px

เรื่อง : ขยะแห่งตระกูลเคานต์ (Trash of the Count s family)
บทที่ 12 เอามันออกมา 5


บทที่ 12 เอามันออกมา 5 

 

แปะ! แปะ! แปะ!

 

เสียงตบเบาๆดังขึ้น แม้แต่ลูกแมวที่แข็งแรงก็สะท้านได้ พวกมันยังคงจ้องไปที่คาร์ลเท่านั้น คาร์ลคิดถึงช่วงเวลาที่ได้พบกับเชวฮันเป็นครั้งแรก ตอนนั้นลูกแมวขนสีเงินที่ได้รับบาดเจ็บส่งเสียงขู่เชวฮัน ขณะที่ลูกแมวขนสีแดงเข้มกำลังสะอื้นอยู่ข้างๆ

 

‘ลูกแมวสีเงินนี่คงเป็นพี่สาว ส่วนอีกตัวคงเป็นน้องชายสินะ’

 

คาร์ลมีรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า เขามองไปที่ลูกแมวและเริ่มพูด

 

“เดี๋ยวเราค่อยคุยกันภายหลัง.....”

 

สองพี่น้องที่ดูเหมือนจะเป็นสัตว์อสูรต่างเลี่ยงการสบสายตาจากคาร์ล ก่อนที่ฮันส์จะเอ่ยถามด้วยความสับสน

 

“.....นายน้อยพูดกับกระผมหรือขอรับ?”

 

“ไม่ใช่เจ้า!”

 

ฮันส์มองไปที่คาร์ลสลับกับมองที่ลูกแมวทั้งสองด้วยความรู้สึกสับสนยิ่งขึ้น ก่อนที่พวกมันทั้งสองตัวจะเบียดเข้าหาตัวฮันส์เหมือนมันพยายามหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่เป็นอันตรายต่อตัวพวกมัน แต่ถึงอย่างไรพวกมันก็ต้องเผชิญหน้ากับคาร์ลอีกครั้งอยู่ดี

 

“นายน้อยจะออกไปข้างนอกหรือขอรับ?”

 

“ใช่” นั่นเป็นเพราะคาร์ลเปลี่ยนชุดที่เขาใส่เมื่อเช้าและเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง

 

“นายน้อยจะไปไหนหรือขอรับ”

 

“ข้าจะไปทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคนคนหนึ่งและข้าจะไปพบเขาในวันนี้”

 

“นายน้อย รักษาสัญญาด้วยหรือขอรับ?” ฮันส์มองคาร์ลอย่างตกใจก่อนเอ่ยปากอย่างลืมตัว

 

“ดูเหมือนเจ้าจะหยาบคายไปนะ...”

 

“ขออภัยด้วยขอรับ.....” คำขอโทษจากปากรองพ่อบ้านฮันส์ถูกเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

‘เขาจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการถูกแต่งตั้งเป็นหัวหน้าพ่อบ้านรึไม่นะ? เขาดูดีมากในระหว่างที่จัดการกับปัญหาของเชวฮัน’

 

คาร์ลรู้สึกว่าฮันส์ผู้ที่กำลังลูบไล้แมวน้อยทั้งสองตัวอยู่นั้น เป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือเป็นยิ่งนัก

 

‘ฉันจะพาเขาไปยังเมืองหลวงด้วย’

 

คาร์ลกำลังนึกถึงสิ่งนี้อยู่ บางอย่างที่ฮันส์ไม่เคยคาดหวังแม้แต่ในฝันของเขา...ไม่...มันไม่ใช่สิ่งที่ฮันส์จะมาเสียใจคร่ำครวญแม้ว่าเขาจะได้เรียนรู้เรื่องนี้ในฝันของเขา ก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยถามเกี่ยวกับคนที่เขาไม่ได้เห็นมาชั่วระยะหนึ่ง

 

“รอนอยู่ที่ใด?”

 

ฮันส์มีรอยยิ้มพอใจเมื่อได้ยินคำถามนั้น

 

“กระผมได้ยินมาว่าท่านเชวฮันจะเดินทางไปคุ้มครองนายน้อยเมื่อตอนไปเยือนเมืองหลวง จริงหรือไม่ขอรับ?”

