ตอนที่ 4 ความวุ่นวายบนโลก
หลี่ต้าปิดผ้าม่านทันที สีหน้าบ่งบอกถึงความรู้สึกทนดูต่อไม่ได้
"ซอมบี้! มันคือซอมบี้!"
หลี่ต้าผ่อนลมหายใจหนัก ตอนนี้ในใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ที่เขากลัวนั้นไม่ใช่ซอมบี้ แต่คืออนาคตที่ไม่สามารถรู้ได้
การปรากฏของซอมบี้กับระบบต้นแบบการสังหารโหด สองสิ่งนี้มันมีความเกี่ยวข้องกันไหมนะ? แม้ว่าเขาจะเดาผลลัพธ์ได้ไม่ชัดเจน แต่สีหน้าของเขายังคงเหยเก
ไม่มีภัยพิบัติครั้งไหนที่ไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ สึนามิและผู้เสียชีวิตหลายพันคน ก็เพียงพอที่จะทำให้ตื่นตระหนกไปทั้งโลก อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นภัยธรรมชาติ แต่การระบาดของซอมบี้ นี่ถือว่าเป็นภัยพิบัติการทำลายล้าง
บนท้องถนนมีผู้ติดเชื้อแฝงตัวจำนวนมากที่ติดเชื้อและถูกกัด จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย คาดว่าไม่นานก็ระบาดไปทั่วเมืองม่อโจวจนกลายเป็นเมืองนรก และคนที่ติดเชื้อหลังจากโดนกัดต่างวิ่งกลับบ้าน หลังจากศพเปลี่ยนไปมันจะโจมตีสิ่งมีชีวิตทุกอย่างตรงหน้า กลายเป็นวัฎจักรที่เลวร้าย
“ไม่รู้ว่าตอนนี้ไวรัสซอมบี้แพร่กระจายไปถึงไหนแล้ว” หลี่ต้าหน้าซีด พึมพำเบาๆ “ถ้าหากแค่ในเมืองม่อโจว บางทีอาจมีโอกาสรอดได้ แต่ถ้าไวรัสแพร่เชื้อออกนอกประเทศหรือแม้แต่ทั่วทั้งโลก นี่น่าจะถึงวันสิ้นสุดของโลกแล้วล่ะ”
หลี่ต้ารีบเปิดทีวี เจอสถานีโทรทัศน์ม่อโจวกำลังออกอากาศอยู่พอดี
สถานีโทรทัศน์ออกอากาศรายการข่าวอยู่ ผู้รายงานข่าวหน้าตาสะสวยสวมเสื้อกันฝน กำลังรายงานสดอยู่ท่ามกลางสายฝนสีเขียวสุดประหลาด
“ดิฉันผู้รายงานข่าวซินอี้ ตอนนี้ดิฉันอยู่นอกอาคารรัฐบาลของเมืองม่อโจว”กล้องแพลนไปบริเวณรอบๆเป็นรถตำรวจที่ส่องไฟวุ่นวาย อีกด้านเป็นกลุ่มคนที่กำลังหนีตายอย่างลนลาน และยังมีประชาชนที่ “คุ้มคลั่ง”เจ้าหน้าที่ตำรวจพิเศษหลายร้อยคนที่ถือกระบอง โล่กันระเบิดอยู่ในมือและสวมชุดเกราะกันระเบิดเต็มรูปแบบกำลังออกแรงสกัดกั้นกลุ่มคนคุ้มคลั่ง ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนา
“เหตุการณ์ความรุนแรงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ทั้งหมดของเมืองม่อโจว ประชนชนจำนวนมากสูญเสียความเป็นคน มีอาการคล้ายกับโรคพิษสุนัขบ้า โจมตีประชาชนอื่น ๆ แม้แต่หน่วยตำรวจพิเศษตอนนี้ก็ยังสรุปสาเหตุได้ไม่แน่ชัด รัฐบาลประกาศให้ประชาชนอยู่ในความสงบ ไม่ควรออกนอกบ้าน และเน้นย้ำไม่ให้ไปสัมผัสกับฝนประหลาดนี้”
หลังจากนั้นผู้รายงานข่าวพูดอะไรต่อหลี่ต้าก็ไม่ได้สนใจแล้ว จากการแพลนกล้องที่รีบเร่ง เธอก็รู้สึกว่าเรื่องราวมันชักจะร้ายแรงเข้าให้แล้ว
ความคิดของพวกตำรวจพิเศษนั้นไม่มีคำว่า “ซอมบี้”อยู่ในหัว สำหรับประชาชนที่ติดเชื้อ พวกเขาใช้แค่กระบองมาต่อต้าน ทั้งยังไม่ได้โจมตีรุนแรง ทำให้ตำรวจพิเศษหลายคนถูกกัด และซอมบี้ตำรวจพิเศษที่สวมชุดเกราะกันระเบิดยิ่งทำให้ยากต่อการรับมือมากยิ่งขึ้น กระสุนขนาดเล็กไม่สามารถทะลุผ่านหมวกกันกระสุนได้ กลายเป็นฝันร้ายของผู้ที่รอดชีวิต
