px

เรื่อง : Seized by the System
ตอนที่ 17 : ได้รับความสามารถในการฆ่าผี


เมื่อระบบพูดจบ ฟางหนิงก็รู้สึกมีความกล้าขึ้นมาเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้รับรู้ความหมายที่แท้จริงจากคำพูดของระบบ ฟางหนิงก็รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง

“นายบอกว่าวิญญาณที่ล่องลอยไปมาเหล่านี้ สามารถทำให้เกิดแค่ความสับสนกับคนเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นทำไมมันถึงสามารถทำร้ายคนได้ล่ะ?”

“จากขอบเขตของวิวัฒนาการของมัน ควบคู่กับความเร็วของสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกวันนี้ แค่เพียงสองเดือนก็อาจทำให้ผีสามารถทำแบบนั้นได้ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนที่ผีจะสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้?” ระบบเดินไปข้างหน้าอย่างใจเย็น และไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากเสียงที่หลอกหลอน และสภาพแวดล้อมที่น่าหวาดกลัวเลย ถึงแม้ว่ามันจะมืดมากๆ แต่ระบบก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว

“บ้าเอ๊ย นั่นจะไม่ได้หมายถึงปัญหาที่จะตามมาในอนาคตงั้นหรอ?” ฟางหนิงอดรู้สึกกังวลขึ้นมาไม่ได้ ผีและมนุษย์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มนุษย์ยังคงได้รับการฝึกสอนและสามารถพัฒนาตัวเองได้ แต่ใครเคยได้ยินเรื่องของผีที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้กันบ้างล่ะ?

เมื่อความวุ่นวายเกิดขึ้นในอนาคต ฟางหนิงกลัวว่า ไม่เพียงแต่สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อร้านอาหารของเขาอย่างมาก แต่นิยายที่เขาอ่านและเล่นเกมออนไลน์ที่เขาเล่น ก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วยเช่นกัน เมื่อสังคมตกอยู่ในความหวาดกลัว คงไม่มีใครคิดที่จะอัปเดตนิยาย หรือดูแลเซิร์ฟเวอร์เกมของพวกเขาใช่ไหมล่ะ ...

เมื่อความคิดในการใช้ชีวิตประจำวันของเขาได้รับผลกระทบ ฟางหนิงที่กำลังขดตัวด้วยหวาดกลัวอยู่ในโรงตีเหล็ก ก็แปรเปลี่ยนเป็นความกังวลขึ้นมาแทน

เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย เขาคงไม่สนใจมากเท่าไหร่ ถ้าเขาไม่ได้อ่านนิยาย หรือหยุดเล่นเกมออนไลน์ไปซักสองสามวัน แต่ถ้านานไปมากกว่านั้นล่ะก็ เขาอาจจะต้องตายด้วยความเบื่อหน่ายอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อตอนที่เขาร่ำรวยแล้ว ระบบไม่คิดว่าฟางหนิงจะใช้จ่ายเงินเพียงจำนวนเล็กน้อย เพื่อไปซื้อไอเทมในเกมออนไลน์ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา ที่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของการใช้จ่ายเงิน เพื่อชนะในเกมออนไลน์!

แน่นอนว่าฟางหนิงรู้ข้อจำกัดของเขาดี เขารู้ดีว่า เมื่อคุณเริ่มเสพติดการใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อไอเทมภายในเกมออนไลน์แล้ว คุณจะไม่มีวันหวนกลับออกมาได้อีกครั้งอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม ฟางหนิงก็ยังสามารถควบคุมตัวเองได้อยู่ เพราะเขายังคงถูกยึดครองโดยระบบ และเขาก็คุ้นเคยกับการประหยัดเงินมานานแล้ว และในตอนนี้เขามีเงินเป็นจำนวนมาก ทำให้เขาไม่สามารถต้านทานการใช้จ่ายสักเล็กน้อยออกไปได้ ท้ายที่สุดไม่ว่าจะมากหรือน้อย มันก็ถือว่าเป็นการใช้จ่ายออกไปอยู่ดี

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฟางหนิงพบว่าตัวเองเป็นโอตาคุ ที่เริ่มเป็นกังวลเกี่ยวกับประเทศและผู้คนขึ้นมา ... เขาพบว่าตัวเองค่อนข้างตลกไปสักนิด แต่เขารู้ว่าในสังคมเช่นนี้ ความสะดวกสบายสำหรับเขานั้น มันขึ้นอยู่กับคนอื่น ‘ฉันไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีใคร...’

