือ เขาจึงพูดต่อว่า “ สรุปก็คือ ฉันคือคนที่จะต้องกลายเป็นชาวยุทธอย่างแน่นอน ”

            ……

      เป็นเวลากว่าสองทศวรรษแล้วที่โลกที่แตกต่างออกไปได้รวมเข้ากับโลกมนุษย์ ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาโลกทั้งสองเพื่อที่จะเอาชนะซึ่งกันและกัน ทั้งสองฝ่ายได้ปะทุสงครามขนาดใหญ่หลายครั้ง อย่างไรก็ตามไม่ว่าฝ่ายไหนพยายามจะเอาชนะ ต่างก็ต้องพ่ายแพ้กลับไปอย่างน่าเวทนา

      เหตุผลก็คือ เนื่องจากกฎของโลกมนุษย์และโลกอีกด้านหนึ่งมีควมแตกต่างกันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือวัตถุระเบิด พอเข้าไปสู่โลกด้านนั้น ก็ไม่สามารถใช้การได้ อีกทั้งแรงโน้มถ่วงที่สูงขึ้นถึงสามเท่าจากโลกปกติ ทำให้กองทัพเห็นแล้วต่างก็พากันหวาดกลัว

      ในทำนองเดียวกัน บรรดาเทพเจ้า เหล่าบรรพบุรุษ ทันทีที่เข้าสู่โลกมนุษย์ พลังเทพและเวทมนตร์คาถาที่ตนมีจะหายไปอย่างรวดเร็ว

      จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ มีเทพเจ้าผู้มีอำนาจหลายตนตกลงมาสู่โลกมนุษย์แล้ว

      มีเพียงผู้ที่มีวิชาชาวยุทธอย่างบริสุทธิ์เท่านั้น ถึงจะสามารถก้าวผ่านทุกอย่างได้

      ตั้งแต่นั้นมา ชาวยุทธในโลกมนุษย์ได้พัฒนาตนเองขึ้นอย่างรวดเร็ว การพัฒนาที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วนั้น ทำสิ่งใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง การเป็นชาวยุทธคนหนึ่งที่ได้เปิดและสำรวจโลกทางฝั่งนั้นกลายเป็นกระแสในสังคมไปเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าเฉินโจวอี้เองก็ย่อมได้รับผลกระทบจากแนวโน้มนี้เช่นกัน

 

      แต่น่าเสียดายที่เขาเกิดมาพร้อมกับความบกพร่อง ตั้งแต่เด็กเขาก็เกิดมาพร้อมกับความอ่อนแอและโรคภัยรุมเร้า ต่อให้เขาใช้แรงทั้งหมดที่มี ก็เทียบกับคนอื่นไม่ได้

      เฉินโจวอี้แอบโกรธกลุ่มเพื่อนเสเพลของเขาในใจ แต่ก็ไม่ได้อยากจะหักหน้ากัน เขาเรียนก็ไม่ค่อยดี ศิลปะการต่อสู้ก็ไม่ได้เรื่อง  รูปลักษณ์และประวัติครอบครัวก็ไม่ดีเท่าไร ในห้องเรียนเขารู้สึกไร้ตัวตน แต่ทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนที่เขาเหลืออยู่

 

      บางทีอาจเป็นเพราะคนที่พบเจอความรู้สึกเดียวกันย่อมเข้าใจซึ่งกันและกัน คนสองสามคนที่รู้สึกไม่มีตัวตน มักจะเจอสัญญาลับที่หาได้ยากเสมอ

      หลังจากจ่ายค่าเทอมเสร็จ เฉินโจวอี้นั่งเงียบ ๆ ในแถวที่สามนับจากท้ายสุด ดวงตาแอบมองหาร่างที่สวยงามเหล่านั้น

      ปิดเทอมภาคฤดูร้อนพึ่งจะผ่านพ้นไป สภาพอากาศยังคงร้อนระอุอยู่ บรรดาผู้หญิงในชั้นเรียนต่างพากันสวมใส่เสื้อผ้าแบบเย็นสบาย

      พวกเธอจับกลุ่มรวมกัน โอบกอดกัน พูดคุยเสียงจ้อกแจจอแจ ดูเหมือนว่ามีคำพูดไม่สิ้นสุด บางทีก็กระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นเป็นครั้งคราว