สำหรับผลการป้องกันของชุดเกราะกันระเบิด หลี่ต้าผู้ที่เคยอยู่ในหน่วยรบพิเศษนั้นรู้ดีกว่าใคร ตัวเสื้อนั้นออกแบบมาเพื่อป้องกันกระสุน กันกระสุนแต่ไม่กันแทง ชุดเกราะกันระเบิดไม่ได้สอดแผ่นกันกระสุน สำหรับการป้องกันจากการกัดจากซอมบี้นั้นได้ผลมาก
หลี่ต้าเปิดคอม ตอนนี้หน้าเว็บมันยุ่งเหยิงไปหมด
มีโพสต์บางโพสต์ที่เนื้อหาสำคัญเด้งไว้ด้านบนสุด เนื้อหายังคงเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสซอมบี้
โพสต์แรก หัวข้อว่า “ไวรัสแสงสีดำ ระเบิดพลีชีพของนักวิจัย ”
เจ้าของโพสอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยคนหนึ่งของรัฐบาลสหพันธรัฐบอกว่า สาเหตุของเชื้อที่คล้ายกับ “โรคพิษสุนัขบ้า” นั้นมาจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และผ่านการชะล้างของ“ฝนกรด”ไปทั่วโลก ไวรัสจึงเกิดการกลายพันธุ์ ตอนนี้ในหลายประเทศทั่วโลกมีมนุษย์จำนวนมากติดเชื้อจากโรคแปลกๆ ทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายไปหมด
รัฐบาลได้ตั้งชื่อไวรัสที่กลายพันธุ์นี้ว่า "แสงสีดำ" และคนที่ติดเชื้อไวรัสถูกเรียกว่า “ซอมบี้”
การแสดงความคิดเห็นด้านล่างขึ้นเป็นหมื่นข้อความและมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
คำพูดของชาวเน็ตคนหนึ่งเต็มไปด้วยความกังวล :“ถ้าหากที่เจ้าของโพสพูดเป็นความจริง ภัยพิบัติครั้งนี้จะทำให้เกิดความสูญเสียอย่างน้อยสิบล้านคน หรืออาจจะเกินหลายร้อยล้านคน จุดสิ้นสุดของโลกกำลังจะมาถึงแล้วใช่ไหม”
ชาวเน็ตที่กำลังออนไลน์อยู่คนหนึ่งพูดว่า : “ฉันเชื่อว่ารัฐบาลจะช่วยพวกเรา ตอนนี้นอกบ้านฉันมีแต่พวกคนคุ้มคลั่ง โชคดีที่ประตูมีระบบรักษาความปลอดภัยแข็งแกร่งมาก ดังนั้นเพื่อนๆที่ยังไม่ติดเชื้อ ควรเตรียมสิ่งของจำเป็นสำหรับลี้ภัย เพื่อไม่ให้อดตายก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะมา”
นอกจากนี้ยังมีข้อความขอความช่วยเหลือ :“ตอนนี้ฉันติดเชื้ออยู่ในห้องลองเสื้อผ้า ฉันกลัวเหลือเกิน ใครก็ได้ช่วยฉันที ที่อยู่คือ :XXเมือง XXเขต ขอบคุณมาก! ”
หลี่ต้าทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สงบสติอารมณ์ โพสต์นี้ตัดความหวังสุดท้ายของเขาออกไปอย่างหมดสิ้น
ฉันต่อสู้มานานกว่าสิบปีในชีวิตของฉัน เดิมทีก็คิดว่าชีวิตนี้จะเป็นชีวิตที่ปลอดภัยและมั่นคง นึกไม่ถึงจริงๆว่าจะไม่สามารถหลบพ้นได้
ในเกมมีเกาะแมนฮัตตันเพียงเกาะเดียว ฝั่งทหารก็ไม่มีปัญญาจะจัดการ ทุกปีก็เสียหายไปกับค่าใช้จ่ายทางทหารนับไม่ถ้วน อีกทั้งภัยพิบัติครั้งนี้ยังแพร่ไปทั่วโลก คิดคิดแล้วมันก็ช่างทำให้คนหดหู่เหลือเกิน
หลี่ต้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา สายตรงไปหาตำรวจ
sorry,The number you have dialed is busy, please try again later.”
