px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 45 รอยกระบี่


"แม้วันนี้ต้วนหลิงเทียนจะพ่ายแพ้ แต่เขายังคงได้รับเกียรติอย่างสูง"

เหล่าสาวกของตระกูลลี่ ล้วนไม่มีใครเสียหน้าจากเรื่องนี้

เพราะอย่างไรระดับการบ่มเพาะของหลิงเทียนก็ยังน้อยกว่าหลิงฉี

ในสายตาของพวกเขา หากต้วนหลิงเทียนมีระดับการบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 เท่าเทียมกับหลิงฉี ๆ คงไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ให้หลิงเทียนได้อย่างแน่นอน

อีกทั้งอายุของหลิงเทียนก็อ่อนกว่าหลิงฉีนับปี

นับได้ว่าศักยภาพของต้วนหลิงเทียนนั้นไร้ขีดจำกัด !

ในขณะที่ทุกคน นอกจากเค่อเอ๋อ ที่กำลังคิดว่าหลิงเทียนจะปราชัยนั้น กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้น

"หลิงฉี ระวังด้วย!" เป็นเสียงของหลิงเทียนนั่นเอง ที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ฟึ่บ!!

ในเวลาเพียงเสี้ยวพริบตานั้นเอง ประกายกระบี่สีม่วงพลันวูบขึ้นมาเป็นเส้นแสงในอากาศก่อนที่จะหายไป โดยไร้ร่องรอย

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หลิงฉีต้องหยุดชะงักลงด้วยความตกตะลึงก่อนที่จะมองไปยังหลิงเทียนด้วยความหวาดกลัว

"หือ เมื่อครู่หลิงเทียนใช้กระบี่เช่นนั้นรึ?"

"ข้าคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น ... แต่ทว่าในมือเขาไม่ได้ถือกระบี่เอาไว้ แล้วเขาทำเช่นไรกันแน่ มันเกิดอะไรขึ้นกัน?"

...

ไม่ใช่แค่ตระกูลลี่เท่านั้น ทว่าตระกูลหลิงกลับตื่นตระหนกไม่แพ้กัน เพียงแต่ว่าทางตระกูลหลิงนั้นไม่ได้ล่วงรู้ว่าหลิงเทียนมีฝีมือในเชิงกระบี่ขั้นสูงอย่างที่ตระกูลลี่ล่วงรู้ พวกมันจึงไม่อาจคาดเดาว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่

ด้านตระกูลลี่พวกมันเห็นเพียงประกายแสงเท่านั้นจึงคาดเดาได้ว่าหลิงเทียนลงมือจู่โจมด้วยกระบี่ ด้านตระกูลหลิงนั้นย่อมไม่รู้อันใดนอกจากประกายสีม่วงสายหนึ่งที่วูบขึ้นมาเท่านั้น

"หลิงฉี ข้าจะเริ่มลงมือแล้ว"

หลิงเทียนจ้องมองหลิงฉีพร้อมกล่าวเตือนเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนไหว

วิชาท่าร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!

ร่างของเขาวูบไหวพุ่งตรงไปยังหลิงฉี

ฟึ่บ!!!

ประกายสีม่วงวูบขึ้นมาอีกครั้งราวกับเส้นแสง หลิงฉีที่ระวังตัวอยู่ กว่าที่มันจะรู้ตัวและถอยกลับไป ประกายแสงนั้นมันก็บรรลุผล อีกทั้งยังหายไปเสียแล้ว ...ตอนนี้มันได้แต่ถอยไปยืนนิ่งด้วยอาการตกตะลึง

"ข้าขอยอมรับความพ่ายแพ้!" หลิงฉีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตกตะลึง มันแทบไม่เชื่อสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้น

นากจากลี่ฉีฉี และเค่อเอ๋อแล้ว พวกมันยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จึงได้แต่ยืนตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า

หลิงฉีผู้นั้น ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้?

ตกลงมันเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นกันแน่?