 

           “ ทำการบ้านปิดเทอมฤดูร้อนกันหรือยัง ? ” ซุนซินวางกระเป๋านักเรียนลง แล้วถามขึ้น

           “ แน่นอนว่าทำแล้ว ! ” เฉินโจวอี้รีบเก็บสายตา แล้วพูดขึ้น

           “ เอาออกมา เอามาให้ฉันลอกหน่อย ! ”

           “ แลกกับข้าวสามมื้อ ! ”

           “ มื้อเดียวก็พอ ไม่งั้นฉันจะไปลอกคนอื่น ” ซุนซินฟึดฟัด

           “ แค่มื้อเดียวก็ได้ ฉันอยากกินมันฝรั่งผัดเนื้อ ! ” เฉินโจวอี้เห็นว่ามันดีจึงรับข้อเสนอไว้ เขาหยิบสมุดการบ้านปิดเทอมฤดูร้อนออกมาจากกระเป๋านักเรียน

      มองซุนซินก้มหัวลอกการบ้านอย่างตั้งใจ ในใจของเขาเกิดความรู้สึกเหนือกว่าขึ้นมาเล็กน้อย

      แต่จู่ๆ สีหน้าของเขาก็สลดขึ้นมาอีกครั้ง เขาแค่อยู่ต่อหน้าเพื่อนร่วมโต๊ะที่มีคะแนนอยู่ปลายแถวของห้องเท่านั้น ถึงจะหาความรู้สึกที่เหนือกว่าเจอ

 

      ผลการเรียนของเขาอยู่ในระดับกลาง ในชั้นเรียนธรรมดาของโรงเรียนมัธยมคุณภาพแย่ แห่งนี้ คะแนนอันนี้ก็สามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้เหมือนกัน

      ในอนาคต สำหรับเขาแล้วส่วนใหญ่ก็ยังมืดมนอยู่ดี

      ถึงแม้ว่าในความฝันที่บ้าคลั่งอันนับไม่ถ้วนของเขา เขามักจะฝันเห็นตัวเองนั่งรถหรู ล้อมรอบด้วยเหล่าบอดี้การ์ด มีสาวสวยเซ็กซี่ห้อมล้อมเขาอยู่มากมาย ยอมฆ่าตัวตายเพื่อเขา เขากลับไม่แลตามอง ทำเหมือนเป็นของไร้ค่า

 

       หรือบางทีก็เป็นแบบนี้ เขากลายเป็นจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่ ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว ก็จะทำให้บรรดานักข่าวมารวมตัวกัน ไมโครโฟนนับไม่ถ้วนพยายามที่จะเข้ามาจ่อปากเขา เขากลับมีสีหน้านิ่งเฉย ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกาย พูดจาฉะฉานด้วยความมั่นใจ

       แต่ความฝันก็คือความฝัน หลังจากตื่นมามันเป็นความจริงที่น่าโหดร้าย ปิดเทอมฤดูร้อนนี้ เขาตั้งใจมาโดยตลอด แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับน้อยมาก

       บางครั้งความแแตกต่างระหว่างคนที่มีพรสวรรค์กับคนทั่วไป เมื่อเทียบกับความแตกต่างระหว่างลิงกับมนุษย์แล้วยังดูไกลกว่ามาก

            ……

       ครูประจำชั้น เฉาลี่ลี่ หลังจากที่คลอดลูกไปเมื่อปีที่แล้ว รูปร่างของเธอก็ดูเปลี่ยนไป คำพูดคำจาก็ดูขี้บ่นมากยิ่งขึ้น

            “ เทอมนี้ทุกคนขึ้นชั้น ม.6 กันหมดแล้ว ฉันจะไม่พูดอะไรมากแล้ว เข้าใจได้เร็วก็เข้าใจไป อะไรที่ไม่เข้าใจก็ควรจะเข้าใจได้แล้ว การสอบเกาเข่า (高考 Gāokǎo การสอบเข้ามหาวิทยาลัยของนักเรียนชาวจีน) คือทางแยกที่สำคัญในชีวิตของคนเรา ซึ่งเป็นตัวกำหนดชีวิตของพวกเธอในอนาคตเป็นอย่างมาก