“ขอโทษค่ะ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ sorry,The number you have dialed is busy, please try again later.”
หลี่ต้าถอนหายใจอีกครั้ง การแพร่ระบาดของไวรัสไปเร็วมาก สายตำรวจโดนระเบิดหมดแล้ว ตอนนี้แม้แต่พวกตำรวจยังเอาตัวเองไม่รอด คาดว่าไม่นานสายโทรศัพท์กับอินเตอร์เน็ตก็คงใช้การไม่ได้
หลี่ต้าหาภาชนะทุกอย่างที่พอจะหาได้ และเปิดก๊อกน้ำทั้งหมดในบ้าน “ฝนกรด”ครั้งนั้นคงทำให้แหล่งน้ำกลางแจ้งทั้งหมดถูกปนเปื้อน ถ้าตอนนี้ไม่รีบสำรองน้ำไว้ ในอนาคตแม้แต่น้ำสะอาดก็คงจะหายาก
ขณะที่หลี่ต้ากำลังยุ่งอยู่กับการรองน้ำ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
อันที่จริงหลี่ต้าไม่จำเป็นต้องดูก็รู้ว่าคนที่โทรมาคือถังหยงข่าย
หลี่ต้าในโลกนี้ไม่เพียงแต่รูปร่างหน้าตาขี้เหร่ แถมยังเป็นคนขี้เหนียวอีก เดิมทีก็ไม่ได้มีเพื่อนอะไรมากมาย ปัจจุบันที่ยังติดต่อกันอยู่ก็มีแค่ถังหยงข่ายเพื่อนยากคนนี้นี่แหละ
หลี่ต้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดรับสาย
“ฮัลโหล! พี่ต้า ทางนู้นเป็นไงบ้าง! ”พอรับสาย ถังหยงข่ายก็รีบถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “ผมเห็นว่าสถานการณ์ข้างนอกมันบ้าไปหมดแล้ว โทรหาตำรวจก็โทรไม่ติด พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
หลี่ต้าอุ่นใจขึ้นมา หลี่ต้าในโลกนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่เขากลับได้เจอกับเพื่อนที่ดี
อีกอย่างเขาในอดีตก็ตัวคนเดียวมาตลอด เขาสาบานกับตัวเองในใจว่าจะต้องปกป้องเพื่อนหนึ่งเดียวคนนี้ให้ดีที่สุด
“ฉันสบายดี” หลี่ต้าเงียบไปสักพักแล้วพูดว่า “ทางนี้ฝนไม่ตก แต่ก็ไม่มีเรื่องประหลาดอะไรเกิดขึ้น แล้วแกล่ะ ไปงานแฟร์มาแล้วไม่ใช่เหรอ? เป็นไงบ้าง?”
