px

เรื่อง : Seized by the System
ตอนที่ 22: ยังคงต้องฟังโฮสต์


หนึ่งในข้อดีของฟางหนิงก็คือ เขามีจินตนาการที่แปลกประหลาด และเขาเป็นคนคิดมากเกินไป (แต่ทำน้อยเกินไป) ที่สำคัญคือเขาไม่เคยหมดหวัง เขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจากความล้มเหลว และตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อไป ระบบของเขาไม่ทรงพลังเท่ากับระบบอื่นๆ มันไม่มีระบบร้านค้าหรือระบบการฟื้นชีพ มันจึงต้องมาทำอะไรแบบนี้แทน!

เนื่องจากระบบต้องใช้เวลาเป็นอย่างมากจนกว่าจะอธิบายจบ และในตอนนี้ฟางหนิงก็ขี้เกียจจะโต้เถียงกับมันแล้ว เพราะเขายังมีนิยายและเกม ที่เขายังไม่ได้อ่านและเล่นอีกมากมาย ...

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขากลับไปที่ร้านอินเทอร์เนตในพื้นที่มิติของระบบ และเตรียมพร้อมที่จะเล่นเกม เขาก็ฉุกคิดไอเดียบางอย่างขึ้นมาได้ เขาไม่มีทางที่จะปล่อยให้ระบบงี่เง่านี้ทำอะไรตามใจตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว ...

ทันใดนั้น เขาก็ตระหนักถึงปัญหาร้ายแรงบางอย่างขึ้นมาได้ แม้ว่าระบบจะทำสิ่งที่ดีโดยการนำอวัยวะต่างๆของเขา ไปเก็บสำรองไว้ในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ไม่ควรปล่อยให้ระบบผู้ชั่วร้ายนี้ ตัดอวัยวะส่วนต่างๆในร่างกายเขาอีกต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงซะมันก็เป็นเพื่อนสนิทของ ‘น้องชายคนเล็ก’ ของเขา ถ้าวันหนึ่งระบบเกิดแรงบันดาลใจ และคลั่งไคล้ที่จะฝึกฝนคัมภีร์ทานตะวันเหมือนอย่างตงฟางปุ๊ป้ายขึ้นมาล่ะก็ มันอาจไม่ลังเลใจเลยที่จะตัด ‘น้องชายคนเล็ก’ ของเขาไปด้วยหรอ!

ปัญหานี้ร้ายแรงมาก จนทำให้ฟางหนิงต้องระดมสมองของเขาคิดหาวิธีแก้ไข ในที่สุดเขาก็นึกถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ เขาจึงถามระบบทันที

“เฮ้ ระบบ! การที่นายตัดอวัยวะภายในร่างกายของฉันออกไป นายไม่กลัวว่ามันจะส่งผลต่อการหมุนเวียนกำลังภายในในร่างกายของฉันเลยหรอ? ซึ่งมันอาจจะทำให้ความแข็งแกร่งของเราลดลงนะ?”

“มันจะไม่เกิดปัญหาแบบนั้นอย่างแน่นอน! เส้นชีพจรพิเศษทั้งแปดไม่ได้เติบโตภายในอวัยวะเหล่านั้น แต่มันอยู่ในระดับที่เล็กกว่านั้นมาก และทักทอเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งคุณไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ ตราบใดที่คุณไม่สูญเสียอวัยวะชิ้นใหญ่ เหมือนเช่นแขนหรือขาไป มันจะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อความแข็งแกร่งของเราหรอก เพราะเราไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ถ้าเป็นคนอื่นๆจะประสบปัญหาใหญ่ในระหว่างการบ่มเพาะ เมื่อพวกเขาสูญเสียอวัยวะภายในไป ซึ่งเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะสูญเสียกำลังภายในไปด้วย คุณไม่มีวันเข้าใจความซับซ้อนของมันหรอก แม้ว่าฉันจะอธิบายให้คุณฟังมากแค่ไหนก็ตาม” ระบบไม่ได้ปิดบังหัวข้อที่สนทนากัน

