Chapter 8: รองเท้าจากในเกม
“เอาละ มาลองอะไรสักอย่างกันหน่อย!”
ก่อนที่เจียงเฟยจะออกจากเกม เขาก็ใส่รองเท้าจิตวิญญาณแมวแห่งความแม่นยำไปในช่องเก็บของสีน้ำเงินในแหวน สิ่งนี้สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไป การเอาโพชั่นแดงในเกมออกไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงนั้นทำให้เขาได้ค้นพบสิ่งใหม่ แล้วถ้าเกิดอุปกรณ์ในเกมสามารถที่จะแสดงอำนาจในโลกแห่งความจริงได้กันละ? มันก็จะไม่มีใครหยุดเขาได้! เขาจะกลายเป็นสุดยอดมนุษย์!
*วู้ชชช*
พร้อมกับแสงสว่างวาบ เจียงเฟยก็กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
“มาหน่อย! มาหน่อย! นะโม อมิตตาพุธ! พระเจ้า! พระแม่มารีย์! ธอร์! โอดิน! ได้โปรดให้มันทำงานด้วยเถอะ!” เจียงเฟยพึมพำกับตัวเองและเริ่มที่จะลูบแหวน
*บลิ๊ง*
“ฮ่าๆ! มันอยู่นี่แล้ว!”
เจียงเฟยมีความสุขมาก เมื่อเขาพบว่ารองเท้ายังอยู่ในนั้น ในช่องเก็บของสีน้ำเงิน
“เอาละ! มาหาพ่อมาลูก!” เจียงเฟยร้องออกมา เขาตื่นเต้นอย่างมากจนเขาสามารถที่จะรู้สึกได้เลยว่าเท้าของเขากระดิกรัวๆ!
*วู้ชชช*
แสงสีน้ำเงินก็สว่างวาบด้านหน้าเขาและรองเท้าคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้บนฝ่ามือของเขา
“โอ้ เย้! มันทำงานละ!”
ความร่าเริงมันก็เหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้แล้วเจียงเฟยก็รีบสวมพวกมันลงไปในทันที
“หื้มม?”
รองเท้าก็หายตัวเข้าไปในขาของเจียงก่อนที่จะหายไปกลางอากาศ สิ่งที่เหลือก็คือเขารู้สึกว่าขาของเขาสวมถุงเท้าอุ่นๆอยู่ มันไม่มีร่องรอยของรองเท้าให้เห็น
“บางทีมันอาจจะเป็น…”
เจียงเฟยก็ลุกขึ้นยืนและเตรียมที่จะเดิน เขาก็เริ่มต้นวอร์มร่างกายเล็กน้อย
*ฟึ้บ*
“เชี่ยเอ้ย”เจียงเฟยคำรามออกมาอย่างเจ็บปวด การที่เขาออกแรงกระโดดเพียงแค่เล็กน้อย แต่มันกลับกลายเป็นการกระโดดที่ทรงพลังและส่งหัวของเขาไปชนกับเพดานแทนซะยังงั้น! มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากเลยที่คอของเขายังไม่หัก!
“ลูกเฟย?! เกิดอะไรขึ้นกับลูกกัน?!” แม่ของเจียงเฟยก็ร้องออกมาแล้วเธอก็รีบวิ่งออกมาจากห้องครัว
“ผมปกติดีครับแม่ ผมสะดุดล้มอีกแล้วอะ…” เจียงเฟยพูดออกมาในขณะที่เขายังคงลูบหัวไปมา มันเจ็บปวดอย่างมากเหมือนกับมีภูเขาไฟที่ปะทุขึ้นบนนั้น!