ในขณะที่ผีต้องเจอกับมนุษย์และระบบที่ไม่สนใจมัน ทำให้มันเริ่มกระสับกระส่าย เธอพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูน่ากลัว แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับมาก็คือ ความไม่สนใจจากคนตรงหน้า เธอโกรธมาก ‘ทำไมแกถึงไม่สนใจฉัน? แกคิดว่าฉันไม่เป็นอันตรายจริงๆงั้นหรอ!? ก่อนหน้านั้นแกเคยทำร้ายพี่ชายของฉันมา และตอนนี้แกต้องการที่จะเดินจากฉันไปอีก? ฉันจะจัดการแก ถึงแม้ว่าฉันจะขัดคำสั่งของเจ้านายก็ตาม!!’

ตอนแรกเธอไม่ได้วางแผนที่จะแสดงตัวตนของเธอ เธอเพียงแค่สร้างบรรยากาศที่ดูน่าขนลุกเท่านั้น แต่ในตอนนี้เธอเริ่มโมโหมาก เธอจึงปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา ด้วยลิ้นสีแดงที่ห้อยยาวออกมาจากปาก และเล็บยาวเหยียดที่เต็มไปด้วยเลือด

“เชี่ย!!” ฟางหนิงกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวภายในพื้นที่มิติของระบบ เขารู้สึกเหมือนได้เห็นภาพ GIF ที่น่าหวาดกลัวแทน ข้อได้เปรียบของการถูกระบบยึดครองร่างกายไปก็คือ ระบบมักจะบำรุงร่างกาย และตรวจสอบข้อบกพร่องร่างกายของเขาอยู่เสมอ จึงทำให้เขาไม่ได้ฉี่รดกางเกงเหมือนเมื่อก่อน และอัตราการเต้นหัวใจของเขาก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย ถ้านี่ไม่ใช่ระบบล่ะก็ เขาสงสัยว่า จะมีมนุษย์คนไหนที่สามารถอยู่รอดในสถานการณ์ที่น่าตกใจอย่างนี้ได้

“ออกไปให้พ้นๆหน้าฉันซะ!” ระบบกำลังจะหมดความอดทน มันสามารถยอมรับการมีเสียงเอฟเฟคที่น่าขนลุกของผีได้ แต่ในตอนนี้ ผีตัวนี้กลับพยายามปิดกั้นเส้นทางของมัน แม้ว่าจริงๆแล้วผีจะไม่สามารถหยุดมันได้ก็ตาม แต่การที่มุมมองของมันโดนผีบดปังอยู่ มันจึงรู้สึกรำคาญเป็นอย่างมาก

ด้วยการโบกมือเพียงเล็กน้อย ระบบจึงส่งเปลวไฟรูปมังกรยาวเหยียดบินไปทางผี!

“อ๊าก!! อ๊าก!!!” ผีบินขึ้นไปบนท้องฟ้า มันครวญครางดังกว่าฟางหนิงกรีดร้องในก่อนหน้านี้นับสิบเท่า ในที่สุดเสียงครวญครางของมัน ก็ค่อยๆจางหายไปในอากาศ

ในทันใดนั้น ผีและบรรยากาศที่น่าขนลุกก็จางหายไป ทำให้ถนนกลับสู่สภาวะปกติอีกครั้ง แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาอย่างอบอุ่น และยังมีบางคนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการออกกำลังกายในยามเช้าอยู่ ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว

ฟางหนิงซึ่งกำลังคดตัวอยู่ในพื้นที่มิติของระบบ ได้ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพื่อดูการแจ้งเตือนใหม่ที่เข้ามา ในเวลาปกติ เขามักจะไม่ค่อยสนใจการแจ้งเตือนที่ปรากฏขึ้นสักเท่าไหร่ แต่ด้วยการปรากฏตัวของศัตรูใหม่ที่เป็นผีแบบนี้ เขาจึงไม่อาจพลาดการแจ้งเตือนเหล่านี้ได้อีกต่อไป