แม้ว่าระบบจะพูดเช่นนี้ แต่ฟางหนิงก็ยังสามารถพอทำความเข้าใจได้ ระบบนั้นจะแตกต่างจากผู้มีพลังพิเศษคนอื่นๆทั่วไป โดยการไหลเวียนของพลังงานที่สำคัญและกำลังภายในของระบบจะทำงานได้ ตราบใดที่มันปฏิบัติตามกฎของระบบ

อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางที่จะยอมแพ้ระบบแบบนี้ หากคำถามหนึ่งไม่สามารถโน้มน้าวระบบโง่เง่านี้ได้ เขาก็จะยิงคำถามอีกข้อ

“อ่อ ยังมีปัญหาบางอย่างอยู่ นายเป็นระบบที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ใช่ไหม? และนายยังไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเการปลูกถ่ายอวัยวะ เหมือนเช่นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ดังนั้นนายไม่กลัวว่าจะทำให้ร่างกายฉันได้รับบาดเจ็บ จนถึงขั้นที่จะทำให้เสียชีวิตเลยหรือไง?”

“ไม่ต้องห่วง ก่อนวันที่ฉันจะตัดอวัยวะของคุณไป ฉันได้บ่มเพาะพลังจนสามารถเข้าใจทักษะชีวิตใหม่ - ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ แต่ในตอนนี้ ฉันยังไม่สามารถตัดหัว หรือควักหัวใจออกมาได้ แต่เพียงแค่การตัดอวัยวะบางส่วนและประกอบกลับเข้าไปใหม่ มันไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับฉันอย่างแน่นอน ถ้าฉันทำกับคนอื่นๆ มันจะยุ่งยากและต้องเปลืองพลังมากกว่านี้ แต่มันจะเป็นเรื่องง่ายๆ ถ้าฉันทำกับร่างกายของคุณ เพราะพลังงานที่สำคัญและกำลังภายในของคุณได้หมุนเวียนมาเป็นเวลานาน จนถึงทุกซอกทุกมุมในร่างกายของคุณแล้ว ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นเรื่องง่ายมากๆที่จะควบคุมการรวมตัว และการแยกเซลล์ในร่างกายของคุณ ถึงขนาดที่ว่าไม่มีเลือดออกเลยแม้แต่หยดเดียว ...”

‘โอ้ ใช่แล้ว ฉันเกือบลืมไปว่า ร่างกายของฉันถูกยึดโดยระบบมานานแล้ว มันจึงรู้ทุกซอกทุกมุมในร่างกายของฉันเป็นอย่างดี ถึงขนาดที่ว่ามันสามารถนำออก หรือใส่อะไรก็ได้ตามที่มันต้องการ ... เอาล่ะ งั้นคำถามนี้ก็ไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะโน้มน้าวระบบงี่เง่านี้ได้ เอาล่ะ ถ้างั้นมันต้องเจอกับคำถามนี้’ ฟางหนิงคิดในใจ

“โอ้ นายเก็บอวัยวะของฉันที่นายตัดออกไปไว้ในพื้นที่มิติหรอ? แต่ทำไมฉันไม่เคยเห็นพวกมันเลยล่ะ? และนายแน่ใจนะว่ามันจะปลอดภัย? บางทีมันอาจมีความเป็นไปได้ที่จะเสื่อมสภาพ?”