“ลูกล้มแบบเมื่อวานแล้วนะ…ลูกยังไม่เรียนรู้จากความผิดพลาดอีกงั้นเหรอ? ระวังตัวในครั้งต่อไปด้วยละ!” แม่ของเขาก็บ่นเล็กน้อยก่อนที่จะกลับห้องครัวไป
เมื่อยืนยืนพลังของรองเท้าเสร็จแล้ว เจียงเฟยก็กำหมัดของเขาแน่นและทำท่าชัยชนะ
“มันทำงานละ! ฉันไม่มีใครเทียบได้จริงๆแล้วโว้ย! ฮ่าๆๆๆๆ! โอ้ย…” เจียงเฟยหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่บาดแผลบนหัวของเขาจะเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง กระโหลกของเขาแทบจะบุบ แต่มันก็ยังคุ้มค่า ความฝันของเขาเป็นจริงแล้ว! เขากำลังจะกลายเป็นซูเปอร์แมนแล้ว!
….
หลังจากมื้อเช้า เจียงเฟยก็รีบเดินทางไปโรงเรียนในทันที เท้าทั้งสองข้างของเขาต่างกำลังสวมรองเท้าบาสเก็ตบอล แต่ใบหน้าของเจียงเฟยก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาจะไม่เป็นเด็กติดเกมที่ถูกหมางเมินอีกต่อไปแล้ว!
ห้องเรียนก็เป็นไปตามปกติและเจียงเฟยก็เบื่อเหมือนกับทุกที โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวิชาเลข! อาจารย์สอนคณิตศาสตร์นั้นไม่ใช่มนุษย์จริงๆ! หนึ่งวินาทีก่อนหน้านี้ อาจารย์วัยกลางคนที่ปลูกผมมากำลังพูดเกี่ยวกับเรื่องง่ายๆอย่าง 1+1 = 2 หลังจากที่เขาเผลองีบหลับไปชั่วครู่หนึ่งและสะดุ้งตื่นขึ้นมา อาจารย์สอนคณิตศาสตร์ก็กำลังพูดการคูณเลขหลายหลักแทนเสียแล้ว!
*กริ๊ง….*
เสียงแห่งอิสระก็ดังขึ้น! มันเป็นเสียงของกริ่งเลิกเรียน!
“หยุดนะ!”
เพียงแค่เจียงเฟยกำลังจะโยนทุกสิ่งทุกอย่างใส่ลงไปในกระเป๋าด้วยความเร็วที่เร็วกว่าแสงนั้นเอง เสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้นมาจากด้านหน้า
“ตอนบ่ายโมง มันจะมีการแข่งขันบาสเก็ตบอลระหว่างห้องของเราและห้องหก! หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จให้ไปยังสนามและเชียร์ทีมด้วย!”หญิงสาวที่ตะโกนออกมาในขณะที่มือของเธอถือนกหวีดอยู่นั้นก็คือซุนเมิ่งเมิ่ง ผู้ดูแลห้องเรียน
“ชิ…”
จาวเฟิงที่นั่งอยู่ด้านหลังก็เดาะลิ้นและส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจออกมา
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ห้องของเจียงเฟยเต็มไปด้วยพวกเด็กตั้งใจเรียน แต่มันก็ไม่มีใครกล้าที่จะบ่นเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ธรรมดาทั่วไปอย่างไรก็ตามห้องหกนั้นเป็นห้องที่เต็มไปด้วยนักเรียนที่เก่งกาจในด้านกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบาสเก็ตบอล นอกจากนี้แล้วคำพูดจาคำจาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยคำหยาบมากมาย การที่จะต้องแข่งกับห้องหกนั้นเป็นเหมือนกับการขุดหลุมฝังศพตัวเอง! เมื่อสุ่มหยิบนักเรียนขึ้นมาสามคนจากห้องหก พวกเขาก็สามารถที่จะบดขยี้นักเรียนที่เก่งที่สุดห้าคนในห้องของเจียงเฟยได้เลย! มันเหมือนกับการแย่งลูกอมไปจากเด็กยังไงยังงั้น!