[ผีผู้หญิงที่ชื่อซูซานเหม่ย พยายามโจมตีระบบด้วยกายคู่(ร่างอวตาร)]

[ระบบได้ใช้ทักษะลับ ‘หมัดมังกรไฟสวรรค์’ โจมตีใส่ผี ทำให้ค่าความโกรธหมดลงไปหนึ่งแถบ ค่าความโกรธแถบที่สามเหลือ 0 หน่วย ค่าความโกรธแถบที่หนึ่ง และสองยังคงเต็ม 100 หน่วย]

[ผีหญิงซูซานเหม่ยกำลังทรมานเมื่อถูกโจมตีด้วยพลังหยาง และถูกปราบปรามด้วยหมัดมังกรไฟสวรรค์ ทักษะนี้ไม่สนใจพลังป้องกันของเป้าหมาย!]

[ผีหญิงซูซานเหม่ยได้รับความเสียหาย 1400 หน่วย]

[กายคู่ของผีหญิงซูซานเหม่ยถูกแผดเผาจนหมดสิ้น ร่างหลักได้รับความเสียหายจากการโจมตีที่รุนแรง ระบบได้รับ 50 EXP และเหลืออีก 63455 EXP จะอัพเป็นเลเวล 11]

ได้รับเพียงแค่ 50 EXP!? ไม่น่าแปลกใจเลยที่ระบบลังเลที่จะโจมตีผี เพราะมันไม่อยากจะเสียเวลาอันมีค่าของมันไปกับค่า EXP ที่น้อยนิดแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ฟางหนิงยังคงรู้สึกสับสนอยู่เล็กน้อย

“เฮ้ ระบบ ทำไมนายถึงต้องใช้ค่าความโกรธไปตั้งหนึ่งแถบ เพื่อจัดการกับผีด้วยล่ะ? ฉันคิดว่านายจะเก็บทักษะลับไว้ใช้กับศัตรูตัวฉกาจที่จะปรากฏตัวขึ้น หลังจากที่เราหลอมอาวุธสวรรค์เสร็จสิ้นซะอีก?”

เขารู้ว่าแถบค่าความโกรธที่สามเกือบที่จะเต็มหลอดอยู่แล้ว และหลังจากไล่ล่าลู่วเอ้อเป็นเวลาสี่ชั่วโมงในก่อนหน้านี้ แถบค่าความโกรธที่สามก็ถูกเติมเต็มอย่างสมบูรณ์

“โอ้ คุณสามารถได้รับค่าความโกรธจากการยั่วยุผู้คนได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจที่จะลองทดสอบทักษะลับของฉันเสียหน่อย และการใช้ทักษะปกติเพื่อเอาชนะผีหญิงตนนั้น คงไม่เพียงพอที่จะสอนบทเรียนให้กับเธอได้ แต่น่าเศร้าตรงที่ว่าค่า EXP ที่ได้รับจากเธอนั้น มันน้อยมาก ดังนั้นนี่จึงน่าจะเป็นเพียงร่างหุ่นเชิดเท่านั้น”

‘ฉันจำเป็นที่จะต้องยั่วยุผู้คนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่านายต้องการค่าความโกรธหรือไม่งั้นสินะ?’ แน่นอนว่าฟางหนิงคงไม่พูดออกมาดังๆ เขาจะไม่ดูถูกดูแคลนระบบอีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อตอนที่สัตว์ประหลาด และปีศาจทุกชนิดปรากฏตัวขึ้นมาแบบนี้ เขาต้องไม่ทำอะไรที่รีบร้อนมากเกินไปนัก

ตอนนี้ฟางหนิงก็ได้เข้าใจแล้วว่า ก่อนหน้านี้ทำไมระบบจึงต้องจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนอย่างหนักมากขนาดนี้ หากตอนนี้ระบบยังไม่เลเวล 10 มันก็คงไม่สามารถใช้ทักษะลับออกมาได้ และหากปราศจากทักษะลับ เหล่าวิญญาณภูตผีคงจะไม่พ่ายแพ้ไปอย่างง่ายดาย และคงเป็นพวกเขาที่ถูกทำให้เป็นหุ่นเชิดแทน ระบบอาจไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันอาจจะทำให้ฟางหนิงเสียสติได้ ถ้าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นมาจริงๆ