“ฉันเป็นคนใจดีและไม่ต้องการที่จะทำให้คุณกลัว นั่นคือสาเหตุที่ฉันต้องซ่อนพวกมันเอาไว้ไม่ให้คุณเห็นต่างหาก ฉันได้สร้างพื้นที่การเก็บรักษาขึ้นมาสำหรับเก็บพวกมันแล้ว ในพื้นที่แห่งนี้เวลาจะหยุดนิ่ง เพราะฉะนั้นฉันรับประกันได้เลยว่า มันจะสดใหม่อยู่เหมือนเดิม เมื่อตอนฉันนำพวกมันกลับมาใส่ในตัวคุณอีกครั้ง” ระบบไม่ลังเลที่จะตอบ

อย่างไรก็ตาม ระบบรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในคำถามจำนวนมากของฟางหนิง หรือว่าเขาจะไม่ต้องการให้มันสำรองอวัยวะพวกนี้อีกต่อไปหรือไม่? นั่นจะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด! มันจึงขัดจังหวะฟางหนิงที่กำลังจะถามคำถามต่อไปทันที “เดี๋ยวก่อนนะ! หยุดพยายามถามคำถามที่ไร้สาระได้แล้ว เราจะกลับไปที่เป้าหมายหลักของเรากัน ฉันอยากเอาลูกอัณฑะของคุณไปเก็บไว้ในพื้นที่การเก็บรักษาเพื่อสำรองไว้ คุณเห็นด้วยกับแนวคิดนี้หรือไม่”

“ฉันไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด” ฟางหนิงตอบกลับทันที เขารู้สึกพ่ายแพ้ต่อระบบ คำถามสามข้อที่เขาถามระบบไปนั้น มันไม่สามารถที่จะโน้มน้าวระบบงี่เง่านี้ได้ ‘เป็นไปได้หรือไม่ว่า ฉันเล่นเกมมากจนเกินไป จึงทำให้จินตนาการของฉันแย่ลง? มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!’

“เอาล่ะ! ฉันจะเริ่มเอามันออกไปแล้วนะ” เมื่อพูดจบ ระบบก็เริ่มลงมือทันที ฟางหนิงรู้สึกเบาหวิวตรงหว่างขาของเขา ราวกับว่ามีบางอย่างได้ถูกตัดออกไป!

เขายังสามารถรู้สึกได้หลังจากที่ระบบตัดลูกอัณฑะของเขาไป เป็นไปได้หรือไม่ว่า ที่ระบบได้ตัดอวัยวะต่างๆออกไปก่อนหน้านั้น มันแอบตัดตอนที่เขาหลับอยู่!?

“ฉันไม่ได้บอกนายหรือว่า ฉันไม่เห็นด้วย!!” ฟางหนิงโกรธแค้น

“โอ้ ที่ฉันพูดออกไป ฉันก็แค่บอกให้คุณรู้ไว้เท่านั้นเอง ฉันไม่ได้บอกนี่ว่า ฉันจะไม่ทำ ถ้าหากคุณไม่เห็นด้วย” ระบบตอบอย่างเฉยเมย ขณะที่มันนำลูกอัณฑะไปเก็บไว้ในพื้นที่การเก็บรักษาในมิติของระบบ

ฟางหนิงผู้ที่สูญเสียลูกอัณฑะไปลูกหนึ่งกำลังโกรธ เขาจึงพูดตำหนิระบบ “เฮ้ นายกำลังข้ามเส้นนะ นายเข้ามายึดร่างกายฉันไป แล้วนายยังบอกว่า นายจะดูแลร่างกายของฉันเป็นอย่างดี แต่นี่นายกลับตัดลูกอัณฑะของฉันไปแบบนี้ นายไม่กลัวว่าฉันจะกลายเป็นกระเทยหรอ?”

“ไม่ต้องกังวลไป ฉันได้วิจัยเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว การสูญเสียลูกอัณฑะไปแค่หนึ่งลูก มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนเพศชายของคุณหรอก คุณจะไม่กลายเป็นขันทีหรอกนะ!” ระบบตอบอย่างไม่ใส่ใจ

แม้ว่าฟางหนิงจะสบายใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคิดต่อไป ยังมีปัญหาอะไรอีกที่จะเป็นอันตรายกับร่างกายเขา?