“ฉันว่าฉันได้ยินอะไรสักอย่างนะ”
ซุนเมิ่งเมิ่งก็เดินไปหาจาวเฟิงอย่างเงียบเชียบเหมือนกับเสือสาว
“ไม่มีอะไรครับ ท่านหญิง ผม จาวเฟิงจะไปที่สนามด้วยความเต็มใจ ตามคำสั่งของท่านหญิงครับ! ผมจะส่งเครื่องดื่มให้กับทีมบาสเก็ตบอลของพวกเราทั้งหมดเองเลยครับ!” เมื่อสาวโหดกำลังเดินเข้ามาหาเขา เข่าของจาวเฟิงก็อ่อนลงในทันที มันแทบไม่น่าเชื่อเลย เมื่อซุนเมิ่งเมิ่งนั้นน่ารักเป็นอย่างมาก ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ แต่ช่วงหนึ่งในชีวิตของเธอ เธอก็ได้เรียนคราฟมากา (ศิลปะการต่อสู้จากอิสราเอล) มา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ท่ามกลางนักเรียนทุกคนในชั้นปีของเจียงเฟย เธอก็เป็นดั่งราชินีของชั้นเรียน!
“ฮึ่ม! อย่างน้อยนายก็รู้ที่อยู่ของตัวเองดี!” สาวน่ารักก็ร้องเสียงแหลมออกมา หลังจากนั้นเธอก็หันไปมองเจียงเฟยและพูดกับเขา “นาย! ทำให้แน่ใจด้วยนะว่านายจะต้องอยู่ที่นั่นด้วย!”
เหมือนกับซุนเมิ่งเมิ่ง เจียงเฟยก็เป็นที่รู้จักกันดีเกี่ยวกับความเกลียดชังของเขาที่มีต่อกีฬาอย่างล้นหลาม เขาจะหายตัวไปโดยไร้ร่องรอย เมื่อไหร่ก็ตามที่มีกีฬาเข้ามาเกี่ยวข้อง นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมซุนเมิ่งเมิ่งถึงเจาะจงว่าเจียงเฟยจะต้องปรากฏตัวที่สนามบาสเก็ตบอลด้วย
“ได้!”
เจียงเฟยยักไหล่ เมื่อนานมาแล้ว ในตอนที่เจียงเฟยยังเรียนอยู่โรงเรียนมัธยมต้น เขาก็เคยอยู่ในทีมบาสเก็ตบอลมก่อน แต่เนื่องจากการเล่นที่ย่ำแย่ของเขา เขาจึงยอมแพ้ในการเล่นบาสเก็ตบอลและมุ่งมั่นกับการเล่นเกมแทน อย่างน้อยการเล่นเกมก็ไม่จำเป็นต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่ง!
…
หลังจากมื้อเที่ยง เจียงเฟยก็กลับไปที่โต๊ะของเขาในห้องเรียนและพักตา ก่อนที่เขาจะเริ่มกรนออกมา เขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนแผ่นหลังของเขา หลังจากเสียงตบที่ดังก้อง เขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา
“โอ้วแม่ง ใครวะ”
เจียงเฟยก็หันไปจ้องคนที่ “โจมตี”
“ไอ้คนขี้โกหก! นายสัญญากับฉันแล้วนะว่านายจะไปสนามบาสเก็ตบอลนะ! นายจำได้ไหม?” มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเสือน้อยอย่างซุนเมิ่งเมิ่ง
“โอ้…เรื่องนั้น…ฮ่าๆๆๆ มันดูเหมือนว่ามันยังเร็วเกินไปหน่ะ ดังนั้นฉันจึงมางีบหลับแทน”
เจียงเฟยอธิบายอย่างยากลำบาก เขาตกลงที่จะไปปรากฏตัวที่สนามจริงๆ ดังนั้นเขาจึงเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา
“ไปกันเถอะ! ทั้งห้องของเราต่างเชียร์หวังเฉินและเพื่อนของเขา!” ซุนเมิ่งเมิ่งก็จับไปที่แขนเสื้อของเจียงเฟยและลากเขาออกมาจากห้องเรียน
เมื่อเจียงเฟยมาถึงสนามบาสเก็ตบอล การแข่งขันก็เริ่มไปแล้ว 20 นาที รอบที่สองมันพึ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น แต่คะแนนมันก็น่าเจ็บปวดอย่างมากที่จะดูมัน ห้องหกนั้นได้คะแนนไป 37 คะนนและห้องเก้า ห้องของเจียงเฟยนั้นมีคะแนนเพียงแค่ 8 คะแนน มันพึ่งจะผ่านแค่รอบแรกไปเท่านั้น แต่คะแนนของมันก็ห่างกันอย่างกับฟ้ากับเหว!