"พี่ฉี เหตุใดท่านจึงกล่าวยอมแพ้เช่นนี้ เห็นๆอยู่ว่าท่านกำลังมีเปรียบมัน"

หลิงเว่ยได้แต่มองหลิงฉีพร้อมกล่าวออกมาด้วยความสับสน

"หากหลิงเทียนไม่ใช้กระบี่ข้าก็สามารถเอาชนะมันได้ แต่เมื่อมันชักกระบี่ออกมา..ตัวข้ายามนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน" หลิงฉี กล่าวออกมาตรงๆ สมกับเป็นลูกผู้ชาย

"ต้วนหลิงเทียน กระบี่ไวของเจ้านับว่าบรรลุระดับความเร็วที่ข้าไม่อาจเอื้อม ... หากข้าไม่พัฒนาศักยภาพโดยรวมของข้าให้มากขึ้นกว่านี้ เกรงว่าตอนนี้ข้าคงไร้หนทางตอบโต้ยามเจ้าวาดกระบี่"

หลิงฉีถอนหายใจก่อนที่จะกล่าวออกมา มันมองหลิงเทียนด้วยแววตาลึกซึ้ง

วิชากระบี่ลึกลับและความสามารถเชิงกระบี่ของหลิงเทียนนั้น ทำให้มันอดนับถือไม่ได้

"เช่นนั้นก็ยุติกันเถอะ"

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ ตอนนี้ในสายตาของมัน หลิงฉีดูน่านับถือขึ้นมาเล็กน้อย

นับว่ามันยังเป็นลูกผู้ชาย ที่กล้ายอมรับความพ่ายแพ้

บุคคลเช่นนี้ ในอนาคตย่อมสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างไม่ยากเย็น

หลิงฉีหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดตาออกมา มันกล่าวพร้อมกับสายตามุ่งมั่น "แต่สักวันหนึ่ง ข้าจะเอาชนะเจ้ายามที่เจ้าถือกระบี่ให้ได้!"

"ข้าจะตั้งตารอเจ้า"

ต้วนหลิงเทียนยิ้มรับวาจาซื่อตรงของหลิงฉี

"เอาล่ะ ข้าเป็นคนรักษาสัญญา ตอนนี้เจ้านำคนตระกูลลี่กลับไปเสียเถิด"

หลิงฉีกล่าวออกมาก่อนที่จะประสานมือ พร้อมกล่าวออกมา

"วันนี้ ขอลาก่อน"

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับการกระทำของหลิงฉี ก่อนที่มันจะเดินไปจูงมือเค่อเอ๋อที่กำลังแย้มยิ้มด้วยท่าทางน่ารัก กลับตระกูลลี่ เหล่าสาวกของตระกูลลี่ได้แต่ยืนเหม่อมองหลิงเทียนจูงมือสาวงามจากไปอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะรู้สึกตัวแล้วเริ่มแยกย้าย

ฝูงชนที่เฝ้าชมดูเหตุการณ์ต่อสู้ก็เริ่มรู้สึกตัวและแยกย้ายกันกลับเช่นเดียวกัน

ตอนนี้ ชื่อ ต้วนหลิงเทียน ได้ประทับตราตึงในหัวใจของพวกมัน !

บุรุษที่อาจจะเทียบเท่าหรือแม้แต่แข็งแกร่งกว่า ลี่ควง ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว!

"พี่ฉี ท่านยังไม่ตอบข้า ว่าเหตุใดท่านจึงยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้ สาเหตุเป็นเพราะอันใดกันแน่?"

หลิงเว่ยถามด้วยความสงสัย ท่าทางดื้อดึงของมันราวกับว่า หากมันไม่ได้รับคำตอบมันจะคอยถามก่อกวนเช่นนี้ไปอย่างไม่จบสิ้น

สาวกของตระกูลหลิงทั้งหมด ล้วนมองไปที่หลิงฉี พร้อมกับอยากรู้คำตอบเช่นเดียวกัน

"ดูเอาเอง"

หลิงฉีส่ายหัว ก่อนที่จะแหงนคอให้ทุกคนได้ดูกันชัดๆ

"นะ..นี่มัน…"

เหล่าสาวกสายนอกของตระกูลหลิงกลับกลายเป็นยืนแข็งค้างราวกับตัวโง่งม

พวกมันได้เห็นรอยยาวสีขาวที่ลากผ่านลำคอของหลิงฉี...เป็นรอยกระบี่ที่ควบคุมน้ำหนักได้อย่างไร้ที่ติ มันเฉือนไปเพียงเนื้อด้านบนสุดเท่านั้น แม้จะเป็นบริเวณลำคอที่เนื้อบอบบางมันยังสามารถเฉือนให้มีแต่เพียงรอยขาวๆได้!!