“เฮ้อ! ก็พอได้แหละ”
ถังหยงข่ายถอนหายใจเบาๆ “ผมกับเสียวเสวี่ยติดอยู่ที่สถานที่จัดงาน โชคดีที่งานแฟร์เริ่มขึ้นก่อน สถานที่จัดงานจึงปิดสนิท ไม่มีใครโดนฝนกรดและไม่มีใครกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่กัดคน”
หลี่ต้าแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก นี่ถือว่าโชคดีมาก เท่าที่เขารู้ เมืองม่อโจวมีกองทหารรักษาการณ์ของสหพันธรัฐ และภายในงานแฟร์ก็เต็มไปด้วยหัวกะทิจากทุกสาขาอาชีพ พวกเขาต้องให้ความสำคัญกับการช่วยเหลืออย่างแน่นอน
“งั้นฉันก็สบายใจละ ไอ้ข่าย แกอยู่ที่นั่นไปก่อนนะ อดทนรอหน่วยกู้ภัย ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แล้วก็ไม่ต้องไปหาเรื่องกับใคร ซื้อของตามร้านขายของชำแถวนั้นมาตุนไว้ไม่ต้องสนใจเรื่องเงิน เข้าใจไหม?”
“แต่ว่า.......”ถังหยงข่ายแย้งขึ้น “ตอนนี้ติดอยู่ในนี้ ราคาของตามร้านขายของชำขึ้นสูงมาก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งถ้วยหนึ่งตั้งร้อยหยวน...... ”
“แกฟังฉันนะ!”หลี่ต้าพูดอย่างจริงจัง “ภัยพิบัติครั้งนี้มันเกิดขึ้นทั่วโลก รัฐบาลก็ไม่น่ากอบกู้สถานการณ์เลวร้ายครั้งนี้ได้ ความสงบสุขไม่มีวันกลับคืนมา สำหรับสกุลเงินของสหพันธรัฐ ต่อไปก็เป็นแค่เศษกระดาษ อาศัยโอกาสตอนนี้รีบใช้ไปซะ! เร็ว!”
“อ่า เข้าใจแล้ว แต่ว่านี่เป็นเงินเก็บทั้งหมดของฉัน....... โอเค เดี๋ยวฉันจะลองคุยกันเสียวเสวี่ย......”
จากนั้นหลี่ต้าก็ได้ยินเสียงโกรธของผู้หญิงดังผ่านเข้ามาในโทรศัพท์ ตามมาด้วยเสียงตบบ้องหู
การตัดสินใจของหลี่ต้านั้นถูกต้อง ภายในสถานที่จัดงานนั้นมีแต่พวกหัวกะทิ คนกลุ่มหนึ่งมองสถานการณ์ในอนาคตออกตั้งแต่ตอนแรก ร้านขายของชำร้านนั้นตอนนี้ข้าวของถูกคนซื้อเกือบเกลี้ยง ต่อให้ราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหนึ่งซองจะกี่ร้อยบาท ผู้คนก็ยอมจ่ายอย่างไม่เสียดาย
หลังจากวางสายโทรศัพท์ หลี่ต้าเข้าไปดูหน้ารายชื่อโทรศัพท์มีการติดต่อน้อยมาก อีกทั้งส่วนใหญ่มีแต่เค้าเพิ่มเบอร์คนอื่น คนอื่นไม่ได้เพิ่มเขาอะไรพวกนี้
ชื่ออันดับต้นๆชื่อหนึ่งในหน้ารายชื่อดึงดูดสายตาของเขา นี่เป็นเบอร์ที่เขาเพิ่มเข้ามาแล้วเป็นเวลาสามปี แต่สุดท้ายก็ไม่มีความกล้าโทรไปสักครั้ง
หลิวเสียวเสี่ยว
หลิวเสียวเสี่ยวเป็นสาวสวยในคณะที่มหาลัยของหลี่ต้า เธอเต็มไปด้วยออร่าและเป็นที่ต้องการของผู้ชายนับไม่ถ้วน และสาวสวยในคณะคนนี้ก็นับว่าเป็น “แฟนเก่า”ของหลี่ต้า
แฟนเก่าคนนี้ แน่นอนว่าเป็นที่รู้จักกันดี คนหนึ่งเป็นไอ้ขี้แพ้จนๆที่ไม่มีอะไรสักอย่าง ส่วนอีกคนเป็นสาวสวยของคณะที่มีแต่คนชื่นชอบ ที่จริงแล้วสองคนนี้แทบไม่มีความเป็นไปได้ที่จะวนมาเจอกัน แต่ก็คงเป็นเพราะชะตาฟ้าลิขิต ครั้งหนึ่งตอนหลิวเสียวเสี่ยวไปเล่นน้ำอยู่ริมทะเลสาบแล้วพลัดตกน้ำ หลี่ต้ากระโดดลงไปช่วยอย่างไม่สนใจรูปร่างตนเอง หลังจากช่วยหลิวเสียวเสี่ยวขึ้นมาได้ เธอก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากและยอมตกลงเป็นแฟนกับหลี่ต้า