       ถ้าหากเปรียบเทียบชีวิตคนได้กับการวิ่งมาราธอน เกาเข่าก็คือจุดเริ่มต้นในการติดต่อสังคมที่แท้จริงของพวกเธอ ในตอนเริ่มวิ่งถ้าพวกเธอมีข้อได้เปรียบ งั้นอย่างน้อยๆ ช่วงหนึ่งในอนาคตเธอก็จะมีข้อได้เปรียบเช่นกัน

            ……

       แน่นอนว่าถ้าหากเธอมีพรสวรรค์ในการเรียนศิลปะการต่อสู้มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เส้นทางสายนี้ไม่ค่อยน่าเดินเท่าไร

       ที่โรงเรียนปีที่แล้วรวมถึงนักเรียนรุ่นก่อนหน้าบางส่วนที่ลาออกจากโรงเรียนหรือพักการเรียนไป 1-2 ปี สามารถสอบผ่านชาวยุทธฝึกหัดเข้าเรียนที่โรงเรียนชาวยุทธได้อย่างราบรื่น มีแค่เพียง 21 คนเท่านั้น ยังเทียบกับจำนวนคนที่สอบเข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียงไม่ได้เลย แทนที่จะลงทุนลงแรงไปมากมายไปกับศิลปะการต่อสู้ สู้ตั้งใจเรียน สอบเข้าโรงเรียนที่ไม่เลวสักโรงเรียนหนึ่ง อย่างน้อยก็มีความหวังมากกว่า”

 

       บรรยากาศการเรียนศิลปะต่อสู้ของโรงเรียนมัธยมตงหนิงหมายเลข 5 ไม่ได้เข้มข้นมาก คนที่มีพรสวรรค์ ตั้งแต่ตอนประถมจะถูกโรงเรียนที่เน้นด้านนี้ดึงตัวไป ภายใต้การคัดกรองที่เข้มข้น สามารถเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมปลายระดับแย่แห่งนี้ได้ ที่จริงต่างก็เป็นพวกที่ถูกคัดออกทั้งนั้น

       โรงเรียนไม่เพียงแต่ไม่เปิดชั้นเรียนศิลปะการต่อสู้เหมือนโรงเรียนมัธยมตงหนิงหมายเลข 1 เท่านั้น แม้แต่คาบเรียนศิลปะการต่อสู้ที่สองวันจะมีหนึ่งคาบยังถูกวิชาอื่นเอาคาบไป

      ฟังครูประจำชั้นพูดถึงการสอบเกาเข่า ในใจของเฉินโจวอี้เกิดความรู้สึกสับสนขึ้น

      ที่จริงแล้วสำหรับเรื่องที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือไม่ หรือว่าจะสอบเข้าเรียนโรงเรียนชาวยุทธ เจตนาของเขาก็ยังไม่แน่นอน สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าจะสอบผ่านการทดสอบชาวยุทธฝึกหัดหรือสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต่างก็มีความหวังอย่างริบหรี่เหมือนกัน

 

      ในตอนเช้า เขารู้สึกสับสนมึนงง ไม่รู้ว่าวิชาช่วงเช้าพวกนั้นสอนอะไรไปบ้าง

      เสียงกริ่งเลิกคาบดังขึ้น เฉินโจวอี้รีบหยุดความคิดชวนเศร้าเหล่านั้นทันที เขารีบวิ่งอย่างรวดเร็วไปพร้อมกับซุนซินและจ้าวอี้เฟิงเพื่อมายังร้านอาหารเล็กๆ ที่โรงอาหาร

      เมื่อเทียบกับโรงอาหารสาธารณะแล้ว ที่นี่เห็นได้ชัดว่ามีระดับขึ้นมาอยู่ไม่น้อย วันที่สิ้นสุดปิดเทอมฤดูร้อนเป็นวันแรก ในกระเป๋าของหลายคนมีเงินอยู่ไม่กี่หยวน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว แต่ตอนที่มาถึงร้านอาหารนั้น ด้านหน้าก็มีคนต่อแถวยาวเหยียดแล้ว

      หลังจากที่รอเป็นเวลานานถึงสิบกว่านาที ถึงเป็นตาของพวกเขาสั่งอาหาร

           “ มันฝรั่งผัดเนื้อหนึ่งจาน ”