เมื่อเขามองหุ่นเชิดจักรกลระดับกลางที่เพิ่งถูกอัพเกรดขึ้นมาใหม่ แววตาของเขาก็เปล่งประกาย เหมือนมีสายฟ้าผ่าลงในกลางใจเขา เขาตะโกนว่า “ไอระบบโง่เง่า! แกนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ”

ระบบตกตะลึง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขามีความกล้าที่จะดุด่ามันอย่างนี้? เขาไม่กลัวที่จะโดนมันเปลี่ยนช่วงเวลาแห่งการปลดปล่อยของเขากลายเป็นศูนย์หรือไม่? หรือถูกยึดร้านอินเตอร์เน็ตไป?

แน่นอนว่าฟางหนิงกลัวการลงโทษทั้งสองอย่างนี้ แต่อย่างไรก็ตาม เขามั่นใจในสิ่งที่เขากำลังจะถาม ระบบงี่เง่านี้ได้ลืมปัญหาสำคัญไปข้อหนึ่ง!

“มันเยี่ยมมากที่นายคิดถึงการสำรองอวัยวะไว้ แต่นายจำเป้าหมายหลักที่เราสร้างหุ่นเชิดจักรกลตัวนี้ขึ้นมาได้หรือไม่!?”

ระบบยังคงตกตะลึงเล็กน้อย และตอบอย่างช้าๆว่า “แน่นอน เพราะเราต้องการซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเรา มีคนแข็งแกร่งมากเกินไปในโลกใบนี้ ถ้าเราประมาทและหยุดพัฒนาตัวเอง เราจะตายในไม่ช้านี้”

“ก็ใช่ไง แต่นายคิดผิดตรงที่ว่า ถ้านายไม่ตัดอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับรูปร่างหน้าตาฉัน นายจะยังสามารถซ่อนตัวตนของเราได้ แต่นายไม่ได้ตระหนักถึงความสามารถที่เรียกว่า การมองเห็นแบบทะลุทะลวงหรอกหรือ? นายไม่เคยไปโรงพยาบาล และไม่เคยเห็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยเหล่านั้นเลย แต่นายอ้างอิงจากความทรงจำของฉันเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้แทน พวกมันสามารถระบุความจริงที่ว่า อวัยวะภายในของฉันหายไปอย่างล่ะชิ้น ตับสามารถงอกใหม่ได้ไม่มีปัญหา แต่อวัยวะภายในอื่นๆล่ะ!? ถ้าอุปกรณ์เหล่านี้ตรวจพบว่า ทั้งฉันและศาลเตี้ย A ต่างสูญเสียอวัยวะส่วนเดียวกัน พวกเขาจะต้องสงสัยอย่างแน่นอนว่า ทั้งฉันและศาลเตี้ย A เป็นคนๆเดียวกันใช่ไหม?”

ระบบคิดว่าการโต้แย้งของฟางหนิงดูจะเกินจริงไปหน่อย มันจึงโมโหและโต้แย้งว่า “มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก เพราะศาลเตี้ย A จะไม่มีทางไปยังสถานที่แบบนั้นอย่างเด็ดขาด! และจะไม่มีใครรู้ว่าอวัยวะภายในของเขาหายไป เพราะมันจะไม่มีทางโดนจับไปตรวจเช็คอย่างแน่นอน ตราบใดที่ศาลเตี้ย A ยังไม่ได้เปิดเผยตัวตน มันก็ไม่มีปัญหาที่คุณจะไปรับการตรวจเช็คเหล่านั้นหรือไม่”

ฟางหนิงยังไม่ยอมแพ้ เขายิ้มอย่างเย็นชาและรู้สึกว่า ในที่สุดเขาก็อาจจะแกล้งทำเป็นคนเก่งต่อหน้าระบบงี่เง่านี้ได้อีกครั้ง “นายนี่ช่างงี่เง่าจริงๆเลย นายไม่รู้หรือว่า มีผู้มีพลังพิเศษมากแค่ไหนกันในโลกใบนี้ ทำไมนายถึงไม่คิดว่า อาจจะมีใครสักคนที่มีพลังพิเศษที่สามารถมองเห็นทะลุทะลวงได้ล่ะ อย่าบอกฉันนะว่า นายจะใช้พลังงานของนายสร้างบาเรียป้องกันการมองเห็นจากพวกเขา แล้วถ้าวันหนึ่งเราต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าล่ะ นายจะปกปิดตัวตนจากเขาได้ไหม?...”