 

ฮันส์กำลังนึกถึงท่านเชวฮันผู้ซึ่งแพ้การประลองการต่อสู้กับเหล่าทหารองค์รักษ์ของท่านเคานต์ทั้งหมดในวันนี้ เขามีฝีมือดีพอที่ปกป้องคุ้มครองนายน้อยอย่างที่นายน้อยต้องการได้จริงหรือ?

 

ฮันส์และเหล่าทหารองครักษ์ไม่อาจรู้ได้ว่าเชวฮันได้ซ่อนพลังที่แท้จริงของเขาเอาไว้

 

“หัวหน้าพ่อบ้านรอนทราบว่าท่านเชวฮันจะไปเมืองหลวงกับนายน้อยด้วย เขาจึงพาท่านเชวฮันไปซื้อเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็นอื่นๆเพื่อใช้ในการเดินทางขอรับ อ่อ.....พ่อครัวบารอคก็ไปด้วยขอรับ”

 

“เช่นนั้นหรือ? โล่งอกไปที”

 

‘ดูเหมือนความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดีขึ้น’

 

มีรอยยิ้มสดใสที่หาได้ยากปรากฏขึ้นบนใบหน้าคาร์ล รอยยิ้มนั้นดูเข้ากับผมสีแดงสวยๆนั่นยิ่งนัก ฮันส์เริ่มพูดขึ้นด้วยความสุขใจเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้นของคาร์ล

 

“พ่อบ้านรอน พ่อครัวบารอค และท่านเชวฮันต่างรู้สึกตื่นเต้นดีใจยิ่งนักที่ได้เดินทางไปรับใช้นายน้อย”

 

ฮันส์สามารถมองเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วบนใบหน้าของคาร์ลเมื่อเขาเอ่ยประโยคนั้นจบลง ดูเหมือนนายน้อยจะกระหายอะไรบางอย่าง? และเขาไม่สามารถหาคำตอบได้เช่นกัน

 

ทั้งสองคนเดินออกนอกประตูใหญ่อีกครั้ง ขณะที่คาร์ลจะก้าวขึ้นรถม้าเขาได้เอ่ยถามฮันส์ที่คอยเฝ้ามองเขาอยู่

 

“อ้อ!..ฮันส์....เหล่าพ่อบ้านไม่ได้เรียนรู้ศิลปะป้องกันตัวหรือ?”

 

“ใช่แล้วขอรับ”

 

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เป็นตัวเลือกในการถูกแต่งตั้งเป็นหัวหน้าพ่อบ้านที่ดีที่สุดแล้วสินะ?”

 

ริมฝีปากของฮันส์เริ่มขยับขึ้นและลงอย่างรวดเร็ว ท่านเคานต์เดอรัชโปรดปรานฮันส์มากที่สุดเพราะเขาทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้อย่างดีและมีบุคลิกที่เหมาะสมเช่นกัน

 

“ขอรับนายน้อย..กระผมรู้พื้นฐานศิลปะการต่อสู้สามแบบที่แตกต่างกันออกไป การต่อสู้ด้วยมือเปล่า การใช้มีดสั้นและการใช้หอกขอรับ”

 

พ่อบ้านที่ดีจำเป็นต้องเรียนรู้รูปแบบการต่อสู้ขั้นพื้นฐานที่แตกต่างกันออกไป หากมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นพวกเขาจำเป็นต้องปกป้องและพาเจ้านายหลบหนีไปให้ได้

 

“มันวิเศษมาก!!!”

 

“กระผมคิดว่าตัวเองน่าทึ่งเล็กน้อยขอรับ”

 

คาร์ลไม่สามารถยับยั้งรอยยิ้มของเขาลงได้เมื่อเห็นฮันส์ยกไหล่ของตนเองเชิดขึ้นเล็กน้อยในขณะที่ริมฝีปากก็ยังคงสั่นระริกด้วยความตื่นเต้นไม่หยุด ลูกแมวทั้งสองต่างสั่นศีรษะของพวกมันขณะจ้องมองไปยังฮันส์และรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของคาร์ล

 

“ข้าจะออกไปแล้ว”

 