“ไม่ว่าจะเป็นหุ่นเชิดหรืออะไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉันเลยสักนิด แต่อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็มีความอุ่นใจมากขึ้น ดังนั้นถ้าหากนายมีสิ่งใดที่นายต้องการให้ฉันทำ นายเพียงแค่บอกฉันมาเลย” ในที่สุดฟางหนิงก็พูดออกมาด้วยความสบายใจ และไร้ความหวาดกลัว ระบบจัดการกับผีที่น่าหวาดกลัว ด้วยการโบกมือเพียงเล็กน้อย ดังนั้นฟางหนิงจึงไม่มีอะไรที่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป

“มีอยู่เรื่องหนึ่ง ด้วยการที่เราจัดการลู่วเอ้อไปในก่อนหน้านี้ ดังนั้นตอนนี้เราจึงมีค่า EXP เพียงพอที่จะเสริมความสามารถพิเศษให้กับอาวุธสวรรค์ได้แล้ว คุณคิดว่าฟังก์ชั่นแบบไหนที่จะดึงดูดอาชญากรมากที่สุด?” ระบบถามออกมาโดยไม่ลังเลใจแม้แต่นิดเดียว

ฟางหนิงคาดว่า ระบบจะมีคำถามเช่นนี้ในไม่ช้าก็เร็ว เขาจึงได้คิดถึงเรื่องนี้เอาไว้นานแล้ว ดังนั้นเขาจึงตอบระบบกลับไปในทันที “แน่นอนว่า มันจะต้องเป็นความสามารถในการรักษาความเยาว์วัย และความเป็นอมตะ อาชญากรที่ถูกปลุกพลังพิเศษให้ตื่นขึ้นมา คนเหล่านี้จะต้องมีความกล้าหาญในการปีนขึ้นไปยังจุดสูงสุดของโลกอาชญากรรม สำหรับคนเหล่านี้แล้ว พวกเขาสามารถหาเงิน และสาวงามมาได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม ความเป็นอมตะ และความเยาว์วัยนั้น เป็นสองสิ่งที่มนุษย์มักปรารถนาอยู่เสมอ ประเทศทางตะวันตกมีเรื่องเล่าของน้ำพุที่คงความเยาว์วัย ประเทศทางตะวันออกมีตำนานของสมุนไพรที่จะทำให้ผู้คนเป็นอมตะ นายคิดว่าสิ่งที่ฉันพูดถูกต้องไหม?”

“คุณพูดถูกต้องแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การสร้างความสามารถทั้งสองอย่างนี้ ต้องใช้ค่า EXP จำนวนมาก ซึ่งฉันไม่มีค่า EXP มากมายขนาดนั้น ดังนั้นคุณต้องลดความต้องการของคุณลงมาหน่อย”

“ถ้าอย่างนั้น คงเป็นความสามารถเช่น อายุยืนยาวและยืดอายุไข หรืออะไรที่สามารถมอบพลังอันยิ่งใหญ่เท่านั้น ที่จะสามารถดึงดูดผู้คนได้”

“นั่นเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก แต่เราไม่สามารถมอบพลังที่ยิ่งใหญ่ให้กับพวกเขาได้นะ”

“แน่นอน ถ้าพลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นมา มันก็ไม่มีประโยชน์ที่เราจะต้องมาสร้างอาวุธสวรรค์กันอีกต่อไป”

“เอาล่ะ งั้นฉันจะเสริมความสามารถพิเศษอายุยืนยาวให้กับอาวุธสวรรค์ภายในไม่กี่วันนี้ คุณคิดว่าลักษณะของอาวุธสวรรค์ควรจะเป็นอะไร จึงจะทำให้ดูน่าสนใจมากที่สุด”

“เราต้องคิดถึงความเป็นจริงที่ว่า เราต้องการดึงดูดสัตว์ประหลาดจากทั่วทุกมุมโลก ดังนั้นมันจะเป็นการดีที่สุด ถ้าเราจะรวมองค์ประกอบของตะวันตก และตะวันออกเข้าด้วยกัน ทองคำถูกมองว่าเป็นสมบัติมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราก็ทำให้เป็นทองก็แล้วกัน ...” ฟางหนิงแนะนำ

“ตกลง ฉันจะบันทึกเอาไว้ก่อน”

......