แฟนงั้นเหรอ คำคำนี้หลี่ต้าไม่กล้าแม้แต่จะคิด
เขามองตัวเองว่ามีอะไรดีกัน เป็นแค่ไอ้ขี้แพ้หน้าตาขี้เหร่ แต่กลับเป็นที่ต้องตาต้องใจของเธอ แต่กระนั้นไม่ว่าในทางความรู้สึกหรือเหตุผล ทั้งสองก็ตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าคนที่อินกับเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มจนจบมีแค่หลี่ต้าคนเดียวเท่านั้น
ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ดำเนินไปได้หนึ่งสัปดาห์ หลี่ต้าก็หมดเงินไปมากเพื่อหลิวเสียวเสี่ยว ตอนเธอบอกว่าอยากได้ไอโฟน หลี่ต้าถึงกับต้องไปขายเลือดที่ตลาดมืด
แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือการโดนทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
วันนั้น แสงอาทิตย์ดูมืดมิด ตอนที่หลิวเสียวเสี่ยวพาชายหนุ่มสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาเดินมาปรากฏตรงหน้าของหลี่ต้า เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“เสียวเสี่ยว คนคนนี้...... พี่ชายเธอเหรอ?”
หลี่ต้ามีความหวังอยู่สามสิบเปอร์เซ็นต์ อีกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์คือหลอกตัวเอง
แต่ตรงหน้าของเขาก็มีหมัดหนักที่พุ่งมาอย่างแรง
ชายคนนั้นเหยียบไปที่เท้าของหลี่ต้าและพูดอย่างหยิ่งผยอง :“ไอ้เด็กน้อย แกไม่ได้ดูสารรูปตัวเองเลยเหรอ อย่างแกเนี่ยนะจะมาคู่ควรกับหลิวเสียวเสี่ยว”
“ได้ข่าวว่า แกช่วยเสียวเสี่ยวไว้” ชายหนุ่มหน้าตาดีดึงเงินสกุลของสหพันธรัฐปึกใหญ่และโยนมันลงไปบนหน้าของหลี่ต้า “อะ นี่เงินแสนนึง คงเพียงพอแล้วที่จะซื้อชีวิตหมาๆของแก จากนี้ไปแกกับหลิวเสียวเสี่ยวไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
พูดจบ เขายังเหยียบไปที่เท้าของหลี่ต้าอย่างแรงและถ่มน้ำลายไปบนตัวของเขา สีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ
แต่หลิวเสียวเสี่ยว ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่คิดแม้แต่จะหันมามองเขาแม้แต่น้อย เหมือนกับตอนที่พวกเขา “คบกัน”ไม่มีผิด แม้แต่มือก็ไม่เคยได้จับ บางทีสำหรับหลิวเสียวเสี่ยวแล้วเขาอาจจะเป็นแค่เครื่องรูดเงินสดที่เธอต้องการยามเหงาเท่านั้นเอง
เย็นวันนั้น หลี่ต้าปิดตาตัวเอง พยายามลบรูปคู่ของเขาและเธอทีละรูปๆ ทั้งยังหยิบเงินหนึ่งแสนที่แฝงความอัปยศอดสูนั่นฉีกเป็นชิ้นๆ
ต่อมาหลี่ต้าถึงได้รู้ว่า หลิวเสียวเสี่ยวนั้นคบกับคนมาแล้วนับไม่ถ้วนและเขาก็เป็นแฟนคนที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
ตั้งแต่นั้นมา หลี่ต้าก็นอนซมอยู่อย่างนั้น หมกตัวอยู่ในบ้านอย่างหมดอาลัยตายอยาก แต่เขาก็ไม่ได้เกลียดหลิวเสียวเสี่ยว ตรงกันข้าม เขากลับคิดถึงเธอไม่เคยลืม