คาร์ลตัดสินใจที่จะพาฮันส์ไปยังเมืองหลวงเพื่อดูแลสิ่งที่น่ารำคาญทั้งหลายเขาไม่อยากเป็นคนจัดการทั้งหมดด้วยตัวเขาเอง คาร์ลปิดประตูรถม้าก่อนที่มันจะวิ่งฝ่าหมอกหนาและสายฝนที่ตกแรงขึ้นเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง

 

[ร้านกลิ่นชากับบทกวี]

 

คาร์ลเงยหน้ามองแผ่นป้ายขนาดใหญ่ก่อนเปิดประตูเข้าไป

 

~ กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง ~ เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นอย่างชัดเจนก่อนที่คาร์ลจะพาตัวเองเข้าไปในร้านที่ยังคงเงียบเหงาอยู่

 

“ข้าเดาว่าคงไม่มีใครอยู่ที่นี่มากนักเพราะฝนที่ตกหนักเช่นนี้”

 

“ยินดีต้อนรับขอรับ นายน้อย”

 

บิลอส ลูกชายนอกสมรสของหัวหน้าสมาคมการค้าฟลินน์ เขาต้อนรับคาร์ลราวกับรู้จักกันมาเป็นเวลานาน คาร์ลนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์และเอ่ยสนทนากับบิลอส

 

“ข้าสัญญาว่าจะกลับมาอีกครั้งและข้าต้องรักษาสัญญา”

 

“แน่นอนขอรับ สัญญาก็ต้องรักษาสัญญา กระผมควรเตรียมหนังสือกับชาเหมือนครั้งก่อนหรือไม่ขอรับ?”

 

“ได้สิ ชาสักสามอย่าง”

 

“ชาอะไรที่กระผมควรทำขอรับ?”

 

คาร์ลได้สั่งชาสามชนิดแก่บิลอส ก่อนจะให้เวลาแก่เขาในการเตรียมชาให้ พลางหันไปมองรอบๆและมุ่งหน้าไปยังชั้นสาม

 

~ ซ่า ซ่า ซ่า ซ่า ~

 

ฝนดูท่าจะตกหนักกว่าเดิม เตราะ! คาร์ลเดาะลิ้นของเขาและเดินกลับไปนั่งที่จุดเดิมใกล้หน้าต่างชั้นสามและมองออกไป

 

“ฝนตกแรงขึ้นใช่มั้ย?”

 

บิลอสขึ้นมาและนั่งตรงข้ามกับเขาพร้อมกับชาชนิดเดียวกับตน คาร์ลลอบสังเกตบิลอสอย่างใกล้ชิด

 

‘ เชวฮัน บารอค รอน และในที่สุดบิลอส’

 

นี่เป็นรายชื่อของบุคคลที่ยังคงปรากฏตัวขึ้นในหนังสือเล่มที่ผ่านมา ...นิยายเล่มที่ 1....แน่นอนว่าบทบาทของบิลอสมีประโยคที่เขียนถึงประมาณ 2 ประโยคของนิยายเล่มที่ 1 เป็นเจ้าของร้านชาที่เชวฮันได้หยุดพักและเขาได้กลับมาอีกครั้งในนิยายเล่มที่3 เพื่อสาบานความจงรักภักดีต่อเชวฮันและเปิดเผยความทะเยอทะยานของตนเอง

 

‘เปิดเผย’ คำนั้นมีความสำคัญ

 

‘เขายังเป็นคนโลภเสมอ’

 

บิลอส ต่างจาก ฮงกิลดง[1]

 

เขาไม่รู้สึกเศร้าหรือเสียใจที่ไม่ได้เรียกพ่อของตนว่า ‘พ่อ’หรือสามารถเรียกพี่ชายว่า ‘พี่ชาย’ ได้ ในความเป็นจริงเขาพยายามจะเอาชนะพวกเขา บิลอสต้องการที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการยอมรับตนเอง เขาต้องการที่จะสร้างสถานการณ์ที่พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ว่านี่คือลูกชายและน้องชายของพวกเขา

 

‘เขาจะต้องเหนื่อยสักหน่อย’

 

คาร์ลคิดว่าบิลอสมีชีวิตที่เหน็ดเหนื่อยแต่เขาก็ไม่ได้ยอมแพ้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ความจริงที่ว่าเขาเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้มันทำให้เขามีความเป็นคนมากยิ่งขึ้น