“อะไรนะ? ศาลเตี้ย A สามารถทำลายร่างอวตารของเธอด้วยการใช้ทักษะโจมตีเพียงครั้งเดียว? และตอนนี้แม้แต่ร่างที่แท้จริงของเธอก็เริ่มพังทลาย?” ในย่านที่อยู่อาศัยที่แสนมืดมนและน่าหวาดกลัวบางแห่ง มีชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าที่น่ากลัว กำลังพูดกับขี้เถ้าในโกศ

“ค่ะ นายท่าน เขาทรงพลังมากเกินไป ฉันไม่เคยเห็นทักษะเช่นนั้นมาก่อน และดูเหมือนว่าทักษะนั้นจะมีประสิทธิภาพอย่างมากต่อภูตผีและวิญญาณ มันเป็นทักษะที่ไม่มีทางหลบเลี่ยงได้เลยค่ะ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งตอบอย่างอ่อนแรงจากภายในโกศ

“บัดซบเอ๊ย!! เฟิงเหยาให้ข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือแก่ฉัน เขาบอกฉันว่า ศาลเตี้ย A เป็นเพียงจอมยุทธ์ที่มีศักยภาพจำกัด และมีระดับพลังเพียงแค่ระดับ F เท่านั้น เชี่ยเอ๊ย!! ฉันสูญเสียเงิน 200000 หยวนไปเพื่ออะไรกัน!” ชายที่ดูน่ากลัวถ่มน้ำลายลงพื้นด้วยความโกรธ ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ และเริ่มสอบสวนผีสาวขึ้นมาทันที “ฉันเพียงแค่สั่งให้เธอแอบตามเขาไปเท่านั้น ทำไมมันถึงเกิดการต่อสู้ขึ้นมาได้ล่ะ?”

ผีสาวลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบออกไป “ฉันคิดว่าในเมื่อนายท่านต้องการรับเขาเข้ามา ดังนั้นฉันเลยคิดว่าจะทดสอบทักษะของเขาดูเล็กน้อย...”

“ใครบอกให้เธอทำตามอำเภอใจกัน?!” ชายคนนั้นตำหนิเธอทันที ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ “ฉันจะรักษาบาดแผลของเธอ หลังจากผ่านพ้นไปสามวันแล้ว ดังนั้นตอนนี้เธอก็จงสนุกกับความเจ็บปวดเหล่านั้นไปซะ!”

“ไม่นะ นายท่าน ฉันไม่คิดว่าจะสามารถทนได้นานขนาดนั้น” เสียงผู้หญิงร่ำไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างที่แท้จริงของเธอกำลังประสบกับความเจ็บปวดสาหัส ราวกับว่าเธอกำลังผ่าตัดโดยไม่ใช้ยาสลบ เธอไม่ต้องการที่จะทนต่อความเจ็บปวดแม้แต่วินาทีเดียว

“เหอะ! เธอสมควรได้รับมันแล้ว! เธอไม่ควรทำสิ่งต่างๆตามใจตัวเอง ฉันจะย้ำอีกครั้งว่า ฉันเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่สามารถทำให้เธอมีชีวิตอยู่ได้ หัดจำเอาไว้ให้ดีด้วยล่ะ” ชายที่ดูน่าหวาดกลัวเยาะเย้ยออกมา เขาปกคลุมโกศอีกครั้ง แล้วใส่ลงในกล่องที่ทำจากไม้จันทน์

เสียงคร่ำครวญของผู้หญิงไม่สามารถได้ยินอีกต่อไป แต่ชายที่ดูน่ากลัวคนนั้นก็ยังคงขมวดคิ้วอยู่

รีวิวผู้อ่าน