           “ ผมเอาด้วย ! ”

           “ ผมเอามะเขือเทศผัดไข่ ”

            ……

 

      เฉินโจวอี้ยัดอาหารเข้าไปในปากของเขาคำโต จากนั้นเขาก็พูดงึมงำว่า “  ปีนี้ต้องเปลี่ยนตัวพ่อครัวแน่ๆ เลย เนื้อสันนอกนี้มันเป็นของเก่าเกินไป ซอสก็ไม่เข้าเนื้อ พ่อฉันยังทำอร่อยกว่าอีก ! ”

           “ ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ! ” ซุนซินเห็นด้วย “ วันหลังมีเวลาเมื่อไร ชวนพวกฉันไปกินข้าวบ้านนายด้วย ! ”

           “ พูดอย่างกับว่าไม่เคยกินอย่างนั้นแหละ นายพูดซิว่าฉันชวนพวกนายไปกินมากี่ครั้งแล้ว ห้าครั้งได้แล้วมั้ง วันไหนที่พวกนายมาเที่ยวหาฉัน ก็ต้องอยู่กินข้าวทุกที ” เฉินโจวอี้พูดจากระแนะกระแหน

           “ ครั้งที่แล้วที่ไป ทำไมไม่เห็นน้องสาวนายล่ะ? ” จ้าวอี้เฟิงพูดแทรกขึ้น

      พอพูดถึงน้องสาว เฉินโจวอี้ก็รีบพูดเตือนขึ้นมาในทันที “ เธอออกไปเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนศิลปะต่อสู้ของโรงเรียนมัธยมปลายเขตหนิงโจว นายอย่ามีความคิดที่จะจีบน้องสาวของฉันเชียว ”

 

      ถ้าหากพูดว่าเฉินโจวอี้เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง งั้นน้องสาวของเขา เฉินซิงเย่วก็คงจะเป็นคนที่มากความสามารถ ทุกวันนี้เธอเป็นนักเรียนแนวหน้าเพียงคนเดียวของโรงเรียนที่เน้นห้องเรียนศิลปะการต่อสู้ในเมือง ชาวยุทธฝึกหัดสำหรับเธอแล้ว ไม่ใช่เส้นทางที่ดูห่างไกลอะไรนั่น แค่กระโดดเบาๆ ก็สามารถข้ามผ่านมันไปได้แล้ว

       เขาไม่ละทิ้งการเป็นชาวยุทธ และไม่มีเหตุผลที่จะถูกน้องสาวของเขายั่วยุอารมณ์ได้

      ในเวลานี้ที่ร้านอาหารก็มีเสียงกึกก้องดังขึ้น

           “ ติงเลี่ยงมาแล้ว ”

          “ นี่คือติงเลี่ยงนี่นา ! ”

           “ได้ยินมาว่าเทอมที่แล้วเขาสอบผ่านการทดสอบชาวยุทธฝึกหัด โรงเรียนยังแขวนป้ายประกาศให้เขาอีกด้วย !

           “ กล้ามเนื้อเขาดูดีจริงๆ อยากจะดึงเล่นสักหน่อย ! ”

      ติงเลี่ยงก้าวเข้ามาในร้านอาหาร สายตาไม่เหลียวมองไปทางอื่น รูปร่างที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรง ทำให้เสื้อกล้ามบนตัวเขาถูกยกขึ้น ดึงดูดผู้หญิงได้ไม่น้อย พวกเธอดวงตาเป็นประกาย แล้วกระซิบพูดคุยกัน

       เฉินโจวอี้มองด้วยความรู้สึกอิจฉาในใจ

      เป็นพวกที่ดึงดูดผู้หญิงได้จริงๆ

      ต้องมีสักวัน

      ที่ฉัน......

             “ อย่าดูเลย ดูอีกก็ไม่มีประโยชน์อะไร! นี่มันคือพรสวรรค์ จะอิจฉาก็ไม่ได้ ” จ้าวอี้เฟิงลูบพุงอ้วนๆ ของตัวเอง แล้วพูดกระซิบ

 คำพูดของจ้าวอี้เฟิงราวกับน้ำเย็นที่ทำให้เฉินโจวอี้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง

 

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน