px

เรื่อง : ขยะแห่งตระกูลเคานต์ (Trash of the Count s family)
บทที่ 29 เจ้า 4


บทที่ 29 เจ้า 4

 

ขบวนรถม้าของคาร์ลมุ่งหน้าไปยังทิศใต้ของเมือง ‘ฮูอิส’ซึ่งเป็นชื่อของเมืองหลวงแห่งอาณาจักรโรมัน ในตอนนี้ชาวเมืองต่างยุ่งกับการเตรียมความพร้อมเพื่อให้ทันงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมายุของพระราชาที่กำลังจะเกิดขึ้น

 

คาร์ลมองลอดผ่านม่านที่ยกขึ้นเล็กน้อยและเริ่มคิด

 

‘เชวฮันควรจะมาถึงที่นี่ภายใน3วัน’

 

เว้นเสียแต่ว่าเขาจะเดินทางราวกับคนบ้าระห่ำถึงจะมาถึงที่นี่ได้แต่เขาก็ควรใช้เวลาอย่างน้อย 3วัน เขาจะมาพร้อมกับโรสลินและได้เข้าช่วยเหลือล็อกจากนักฆ่าขององค์กรลับได้ซึ่งล็อกได้รับบาดเจ็บจนส่งผลให้การเดินทางล่าช้าลง

 

ในนิยายได้กล่าวว่าเชวฮันได้พบกับล็อกผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินและเขายังเป็นทายาทของราชาหมาป่าอีกด้วย ก่อนที่จะปะทะกับคนจากองค์กรลับก่อนที่จะได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับองค์กรลับอีกครั้งในเหตุการณ์ก่อการร้ายในเมืองหลวง

 

หมู่บ้านแฮร์ริสที่เป็นดั่งบ้านหลังที่สองของเชวฮันที่อยู่ด้านนอกของป่าแห่งความมืดได้ถูกกลุ่มคนจากองค์กรลับฆ่าเกือบทุกคนในหมู่บ้าน เขามีโอกาสได้พบพวกมันถึงสองครั้งแต่ก็ยังไม่มีข้อมูลมากพอ

 

‘เหล่านักฆ่าไม่ได้มีดาวประดับบนเสื้อผ้าของพวกเขา’

 

เมื่อการลอบสังหารชาวบ้านในหมู่บ้านแฮร์ริสและเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินคือเป้าหมายขององค์กรลับพวกมันได้ส่งนักฆ่าเข้ามาโดยสวมชุดสีดำซึ่งไม่มีดาวประดับไว้บนเสื้อหากมีบางอย่างผิดพลาดพวกมันก็พร้อมจะจบชีวิตลงหากถูกจับได้

 

แต่สิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนจะถูกเริ่มต้นที่เมืองหลวง

 

‘กลุ่มคนที่รักในความถูกต้องจะปรากฏตัวขึ้น’

 

ในขณะที่โรสลินพยายามป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ก่อการร้ายเกิดขึ้น เชวฮันก็ได้ติดต่อกับผู้นำขององค์กรลับซึ่งผู้นำและผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนล้วนมีดาวสีแดงและดาวสีขาวล้อมรอบประดับที่หน้าอกบนเสื้อของพวกเขา คาร์ลได้ทำให้เชวฮันรู้จักเครื่องแต่งกายนี้ได้เป็นอย่างดีเมื่อครั้งที่พวกเขาได้เข้าไปช่วยมังกรดำนั่น

 

เมื่อคาร์ลเริ่มมองเห็นแต่ความว่างเปล่าบริเวณภายนอกรถม้าเขาจึงปิดม่านลง

 

ชาวเมืองที่กำลังมีความสุขและเพลิดเพลินกับการประดับประดาท้องถนนให้มีความสวยงามก่อนที่มันทั้งหมดจะกลายเป็นสถานที่แห่งความสิ้นหวังในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า

 

“นายน้อยเทย์เลอร์”

 

ตอนนี้พวกเขาอยู่ทางตอนใต้ของเมืองหลวงฮูอิสซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพักเหล่าขุนนาง รถม้าของคาร์ลหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งก่อนที่คาร์ลจะลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวที่จะออกไปจากรถม้า

 

“รอนจะเป็นคนดูแลพวกท่านเมื่อเรามาถึงที่พักแล้ว....พวกท่านเพียงแค่ออกไปทางนั้น....”