“โอ้ เชี่ยเอ้ย…”
เจียงเฟยมองไปที่คะแนนสกอร์และอดที่จะอ้าปากค้างไม่ได้ เมื่อมองไปยังสนามบาสเก็ตบอล เขาก็ไม่ประหลาดใจอีกต่อไป
ไม่มีใครที่สามารถเข้าไปใกล้กับพื้นที่หน้าแป้นของห้องหกได้เลยแม้แต่คนเดียว เมื่อมีเซ็นเตอร์ที่สูงถึง 190 เซนติเมตรและหนักถึง 90 กิโลกรัม ใครก็ตามก็สามารถที่จะส่งหยางหมิงห้องเก้ากระเด็นไปได้ง่ายๆ
ขนาดตัวเล็กที่ของเขาก็ยังไม่สามารถที่จะมุดผ่านไปได้ หวังเฉินห้องเก้านั้นเป็นตำแหน่งพอยต์การ์ด ด้วยเหตุนี้นี่เอง บอลจึงไม่เคยที่จะส่งผ่านเส้นกลาสนามได้เลย พูดตามจริงแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่บอลมายังฝั่งของห้องเก้า มันก็จะถูกแย่งไปโดยเวลาที่น้อยกว่า 10 วินาที
เมื่อดูตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การได้แปดแต้มก็เป็นเรื่องปาฏิหารย์แล้ว
“สู้! สู้! สู้! สู้! ห้องเก้า สู้เค้า! ห้องเก้า สู้เค้า!”
เจียงเฟยก็หันไปดูผู้ชมและพบว่ามีแต่หญิงสาวของห้องเขาเท่านั้นที่กำลังเชียร์อยู่ ในขณะที่พวกผู้ชายต่างรวมกลุ่มอยู่ตรงมุมหนึ่งและเมินเกมที่แข่งขันกันอยู่ไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาบางคนก็เหมือนกับศาสตราจารย์เฒ่าในมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำไป เมื่อพวกเขาหยิบกระดาษออกมาและเขียนงานลงไปบนพวกมัน
“ฮ่าๆ! ดูพวกมันสิ! พวกมันเหมือนกับลิงจ๋อเลย!”
“เฮ้ๆ! หยุดกดดันพวกเขาได้แล้วหน่า! แค่นี้ห้องเก้าก็วิ่งไม่ออกแล้ว ให้พวกเขาเดินแทนเถอะ! ถ้านายเล่นกับพวกเขาแรงไป พวกเราจะไม่มีใครให้เล่นด้วยอีกแล้วนะ!”
“ฮ่าๆ! ยิงได้เยี่ยม! นั่น 3 แต้มเลยนะเว้ย!”
“เยี่ยม! แสลมดังค์!”
เมื่อเทียบกับห้องเก้าที่นั่งเชียร์แล้ว ห้องหกก็แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาแทบจะไม่มีใครนั่งเชียร์เลยด้วยซ้ำ พวกเขากลับหัวเราะและหยอกล้อห้องเก้าแทน! พวกเขาไม่ได้ดูเกมอย่างจริงจังเลยด้วยซ้ำไป!
“นี่มันแย่จริงๆ ห้องนั่นมันน่าจะโดนฟ้องผิดกฏกติกาจริงๆ! ใครมันไปคาดหวังว่าพวกเขาจะได้พบกับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกัน?”จาวเฟิงพูดออกมาแล้วก็ปรากฏตัวขึ้นมาด้านข้างของเจียงเฟย