“หากวันนี้มันไร้เมตตา ชีวิตข้าคงจบสิ้นไปแล้ว”

หลิงฉีถอนหายใจออกมา

แต่สายตาของหลิงเว่ยกลับทอประกายอำมหิตพร้อมกลับกล่าวขึ้นมาว่า "พี่ฉี หากท่านรายงานท่านประมุขไปว่า คนตระกูลลี่ที่ไม่แม้แต่จะใช้แซ่ลี่ผู้หนึ่ง กล้าลงมือโดยหวังชีวิตท่านโดยอำมหิต ...หากท่านมอบเรื่องนี้ให้ข้าจัดการ ข้าจะไปนำสาวกสายในไปจัดการสั่งสอนมันให้แก่ท่าน "

"หลิงเว่ยเจ้าอย่าได้แตะต้องมันเป็นอันขาด จดจำใส่หัวของเจ้าเอาไว้ให้ดี ต้วนหลิงเทียนคือคู่ต่อสู้ของข้า และข้าจะเป็นผู้เอาชนะมันด้วยตนเอง เจ้าอย่าได้คิดทำอะไรสิ้นคิดเด็ดขาด!"

"ขะ..ข้าจะทำตามท่านบอก"

นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงเว่ยเห็นหลิงฉีมีโทสะขนาดนี้ มันหวาดกลัวมากและเอ่ยปากรับคำไปอย่างไม่ยินยอม

แต่เมื่อมันก้มหัวลงไปสายตาของมันยังคงมีแต่ความอาฆาต ราวกับมันต้องหาทางทำอะไรสักอย่างกับหลิงเทียน ...

ในระหว่างทางการเดินกลับตระกูลลี่ของหลิงเทียนและเหล่าสาวก

"ต้วนหลิงเทียน เหตุใดหลิงฉีจึงกล่าวยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนั้นกัน?"

"ใช่ข้าก็เห็นว่ามันกำลังได้เปรียบเจ้าอยู่แท้ๆ แต่หลังจากที่เจ้ากล่าวออกมามันกลับชะงักไป แล้วเหตุใดๆจู่มันถึงกล่าวยอมแพ้อย่างฉับพลันเช่นนั้นเล่า?"

"ต้วนหลิงเทียนเจ้ามีอะไรปิดบังพวกเราหรือเปล่า?"

...

เหล่าสาวกสายนอกที่ไม่ค่อยรู้จักหลิงเทียนและไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ในวันที่มันใช้กระบี่แบ่งครึ่งใบไม้ราวกับเทพเซียน ได้กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย

"พวกเจ้าคิดว่า เรื่องราวทุกอย่างจะถูกล่วงรู้ด้วยสายตาของพวกเจ้าหรืออย่างไร"

ลี่ฉีฉีกล่าวออกมาด้วยท่าทางรำคาญคิ้วของนางขมวดเป็นปม

"พี่หญิงฉีฉี หรือว่าท่านล่วงรู้สาเหตุกัน?"

ทันใดนั้นสาวกตระกูลลี่ต่างมุ่งเป้าไปถามลี่ฉีฉีแทน

หลังจากที่หันไปสังเกตหลิงเทียน และพบว่าเขาไม่มีทีท่าแยแสใดๆ ลี่ฉีฉีจึงกล่าวออกมาว่า "พวกเจ้าไม่ได้สังเกตรอยสีขาวบนลำคอของหลิงฉีหรืออย่างไรกัน หากหลิงเทียนไม่ได้ยั้งมือไว้ไมตรี เพียงวาดกระบี่ให้เฉือนเพียงผิวหนังชั้นนอกอย่างละเอียดอ่อนแล้วละก็ หลิงฉีคงตกตายไปแล้ว ทีนี้พวกเจ้าเข้าใจหรือยัง!

สักครู่สาวกของตระกูลลี่ทั้งหมดล้วนสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ พวกมันยืนตัวแข็งทื่อราวกับตัวโง่งม

พวกเขาไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจและน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ ...

อาศัยเพียงหนึ่งกระบี่ ปลิดชีพในเสี้ยวพริบตา!

แม้ว่าเหล่าสาวกสายนอกหลายคนจะเห็นหลิงเทียนใช้กระบี่สะบั้นใบไม้นับสิบใบมาแล้ว แต่ทว่าพวกมันกลับไม่คาดคิดเลย ว่าในการประลองที่ตัดสินความเป็นตายเช่นนี้ความอันตรายของมันกลับน่าพรั่นพรึงนัก...เพียงกระบี่เดียวชีวิตกลับหลุดลอยได้อย่างง่ายดาย

แต่เฉพาะตัวหลิงเทียนเท่านั้น ที่ไม่ได้คิดว่ามันง่ายดายขนาดนั้น

นี่เป็นเพราะ วิชาวาดกระบี่ของเขาหากใช้ออกโดยที่ศัตรูไม่รู้ล่วงหน้าและไม่ได้เตรียมตัว อานุภาพมันแทบไม่ต่างจากวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงที่มีความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้

สาวกตระกูลลี่ต่างแยกย้ายกันไปเมื่อกลับมาถึงตระกูลลี่

ต้วนหลิงเทียนและเค่อเอ๋อ ได้ร่ำลาลี่ฉีฉีก่อนที่จะแยกย้ายกันไป

"ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเขาจะยินยอมสอนวิชาวาดกระบี่ให้ข้าหรือไม่"

ลี่ฉีฉีนั่นได้ฝึกฝนและเดินมาในเส้นทางของมือกระบี่ นางนั้นฝึกฝนวิชากระบี่ไร้เงาที่เป็นวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นต่ำมาถึงความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้แล้ว

แต่ทว่า..ในฐานะคนจากตระกูลสาขาเช่นนางนั้น กว่าจะได้รับวิชาระดับสูงกว่านี้ ก็ต่อเมื่อนางได้แสดงความสามารถจนผ่านเกณฑ์และเข้าตาคนของตระกูลหลักถึงจะได้รับสถานะสาวกสายใน นั่นก็ต้องหลังจากงานประลองของสาวกสายนอกที่กำลังจะเกิดขึ้นจบลงเสียก่อน

ในขณะที่นางฝึกฝนวิชาด้วยกันกับเค่อเอ๋อนั้น นางได้ยินเค่อเอ๋อกล่าวว่า วิชาวาดกระบี่นั้น มีระดับเทียบเท่าวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นกลาง แต่ทว่าหากลงมือโดยไม่เปิดเผยล่วงหน้าก่อนนั้น...

มันจะเทียบเท่ากับวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูง!

เมื่อกลับถึงบ้าน หลิงเทียนก็โดดขึ้นเตียงนอนของมันก่อนที่จะนอนแผ่ร่างกายอย่างอ่อนล้า

เขาฝึกฝนวิชาท่าร่างจนเหน็ดเหนื่อย อีกทั้งยังเร่งรีบเดินทางไปช่วยเหลือเค่อเอ๋อ ซ้ำร้ายยังใช้ออกด้วยพลังเกือบทั้งหมดในการประลองกับหลิงฉี...ตอนนี้ความเหนื่อยล้าของมันนับว่ามากมายขนเกือบถึงขีดสุดแล้ว

ในขณะนั้นเอง เด็กสาวพลันเปิดประตูเข้ามานั่งข้างๆเตียง พร้อมกับบีบนวดต้นขาให้มัน อย่างอ่อนโยน

ช่างน่ารักและงดงามนัก!

ต้วนหลิงเทียนช่วยไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจออกมา

หลิงเทียนสามารถสังเกตเห็นถึงความลังเลของเด็กสาวได้ในพริบตา นางอยู่กับเขามานานเหตุใดเขาจะไม่รู้หากนางมีทีท่าแปลกๆไป "เค่อเอ๋อ เจ้าเห็นว่าข้าเป็นคนนอกหรือไร มีเรื่องอะไรทำไมไม่รีบเอ่ยออกมาเล่า?"