 

คาร์ลจ้องไปที่ประตูรถม้าและเอ่ยต่อ

 

“จงลืมทุกสิ่ง....”

 

เขาได้ยินเสียงพึมพำจากเทย์เลอร์และเคจจากทางด้านหลังของเขา

 

“ขอบคุณท่านมาก.....”

 

“หวังว่าจะได้เห็นท่านอีกครั้งในบรรยากาศที่สนุกสนานกว่านี้”

 

คาร์ลเริ่มยิ้มออกมา เคจและเทย์เลอร์ยังคงมองมาที่เขาอยู่แต่คาร์ลและลูกแมวทั้งสองกลับไม่ได้ให้ความสนใจกับคนทั้งสอง

 

คลิ๊ก!

 

ประตูรถม้าถูกเปิดออกช้าๆ

 

“นายน้อย....พวกเรามาถึงแล้วขอรับ”

 

คาร์ล ฮันส์และลูกแมวทั้งสองสามารถเห็นเคจและเทย์เลอร์ได้แต่พวกเขาไม่ได้มองมาที่สองคนนี้พวกเขาแสร้งทำเป็นว่าทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในรถม้าคันนี้ก่อนที่คาร์ลและลูกแมวทั้งสองจะพากันลุกออกมาจากรถม้าทันที

 

คาร์ลหันหน้าไปยังที่นั่งข้างคนขับทันทีเมื่อก้าวออกจากรถม้าแล้ว รอนยังคงมีรอยยิ้มอันอ่อนโยนประดับบนใบหน้าของเขาพลางก้มศีรษะให้แก่คาร์ล รอนผู้ที่ได้ฟังเรื่องราวจากรองพ่อบ้านฮันส์จะเป็นคนจัดการในส่วนที่เหลือ เขามุ่งหน้าไปกับคนขับรถม้าเพื่อหาที่จอดรถม้าตามคำสั่งของคาร์ล

 

คาร์ลไม่ได้ให้ความสำคัญกับรถม้าอีกต่อไปก่อนจะหันไปมองรอบๆ

 

“โอ้.....”

 

จากนั้นเขาก็ปล่อยให้ตัวเองตะลึงอ้าปากค้างด้วยความชื่นชมกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าซึ่งดูเหมือนว่าลูกแมวทั้งสองก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกันเมื่อเห็นดวงตาสีทองที่กำลังเต้นระยับของพวกมันทั้งคู่

 

“......มันดีกว่าที่ข้าคาดไว้นัก”

 

ท่านเคานต์นับว่าเป็นมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่ง ประตูเหล็กขนาดใหญ่ล้อมรอบบ้านห้าชั้นเอาไว้ มีสวนขนาดใหญ่อยู่ระหว่างประตูและตัวบ้าน มันไม่ได้ดูมีสีสันหรือสว่างไสวแต่มันกลับดูมีราคาแพงมากกว่าบ้านหลังอื่นที่อยู่ใกล้เคียง

 

มันมีกลิ่นอายและรูปลักษณ์ของสิ่งปลูกสร้างที่ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างมันขึ้นมา ตรงใจกลางของผนังบ้านมีรูปปั้นเต่าสีทองซึ่งเป็นตราประจำตระกูลประดับไว้

 

แอ๊ดดดดดด!

 

ประตูเหล็กบานใหญ่ที่มีตราประจำตระกูลเต่าสีทองประดับไว้เช่นกันค่อยๆเปิดออก เหล่าทหารยามเฝ้าประตู พ่อบ้านและข้ารับใช้ทุกคนต่างยืนเรียงแถวรอต้อนรับคาร์ล

 

“ยินดีต้อนรับนายน้อย คาร์ล เฮนิตัสเข้าสู่เมืองหลวงขอรับ”

 

นี่คือคำทักทายที่มีความเคารพคาร์ลอย่างสูง พวกเขาก้มศีรษะลงต่ำจนแทบติดพื้นดิน ชายชราที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าที่จะคอยดูแลพวกเขาได้กล่าวด้วยเสียงอันดังจนคาร์ลกลัวว่าเส้นเสียงของเขาอาจแตกได้

 

“เราจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อรับใช้นายน้อยขอรับ!..”

 

‘ทำไมพวกเขาชอบทำอะไรแบบนี้นักนะ’

 

คาร์ลมองไปที่ฮันส์ผู้ที่กำลังแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

 

‘เขารู้ดีเชียวล่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้น’

 

ฮันส์ต้องรู้เหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงต้องทำอะไรเอิกเกริกเช่นนี้และคาร์ลก็พบว่ามันออกจะน่ารำคาญหากจะต้องเอ่ยถามฮันส์เช่นกัน คาร์ลเดินเข้าไปใกล้ชายชราที่เขาคาดว่าเป็นหัวหน้าที่จะคอยดูแลและช่วยเหลือพวกตนเมื่อพักอยู่ที่นี่ จากนั้นก็มองไปที่คนอื่นๆและเริ่มพูด

 

“พวกเจ้ายกศีรษะขึ้นได้แล้ว”

 

ข้ารับใช้ทั้งหมดยกศีรษะขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่เคยพบคาร์ลมาก่อนตั้งแต่ทำงานอยู่ที่นี่แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ได้ยินเรื่องราวจากคนที่มาจากคฤหาสน์เฮนิตัสอยู่เสมอ

 

‘ขยะไร้ค่าคาร์ล เฮนิตัส’ ข้ารับใช้ได้ยินมาว่าคาร์ลถือว่าคนที่ทำงานในคฤหาสน์เฮนิตัสล้วนเป็นเพียงขี้ข้าและไร้ประโยชน์ บางครั้งคาร์ลก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อพวกเขาเฉกเช่นมนุษย์ นั่นทำให้พวกเขาเป็นกังวลว่าคาร์ลจะกล่าวอะไรและสั่งให้พวกเขาทำอะไรต่อไป

 

“ไม่จำเป็นต้องทำความเคารพข้าเช่นนี้อีกในอนาคต...ข้าไม่ชอบที่จะทำให้มันเป็นปัญหากับคนที่ทำงานได้ดี”

 

เหล่าข้ารับใช้ยังคงจ้องไปที่คาร์ล เขามองไปที่ข้ารับใช้ที่ยังคงตัวแข็งค้างก่อนที่จะเริ่มขมวดคิ้วมุ่น

 

“ข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าคือคนที่ท่านแม่เป็นคนเลือกเองกับมือ...ท่านบอกกับข้าว่าพวกเจ้ามีความภูมิใจกับงานที่ทำดังนั้นข้าแน่ใจว่าพวกเจ้าจะสามารถทำมันออกมาได้ดี”

 

เหล่าข้ารับใช้ยังคงมีท่าทางประหลาดใจ

 

“จงถามฮันส์...หากพวกเจ้ามีข้อสงสัยใดๆ”

 

นี่ก็เพียงพอแล้วสำหรับสิ่งที่เขาต้องทำดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่ฮันส์ ทั้งยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องสนใจมันมากนักเมื่อเขาก็ต้องเดินทางออกจากที่นี่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คาร์ลมองไปยังเหล่าข้ารับใช้ที่มีท่าทีที่ดีขึ้นเล็กน้อยและเริ่มออกเดิน

 

“ไปกันเถอะ”

 

คาร์ลเดินนำหน้าพวกเขามุ่งหน้าไปยังบ้านห้าชั้น เมื่อเจ้าของบ้านได้เข้าบ้านเป็นครั้งแรกพวกเขาจำเป็นต้องเดินจากประตูรั้วไปยังประตูบ้านเอง นี่คือธรรมเนียมปฏิบัติของที่นี่

 

เมื่อองค์ชายรัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระราชา...องค์ชายรัชทายาท..ไม่สิ....พระราชาจะเสด็จดำเนินจากประตูปราสาทไปยังใจกลางพระราชวังซึ่งเป็นที่ตั้งของพระที่นั่งของพระองค์เอง และมันคงเป็นตรรกะที่คล้ายๆกันนั่นสินะ

 

ท่านเคาน์เดอรัชและเคานต์เตสวิโอแลนก็ได้เดินเข้าบ้านหลังนี้เช่นนี้มาก่อนและในตอนนี้คาร์ลก็เป็นเจ้าของบ้านหลังใหญ่นี้เช่นกันจึงต้องปฏิบัติให้เป็นแนวทางเดียวกัน

 

แอ๊ด! ปัง!

 

เสียงประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่มีตรารูปเต่าสีทองได้ปิดลงพร้อมๆกับที่คาร์ลได้เดินออกไป

 

ในเวลาเดียวกันนั้น โดยปกติจะมีสายข่าวเพื่อรายงานข่าวภายในเมืองหลวงให้ทราบ เหล่าขุนนางที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมดจะได้ทราบข่าวการเดินทางมาถึงของตัวแทนตระกูลเฮนิตัส เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมันเร็วกว่าคนที่คาร์ลส่งไปยังพระราชวังเพื่อแจ้งให้องค์ชายรัชทายาททราบว่าเขาได้เดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้วเสียอีก

 

นั่นเป็นเหตุผลที่คนสามคนที่เป็นกลุ่มขุนนางจากฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มกังวล พวกเขาเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดในขณะที่ดื่มชาด้วยกัน

 

“เฮ้อ.....จริงๆแล้วมันควรจะเป็นนายน้อยบาเซ็นแต่กลับกลายเป็นนายน้อยคาร์ลเสียนี่...นี่มันจะทำให้เป็นปัญหาที่ยุ่งยากแน่ๆ ”

 

“แต่เราจำเป็นต้องพาเขาไปเพราะเขาเป็นหนึ่งในคณะของพวกเรานี่สิ”

 

“ถูกต้อง...ข้าต้องมั่นใจว่าการทำตัวเช่นขยะจะไม่ปรากฏต่อหน้าพวกเราใช่หรือไม่?”

 

ตระกูลเฮนิตัสนับเป็นตระกูลที่เป็นกลางและวางตัวดีแต่กลับไม่เลือกคนที่เหมาะสมเช่นบาเซ็น พวกเขากลับเลือกขยะไร้ค่าประจำตระกูลเช่นคาร์ล เฮนิตัสมาเป็นตัวแทนในครั้งนี้ ขุนนางทั้งสามคนนี้เป็นตระกูลที่ใกล้ชิดกับตระกูลเฮนิตัสมากกว่าตระกูลชั้นสูงคนอื่นๆที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ พวกเขาจำเป็นที่ต้องตัดสินใจเพื่อความเหมาะสมสำหรับอนาคตของพวกเขาเอง

 

“เราต้องทำการปกป้องเขาและป้องกันไม่ให้เขาทำอะไรโง่ๆออกมา เราต้องนัดเจอกับเขาเป็นครั้งแรกแล้วพูดคุยกับเขาแล้วล่ะ”

 

พวกเขาทั้งสามคิดว่าคาร์ลเป็นเพียงเด็กวัยหัดเดินที่ต้องเดินผ่านน้ำและนั่นทำให้เขาต้องการการปกป้องจากพวกตน เช่นเดียวกับที่คาร์ลก็ยังเป็นตัวอันตรายและสามารถทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้เช่นกันดังนั้นพวกเขาจึงส่งจดหมายเชิญคาร์ลไปยังบ้านของเขาภายในเย็นวันนั้นทันที

 

“เฮ้อ......”

 

คาร์ลโยนจดหมายลงบนโต๊ะด้วยความหงุดหงิด

 

“.....นายน้อยจะไม่ไปหรือขอรับ?”

 

“ข้าไม่ไปก็ได้งั้นหรือ?”

 

“ไม่ได้ขอรับ...มันเป็นการพบกันครั้งแรกของนายน้อยกับเหล่าขุนนางทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือนะขอรับ”

 

“ข้ารู้แล้วล่ะน่า....”

 

ในเมื่อขุนนางพวกนี้ได้รับข้อมูลของคาร์ลในเวลาที่รวดเร็ว เขาก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ฮันส์ยื่นเอกสารที่ได้รับจากหัวหน้าผู้ดูแลบ้านหลังนี้ให้แก่คาร์ล

 

“นี่คือรายชื่อของขุนนางที่อยู่เมืองหลวงในตอนนี้ขอรับ”

 

“อืม....ดีมาก....แล้วรอนจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อยดีหรือไม่?”

 

ฮันส์ตอบรับคำถามของคาร์ลเพียงสั้นๆ

 

“ขอรับ...”

 

คาร์ลพอใจกับคำตอบนั้นเขาได้เตรียมการทุกอย่างให้แก่เทย์เลอร์เป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นวิกผม เสื้อคลุม รถเข็นสำหรับคนพิการที่ไม่มีตราประจำตระกูลสแตนหรือแม้แต่เงินจำนวนหนึ่ง เขาให้ทุกอย่างที่เหมาะสมกับความจำเป็นต่อเทย์เลอร์ไม่ใช่เพียงแค่ให้เงินเท่านั้นและฮันส์เป็นคนดำเนินการจัดหาทุกสิ่งเหล่านี้ไปให้แก่เทย์เลอร์

 

“เจ้าทำงานได้ยอดเยี่ยมมาก....พักผ่อนเสียบ้างนะฮันส์”

 

“ขอรับ...กระผมจะหาเวลาพักผ่อนให้ได้นะขอรับนายน้อย”

 

ฮันส์ไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมรับว่าเขารู้สึกดีเมื่อได้รับคำแนะนำให้พักผ่อนบ้าง ก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าฮันส์กำลังจะออกจากห้องไป

 

“อ่า....ให้พวกเขาจัดเตรียมอาหารมาให้ข้ากินที่ห้องด้วยล่ะ”

 

“ได้...กระผมจะจัดการให้เรียบร้อยขอรับ”

 

ฮันส์ดำเนินการตามคำสั่งของคาร์ลได้อย่างรวดเร็วเมื่อเขาแจ้งความต้องการว่าจะไม่ออกไปทานที่ห้องอาหาร ใช้เวลาไม่นานห้องของคาร์ลก็เต็มไปด้วยงานเลี้ยงขนาดย่อมๆ คาร์ลมองไปที่จานอาหารที่ประกอบไปด้วยเนื้อ ขนมหวานต่างๆและแม้กระทั่งไวน์ เขายิ้มออกมาด้วยความพอใจก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังระเบียบห้อง ห้องของเขาอยู่บนชั้นสาม มันเป็นห้องที่รับแสงแดดได้มากที่สุด เขาเปิดหน้าต่างบานใหญ่ออกและเดินไปที่ระเบียงพร้อมกับเอ่ยขึ้น

 

“เข้ามาได้.....”

 

เขายังคงเปิดหน้าต่างบานใหญ่ทิ้งไว้และนั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะ ผ่านไปชั่วครู่คาร์ลก็มองเห็นใบไม้คู่หนึ่งลอยอยู่บนท้องฟ้าและหยุดลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับคาร์ล

 

มังกรดำเข้ามาให้ห้องด้วยใบไม้สองใบที่ติดมาบนตัวของมัน

 

ออนและฮงนั่งอยู่บนเก้าอี้ทางด้านซ้ายและทางด้านขวาเป็นมังกรดำที่ยังคงใช้เวทย์ล่องหนอยู่

 

คาร์ลจ้องมองไปที่พวกมันทั้งสามก่อนเปิดขวดไวน์ออกพร้อมกับเอ่ยปากให้พวกมันเริ่มกินอาหารได้

 

“เอาสิ....กินเลย”

 

ไวน์แดงถูกเทลงเต็มแก้ว

 

“เจ้าจัดหาวัตถุดิบมาให้แก่พวกข้า....แต่เจ้ายังไม่เคยได้กินมันเลย”

 

คาร์ลยกแก้วไวน์จ่อไปที่ริมฝีปากของตนและเอ่ยต่ออย่างรวดเร็ว

 

“ข้าแน่ใจว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะติดตามพวกเรา”

 

ทันใดนั้นมังกรดำก็คลายเวทย์ล่องหนและปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา ออนช่วยหยิบใบไม้ที่ติดอยู่บนตัวของมังกรออกในขณะที่ฮงก็ยัดสเต็กชิ้นใหญ่ที่ถูกปรุงด้วยฝีมือบารอคเข้าไปในปากของมังกรทันที

 

อายุเฉลี่ยของพวกมันทั้งสามอยู่ที่ 7 ปี คาร์ลมองดูสัตว์ทั้งสามตัวกินอาหารก่อนจะเลื่อนจานอาหารไปไว้ตรงหน้าของพวกมันเพิ่มขึ้น เมื่อเห็นว่าคาร์ลทำดีด้วยลูกแมวทั้งสองต่างก็สะดุ้งสุดตัวส่วนมังกรก็หยุดเคี้ยวอาหารและเพิ่งเริ่มสังเกตคาร์ล

 

คาร์ลเริ่มจิบไวน์อีกครั้งและเริ่มคิด

 

‘พวกมันจะต้องทำงานอย่างหนักในอนาคต’

 

เนื่องจากพวกมันจะต้องทำงานในนามของเขาอย่างน้อยเขาก็สามารถจัดหาอาหารดีๆให้แก่พวกมัน บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันยังเด็กกันอยู่ คาร์ลสามารถผ่อนคลายได้เป็นครั้งแรกในระยะเวลาอันยาวนานแม้กระทั่งจะต้องอยู่กับสิ่งที่แข็งแกร่งกว่าอายุของมันก็ตาม

 

“มันจะเป็นสิ่งที่ดีมากถ้ามันยังคงเป็นเช่นนี้”

 

บ้านหลังขนาดพอเหมะ อาหารสุดแสนอร่อยและเวลาแห่งการผ่อนคลาย คาร์ลกำลังนึกถึงวิธีที่จะทำให้ชีวิตของเขาอยู่กับทั้งสามสิ่งนี้ได้ตลอดไปเป้าหมายของเขาคือการใช้ชีวิตเช่นนี้เมื่อบาเซ็นได้กลายเป็นผู้นำตระกูลแทนเขาอย่างเป็นทางการเขาเริ่มที่จะตัดสินใจในเรื่องนี้อีกครั้ง จากนั้นเขาก็เปิดกล่องดนตรีเวทย์ที่อยู่มุมห้องขึ้น

 

เสียงเพลงที่เขาไม่คุ้นเคยดังขึ้นทั่วห้องขณะที่เขาเริ่มจิบไวน์อีกครั้ง เขามองเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว

 

“อ่า...นี่มันเยี่ยมมาก”

 

‘เพียงแค่มีชีวิตเช่นนี้....’

 

คาร์ลมีรอยยิ้มที่ผ่อนคลายบนใบหน้าของเขาและในขณะนั้นเอง......

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

มังกรดำรีบใช้เวทย์ล่องหนทันทีในขณะที่ลูกแมวทั้งสองก็แกล้งทำเป็นลูกแมวน้อยไร้พิษสงตามปกติโดยใช้อุ้งเท้าสัมผัสไปที่หน้าของพวกมันเบาๆ ก่อนที่คาร์ลจะมุ่งหน้าไปที่ประตู

 

“อ๊ะ!”

 

เคร้ง!

 

คาร์ลเผลอเอามือไปปัดขวดไวน์จนตกกระแทกพื้นเมื่อตอนที่เขาจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ขวดไวน์ตกกระแทกพื้นจนแตกเป็นชิ้นๆ พรมบนพื้นถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยไวน์ที่ไหลไปทั่วพื้นพรม

 

‘.......ฉันรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้เลย’

 

จู่ๆคาร์ลก็รู้สึกไม่ดีอย่างไม่มีเหตุผล เขารีบเดินไปยังประตูอย่างรวดเร็ว

 

‘ทำไมถึงรู้สึกว่ามันเป็นลางไม่ดีกันนะ?’