 

คาร์ลไม่ชอบคนที่มีพร้อมทั้งความสามารถและความแข็งแรงแต่กลับพูดว่า ‘ฮืออออ....ฉันยอมแพ้แล้ว’ หรือ‘ฉันไม่มีทางเลือกอื่น’ ทำไมคนเราจะต้องยอมแพ้กับปัญหาที่ตนเผชิญ? คุณควรเผชิญหน้ากับมันด้วยความเข้มแข็งและกำลังทั้งหมดที่คุณมี

 

อย่างไรก็ตามบิลอสจะต้องได้พบกับเชวฮันอย่างน้อยหนึ่งครั้งตามเนื้อหาของนิยายเล่มที่ 1 แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม

 

คาร์ลได้ยินเสียงของบิลอสที่เอ่ยถามตนก่อนจะทำให้ความคิดของเขาหยุดชะงักไปเล็กน้อย

 

“นายน้อย กระผมได้ยินมาว่าท่านจะเดินทางไปยังเมืองหลวงหรือขอรับ?”

 

“ทำไมเจ้ายังนั่งอยู่ที่นี่? ไม่มีงานทำหรือไง?”

 

การได้เห็นคาร์ลแกล้งเป็นไม่ได้ยินกับคำถามของตนทำให้รอยยิ้มปรากฏเต็มหน้าของบิลอส เขาไม่ได้พยายามที่จะซ่อนรอยยิ้มนั้นเลย อ่า.....ช่างเป็นนายน้อยที่น่าสนใจยิ่งนัก เขาสามารถบอกได้ว่านายน้อยคาร์ลเป็นคนที่ชัดเจนตรงไปตรงมา

 

“กระผมก็จะมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงเช่นกัน ถ้าให้เดาก็คงจะเดินทางช้ากว่านายน้อยขอรับ”

 

“แล้ว?............”

 

คาร์ลรู้เรื่องนี้ดี หากบิลอสจะได้พบกับเชวฮันอีกครั้งตามเนื้อหาในนิยายเล่มที่ 3 เขาจะต้องมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงในเร็วๆนี้เช่นกัน

 

บิลอสมีท่าทางชะงักนิ่งไป ขณะที่เขาถามคาร์ลที่กำลังจิบชาและมองออกไปนอกหน้าต่าง

 

“นายน้อยดูเหมือนท่านจะเปลี่ยนไป?”

 

เมื่อคาร์ลหันกลับมามองบิลอส เขาก็ส่งยิ้มให้คาร์ลเต็มหน้า คาร์ลลดมือของเขาไปวางที่คางพลางจ้องมองไปที่บิลอส

 

“นายน้อยดูแตกต่างจากชื่อเล่นของท่านนัก”

 

“ชื่อไหน? ขยะไร้ค่าหรือไม่?”

 

บิลอสมองเห็นมุมปากของคาร์ลยกสูงขึ้น แน่นอนว่าเขาแตกต่าง คาร์ลคนนี้ไม่ใช่ขยะไร้ค่าที่เขารู้จัก เจ้าขยะนั่นไม่รู้ว่าเขาควรแสดงออกต่อผู้อื่นอย่างไรจะมีเพียงแต่รอยยิ้มดูแคลนคนอื่นก็เท่านั้น

 

‘ฉันควรจะได้ดื่มเหล้าสักเล็กน้อยและก็หักขาเก้าอี้เล่นหรืออะไรดี?’

 

บิลอสไม่ทราบว่าคาร์ลกำลังคิดอะไรอยู่

 

“ใช่แล้วขอรับ นายน้อยคือขยะ...ท่านไม่เคยเป็นเด็กหนุ่มที่ทำตัวมีค่าเลยสักครั้งนี่ขอรับ?”