"นายน้อย พี่หญิงฉีฉี อยากให้ท่านช่วยสอนวิชาวาดกระบี่...ท่านจะยินยอมช่วยสอนให้นางหรือไม่" เด็กสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลแต่แฝงไปด้วยความวิงวอน

"นี่เป็นสิ่งที่นางต้องการอย่างนั้นสิ ... อย่าได้บอกนะ ว่าเหตุผลที่นางดูแลเจ้าราวกับน้องสาวเป็นเพราะนางหวังในวิชา วาดกระบี่นี้?"

ประกายตาของหลิงเทียนเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง

"นายน้อย พี่หญิงฉีฉีไม่ใช่คนเช่นนั้น"

เด็กสาวรีบกล่าวออกมาพร้อมกับส่ายหัวอย่างน่าเอ็นดู

"เค่อเอ๋อ แม้แต่เจ้าก็อยากให้ข้าสอนวิชาวาดกระบี่ให้นาง งั้นหรือ?" หลิงเทียนกล่าวถามออกมาพร้อมรอยยิ้ม

"เค่อเอ๋อ จะทำตามความต้องการของนายน้อย"

เด็กสาวยิ้มบางๆ ตอนนี้สีหน้าของนางแดงขึ้นเล็กน้อย

หลิงเทียนนิ่งคิดไปก่อนเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า "วิชากระบี่ไร้เงาระดับห้วงมหรรณพขั้นต่ำของนาง คงฝึกฝนจนมีความสำเร็จในขั้นตอนแก่นแท้แล้ว ไม่แปลกหรอกที่นางอยากได้วิชาใหม่เช่นนี้ อืมถึงยังไงนางก็ดูแล เค่อเอ๋อของข้าอย่างราวกับน้องสาว เช่นนี้ข้าคงต้องมอบวิชาระดับสูงให้นางสักวิชา ... แต่วิชานั้นคงต้องไม่ใช่วิชาวาดกระบี่ วิชานี้ข้าอยากให้ใช้กันแต่ในครอบครัวของเราเท่านั้น! "

เด็กสาวรีบกระพริบตาก่อนที่จะกล่าวถามออกมาอย่างน่ารัก "นายน้อยท่านมีวิชากระบี่อันใดจะให้พี่หญิงฉีฉี หรือเจ้าคะ?"

"กระบี่ประสานเงา!"

วิชานี้เป็นวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูง

นับว่าเป็นวิชากระบี่ที่ครบเครื่องและถือว่าล้ำเลิศ ที่หลิงเทียนค้นพบจากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด

มันมีลักษณะคล้ายๆกับ วิชา เงาลวงเร้นลับ ของหลิงฉี ตรงที่ยามใช้กระบี่ออกมันจะสร้างกระบี่เงาลวงตาออกมาด้วย ถึงแม้จะมีบางจุดต่างกันนิดหน่อยแต่โดยรวมก็คล้ายคลึงกัน

ตอนแรกหลิงเทียนคิดจะมอบวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางให้แก่ ลี่ฉีฉี

แต่หลังจากที่ขบคิดแล้ว เขามอบขั้นสูงให้ไปเลยดีกว่า

เพราะอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ งานประลองประจำปีของสาวกสายนอกจะเริ่มขึ้นแล้ว

ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของลี่ฉีฉี การเข้าเป็นสาวกสายในนั้นง่ายดายราวกับตัดเค๊กอยู่แล้ว

เมื่อได้รับเลือกให้เป็นสาวกสายใน ทุกคนจะได้รับมอบวิชามาให้เลือกซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางทั้งสิ้น

ดังนั้นเขาจึงไม่คิดที่จำมอบวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นกลางให้นางเพราะมันไม่จำเป็น

ไม่กี่วันต่อมา หลิงเทียนก็คัดลอกเคล็ดวิชา กระบี่ประสานเงาสำหรับลี่ฉีฉีจนเสร็จสิ้น หลังจากนั้นเขาก็ให้เค่อเอ๋อไปตามตัวนางมารับวิชา

"กระบี่ประสานเงา นะ..นี่เป็นวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงอย่างนั้นหรือ?"