 

คาร์ลไม่สามารถคิดออกได้ว่ามันเป็นเพราะอะไร

 

‘หรือว่าจะเป็นเชวฮัน?....ไม่...มันไม่สามารถเป็นไปได้เว้นเสียแต่ว่าเขาจะเดินทางอย่างบ้าคลั่งแต่ก็ไม่มีทางที่จะมาถึงที่ในเวลารวดเร็วเช่นนี้ได้...เขาจะมาถึงที่นี่ในอีกสามวันข้างหน้าต่างหาก’

 

ไม่มีทางที่คนอย่างเชวฮันจะบังคับล็อกที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสให้เดินทางได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะมอบยาให้แก่เชวฮันไปแล้วก็ตาม แต่เผ่าหมาป่าได้รับการปฏิเสธจากเหล่าเทพเจ้าและยาก็ทำมาจากพลังแห่งสวรรค์จึงไม่มีทางที่ยาจะใช้ได้ผลกับล็อก และไม่มีทางที่โรสลินผู้ที่ระมัดระวังและรอบคอบในการซ่อนความสามารถในการใช้พลังเวทย์ของตนจะเปิดเผยมันออกมาในเวลานี้ ในนิยายได้กล่าวว่าโรสลินได้ใช้พลังเวทย์ขั้นสูงของเธอเป็นครั้งแรกเมื่อครั้งที่ส่งพวกเขาทั้งหมดเคลื่อนที่ไปยังเมืองหลวงด้วยความรวดเร็ว

 

แต่ที่สำคัญที่สุดคือคาร์ลบอกกับเชวฮันว่าเขาจะพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองหลวงและเขาจะไปพบกับเชวฮันที่นั่นสักครั้งก่อนที่จะให้รอนและบารอคออกเดินทางไปพร้อมกับเขาและปล่อยให้พวกเขาจัดการในส่วนที่เหลือต่อไป

 

‘ใช่แล้ว...ไอ้ความรู้สึกที่เป็นลางไม่ดีนี้คงเป็นผลมาจากที่มีคนอย่างเชวฮันหรือรอนอยู่ข้างๆกายฉันเป็นเวลานานเกินไปแน่ๆ’

 

คาร์ลเริ่มผ่อนคลายลงก่อนที่จะเปิดประตูออกไปอย่างแรง

 

“.....เจ้า!”

 

หัวใจของคาร์ลหล่นไปลงที่เท้าทันทีที่เปิดประตูออกไป เสียงที่รีบร้อนและหมดหวังดังขึ้นเต็มสองหูของคาร์ล

 

“....ท่านคาร์ล...ข้าขอโทษ...ท่านเป็นคนเดียวที่ข้านึกถึง”

 

เชวฮันที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาเต็มไปด้วยความหมดหวัง ดูเหมือนว่าเขาจะเร่งรีบมาที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

คาร์ลรู้สึกเหมือนว่าตนกำลังเห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของเขาถัดไปจากเชวฮันคือรองพ่อบ้านฮันส์ที่มีท่าทางเช่นเดียวกับเชวฮันเพียงแต่มีความงงงวยกับเหตุการณ์นี้ปนเข้าไปด้วย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นคาร์ลก็สามารถมองเห็นคนที่มาพร้อมกับเชวฮันที่อยู่ด้านหลังของเขาได้ นั่นทำให้เขารีบเปิดประตูให้กว้างขึ้น

 

“เข้ามาก่อน...”

 

คนที่อยู่ด้านหลังของเชวฮันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนจากเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินซึ่งก็คือ ‘ล็อก’นั่นเอง

 

“พาเขาเข้ามาพร้อมกับเจ้า...”

 

‘ล็อก’ จากเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินผู้เป็นสายเลือดของราชาหมาป่าดูเหมือนว่าเขากำลังตกอยู่สภาวะที่เป็นอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เขากำลังจะผ่านความเจ็บปวดก่อนที่จะกลายเป็นภาวะที่บ้าระห่ำนั่นคือการกลายร่างเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา คาร์ลไม่แน่ใจว่าทำไมสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้อีกหนึ่งปีตามเนื้อหาในนิยายถึงจะมาเกิดขึ้นในเวลานี้ได้

 

อย่างไรก็ตามเขาได้มองไปยังทุกคนที่อยู่ที่นี่ก่อนเอ่ยสิ่งหนึ่งออกมา

 

“....ไม่ต้องกังวล.....”

รีวิวผู้อ่าน