 

เขาไม่กลัวหรือ? คาร์ลไม่สามารถยับยั้งความแปลกใจนี้ได้ แต่สงสัยว่าบิลอสกล้าพูดเช่นนี้กับลูกชายของท่านเคานต์ได้อย่างไรแถมเป็นลูกชายคนโตของผู้ครองนครแห่งนี้ซะด้วย? นี่เขาดื่มเหล้ามาหรืออย่างไรแต่คาร์ลไม่ต้องการที่จะสู้กับบิลอส เขาคือคนที่จะเข้าสู่สมาคมการค้ารายใหญ่และบิลอสก็จริงใจเขาไม่มีแม้แต่รอยยิ้มเมื่อเอ่ยประโยคนั้นขึ้นมาด้วยซ้ำ

 

‘ท่านไม่เคยเป็นเด็กหนุ่มที่ทำตัวมีค่าเลยสักครั้งนี่ขอรับ?’

 

คาร์ลตัดสินใจตอบคำถามของบิลอส มันไม่ใช่คำถามที่ยากที่จะตอบ มันง่ายกว่าการคิดหาวิธีหาเงินเมื่อไม่มีเงินใช้เสียอีก

 

“บิลอส”

 

คาร์ลมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่ไม่ได้หัวเราะเมื่อเขาเอ่ยเรียกบิลอส

 

"เจ้าไม่สามารถเรียกพ่อของเจ้าว่า 'พ่อ' และเจ้าไม่สามารถเรียกพี่ชายของเจ้าว่า 'พี่ชาย'ได้"

 

สายตาของบิลอสเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาเริ่มสังเกตนายน้อยที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ เขาโดนแตะจุดอ่อนที่สุดของตัวเขาเช่นเดียวกับที่เขาเลือกแตะจุดอ่อนที่เจ็บปวดที่สุดของนายน้อยคาร์ลเช่นกัน

 

คาร์ลสบตาของบิลอสเล็กน้อย ฝนข้างนอกเริ่มตกหนักขึ้นคาร์ลเริ่มทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นก่อนส่งยิ้มให้กับบิลอสเมื่อเอ่ยถาม

 

“เจ้าคงอยากจะเป็นเพียงแค่ลูกเมียน้อย? เจ้าพอใจรึ?”

 

บิลอสรู้สึกได้ถึงสายตาแหลมคมที่ทิ่มแทงตัวเขาจากคาร์ล

 

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากเป็นเช่นนั้น”

 

คาร์ลเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะทอดสายตาด้วยท่าทางที่เหมือนการรำลึกถึงอดีต

 

“ข้าทำตัวเหมือนขยะไร้ค่ามาประมาณ 10 ปีตั้งแต่ข้ามีอายุเพียง 8 ขวบ”

 

‘ว้าว! ฉันกำลังคิดว่า คาร์ล เฮนิตัส เริ่มทำอะไรสกปรกๆตั้งแต่อายุ 8 ขวบเริ่มดื่มเหล้าตั้งแต่อายุ 15 ปี’

 

คาร์ลได้คิดถึงเรื่องในอดีตของคาร์ลอยู่ในใจของเขาและเริ่มยิ้ม รอยยิ้มนั้นดูน่ากลัวสำหรับบิลอส

 

ขณะนั้นมีเสียงเบาๆแทรกผ่านสายฝนไปหาคาร์ลและบิลอส

 

ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! เสียงคนกำลังเดินบันไดขึ้นมา

 

คาร์ลมองผ่านไหล่ของบิลอสไปยังทางเข้าชั้นสาม เขาเห็นศีรษะใครบางคนกำลังโผล่ขึ้นมา...ผมสีดำ....เขาคือเชวฮัน ด้านหลังของเขาคือรอน คาร์ลได้สั่งให้ข้ารับใช้ให้แจ้งแก่เชวฮันเพื่อมาที่ร้านชาแห่งนี้ในตอนกลางวัน คาร์ลขยับตัวออกห่างจากสายตาของคนทั้งคู่เพื่อสนทนากับบิลอส เชวฮันและรอนเดินพ้นบันไดขึ้นมาและมองหาคาร์ล ขณะที่คาร์ลเริ่มพูดกับบิลอส

 

“บิลอส”

 

ใบหน้าที่ฝืนทนของบิลอสทำให้มันรู้สึกถึงความหนาวเหน็บได้

 

“ท่านสามารถทิ้งสิ่งที่ท่านทำมาตลอดสิบปีได้...”