“งั้นเหรอ?” ระบบรู้สึกเสียใจในทันที มันจินตนาการถึงฉากที่ฟางหนิงบอกมา แต่ก่อนที่มันจะได้พูดอะไร ฟางหนิงก็ชี้ย้ำตรงจุดอ่อนนี้อีกครั้ง

“ฮ่า ฮ่า อย่าลืมว่าศัตรูจะมีโอกาสมากมาย ที่จะใช้การมองเห็นแบบทะลุทะลวงบนทั้งตัวฉันและศาลเตี้ย A ...”

“เอาล่ะ เอาล่ะ! ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ถ้ามีคนบังเอิญใช้การมองเห็นแบบทะลุทะลวงบนตัวเรา และพบว่าเราสูญเสียอวัยวะบางส่วนไป และใช้การมองเห็นแบบเดียวกันนี้ มองทะลุทะลวงตัวตนของศาลเตี้ย A อีก เมื่อพวกเขาพบว่าทั้งเราและศาลเตี้ย A ต่างมีอวัยภายในหายไปเหมือนๆกัน ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้สูง ที่พวกเขาจะรู้ว่าเราและศาลเตี้ย A เป็นคนๆเดียวกัน”

ในท้ายที่สุด ระบบก็พูดอย่างหดหู่

สิ่งนี้ทำให้ฟางหนิงสังเกตเห็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน ในทางเทคนิคนั้น ระบบไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้นมันจึงไม่ควรมีอารมณ์ใดๆ แล้วทำไมมันถึงต้องผิดหวังแบบนี้? หรืออาจจะเป็นเพราะว่ามันเข้ายึดร่างของเขานานเกินไป และได้รับอิทธิพลมาจากเขาอย่างช้าๆ

เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงที่ดูเศร้าสลดของมัน เขาควรจะปลอบใจระบบงี่เง่านี้ดีไหม? มันจะเป็นปัญหาได้ ถ้าหากมันเริ่มสูญเสียความตั้งใจในการใช้ชีวิตไป ...

จริงๆแล้วฟางหนิงกำลังคิดมากเกินไป กฎข้อแรกของระบบก็คือการเอาตัวรอด การสูญเสียความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่นั้น เลิกคิดไปได้เลย!

“เอาล่ะ ฉันจะเอามันกลับมาในทันที ฉันเสียเวลาไปมากกับการเรียนรู้ทักษะนี้ แต่ฉันไม่คาดคิดเลยว่า มันจะมีความเสี่ยงแบบนี้ได้ โชคดีที่ฉันได้รับคำแนะนำที่ดีจากคุณ ต่อไปในอนาคต ถ้าหากฉันจะทำอะไร ฉันจะรับฟังความเห็นของคุณก่อน” ระบบค่อนข้างผิดหวัง

“เป็นเรื่องดีที่นายยอมรับมัน” ฟางหนิงยิ้มเยาะ และแล้วเขารู้สึกถึงน้ำหนักที่คุ้นเคยตรงหว่างขาของเขา ราวกับว่ามีบางสิ่งเพิ่มเข้ามาในร่างกายของเขา ในช่วงเวลานี้ ฟางหนิงดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อเขาได้ลูกอัณฑะกลับคืนมาแล้ว!

ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงประเด็นสำคัญขึ้นมาได้ “เดี๋ยวก่อนนะ สิ่งที่นายพูดมามันผิด! นี่ไม่ใช่เรื่องที่เสียเวลาเลย ทักษะนี้อาจทำให้เราได้รับประโยชน์อย่างมาก”

“ประโยชน์อะไรบ้าง” ระบบถาม

รีวิวผู้อ่าน