หลังจากมองผ่านเคล็ดวิชาที่เขียนโดยลายมือหลิงเทียน นางอดไม่ได้ที่จะถามออกมา

"ด้วยเหตุผลบางอย่างข้าไม่อาจสอนวิชาวาดกระบี่ให้แก่เจ้าได้ แต่สำหรับวิชานี้ย่อมไม่มีปัญหา ... แต่ข้ามีเรื่องหนึ่งต้องให้เจ้ารับปาก"

ในขณะที่หลิงเทียนพูดประโยคนี้เขาได้ส่งสายตาจริงจังไปยังลี่ฉีฉี

"เรื่องอะไรกัน ... เจ้าจะให้ข้ารับปากอะไร?"

ยามนี้ลี่ฉีฉีรู้สึกราวกับเปลือยเปล่า นางรู้สึกหวาดกลัวสายตาที่ร้อนแรงราวกับจะมองทะลุเสื้อผ้าไปถึงจิตวิญญาณของหลิงเทียน..หรือว่าเขาคิดจะ

"เจ้าต้องรับปากว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องที่ได้รับวิชานี้มาจากข้าไม่ว่ากับใครก็ตาม จำเอาไว้ให้มั่น ไม่สามารถบอกผู้ใดได้ทั้งสิ้น!"

หลิงเทียนเอ่ยเงื่อนไขของเขาออกมา

"ข้าตกลง!"

ลี่ฉีฉีรีบเอ่ยรับปากอย่างรวดเร็ว

ที่แท้ก็เรื่องแค่นี้

นางก็คิดไปไกลว่า ...

หลิงเทียนพยักหน้ารับคำของลี่ฉีฉี ก่อนที่จะเอ่ยออกมาอย่างไม่แยแส "เอาล่ะเจ้ากลับไปได้แล้ว"

ลี่ฉีฉีแอบกัดฟันก่อนที่จะจากมา

หลังจากออกจากที่พักหลิงเทียน ความเศร้าก็รุมเร้ากัดกินใจนาง

นางสงสัยว่าสำหรับหลิงเทียนแล้วนางไม่มีเสน่ห์เลยหรืออย่างไรกัน

ตั้งแต่รู้จักกันมา หลิงเทียนไม่แม้แต่จะมองหน้านางให้ชัดๆสักครั้ง

ราวกับความรักและความอ่อนโยนทั้งหมดของเขามีไว้เพื่อเด็กสาวข้างๆเท่านั้น

บางครั้งแม้กระทั่งนางเองก็ไม่รู้ว่าในใจนั้นอิจฉาหรือชื่นชมอยู่กันแน่

ตั้งแต่วันนั้นที่ยังไม่ได้รู้จักกัน เงาร่างของเขายามตวัดกระบี่ออกมาสะบั้นใบไม้นั้น..มันประทับตราตรึงอยู่ในใจของนางตลอดเวลา

หลิงเทียนที่กำลังนอนมองเพดานอยู่บนเตียง อยู่ๆมันก็หัวเราะออกมาโดยไม่มีเหตุผล

แม้มันจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสังหารและการใช้อาวุธทุกชนิด แต่ทว่า มันก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผจญในดงดอกไม้ด้วยเช่นกัน ความคิดของสาวน้อยแรกแย้มอย่างลี่ฉีฉี มีหรือมันจะไม่ล่วงรู้

แต่ลี่ฉีฉีนั้นต่างจากเค่อเอ๋ออย่างมาก

โลกทั้งใบของเค่อเอ๋อมีแต่เขาเพียงผู้เดียว

แต่ลี่ฉีฉีมีความฝันและหนทางที่อยากจะก้าวไป ความรู้สึกที่นางมีต่อเขา เป็นเพียงความประทับใจ และความรักที่ฉาบฉวยของหนุ่มสาวเท่านั้น

มันก็เป็นสัจธรรมของโลกใบนี้ และเป็นเรื่องธรรมชาติ

บุรุษที่โดดเด่นและแข็งแกร่งล้วนเป็นที่พึงตาต้องใจของอิสตรีอยู่แล้ว

แน่นอน นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าหลิงเทียนคิดจะมีภรรยาเพียงแค่คนเดียว

หากวันไหนเขาเกิดพบกับสตรีที่รักเขาจริงและยอมสละทุกสิ่งเพื่อเขา และหากเขารักนางด้วย เขาจะไม่มีวันปล่อยสตรีเช่นนั้นหลุดมือไปเป็นอันขาด

รีวิวผู้อ่าน