 

แววตาของคาร์ลเริ่มเป็นประกายขึ้นเรื่อยๆ

 

“ข้าไม่สามารถอยู่เป็นขยะไร้ค่าได้ตลอดไป”

 

แน่นอนว่าคาร์ลยังคงใช้เงินทั้งหมดตามที่ต้องการและทำทุกอย่างที่พอใจแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ขยะก็ตาม เขาจะมีชีวิตที่สงบสุขและมีความสุขกับชีวิตเหมือนลูกชายของขุนนางที่ร่ำรวย แม้ว่าสิ่งนี้จะต่างไปจากทิศทางการใช้ชีวิตของบิลอส แต่สิ่งที่สำคัญคือการที่ทั้งคู่จะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเดิมที่เคยเป็นมา

 

“เจ้าไม่เหมือนกันหรือ?”

 

ริมฝีปากของบิลอสค่อยๆขยับขึ้น จากนั้นเขาก็โค้งคำนับและเริ่มหัวเราะในใจ หลังจากหัวเราะอย่างเงียบๆ บิลอสก็เงยหน้าจ้องมองไปที่คาร์ล

 

“กระผมเหนื่อยกับมันจริงๆ” บิลอสหัวเราะเมื่อเขาบอกว่าเขาเหนื่อยกับมัน

 

“ใช่มั้ย? ข้าบอกเจ้าแล้ว”

 

คาร์ลยักไหล่ของตัวเองก่อนจะเรียกเชวฮันและรอนมาหาตน ในขณะนั้นบิลอสก็ลุกจากที่นั่งและเริ่มพูด

 

“นายน้อย”

 

“มีอะไร?”

 

“กระผมจะไปพบนายน้อยที่เมืองหลวง”

 

“ทำไมถึงตื้อเช่นนี้?”

 

คาร์ลบอกให้บิลอสออกไปก่อนที่บิลอสจะโค้งคำนับอย่างสุภาพและเดินจากไป

 

รอน เชวฮันและบิลอสเดินสวนผ่านกันมีเพียงแค่สบตากันเล็กน้อยแต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจกันเท่าใดนัก

 

‘เยี่ยม!’

 

คาร์ลยินดีกับฉากนั้นแทบไม่ได้เฉียดเข้ากันมากนักแต่มันก็เป็นเหตุการณ์ที่เหมือนในหนังสือ คาร์ลเริ่มส่งยิ้มให้คนอื่นๆด้วยความพึงพอใจ

 

“รอน...ข้ารู้ว่าเจ้าจะมากับเขา ตามที่ฮันส์ได้บอกกับข้าว่าบารอคได้ไปกับพวกเจ้าด้วย แต่ข้าคิดว่าเขาคงกลับไปที่ห้องครัวแล้ว เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบด้านงานครัวที่ดี”

 

“นายน้อยสนิทกับคนคนนั้นหรือขอรับ?”

 

“ไม่?”

 

“...เป็นเช่นนั้น.....”

 

คาร์ลผลักให้มันเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่รอนได้ยินมัน เขาได้ยินเสียงของคาร์ลบอกว่าเขาไม่สามารถจะเป็นขยะได้ตลอดไป

 

คาร์ลหยุดมองรอนที่มีอาการระแคะระคายตนก่อนจะหันไปสบตาของเชวฮัน

 

“ข้าเดาว่าท่านไม่สามารถเชื่อข่าวลือนี้ได้”

 

‘เขาพูดอะไรน่ะ?’

 

คาร์ลละความสนใจในคำพูดของเชวฮัน ขณะนั้นบิลอสน้ำถ้วยชาสองใบที่เขาได้สั่งไว้ล่วงหน้า

 

“กระผมควรจะให้ชาเหล่านี้กับสุภาพบุรุษทั้งสองนี่?”

 

“ใช่” คาร์ลเริ่มยิ้มอีกครั้ง

 

“ข้าสั่งให้พวกเขาล่วงหน้า”

 

คาร์ลหยิบถ้วยชาขึ้นมาทีละใบก่อนจะวางไว้หน้าของทั้งคู่ ชาที่อยู่ตรงหน้าเชวฮันเป็นชาที่เขาสุ่มเลือกจากเมนูในร้านของบิลอส สำหรับรอน

 

“ข้าสั่งให้เจ้าเป็นพิเศษเพราะดูเหมือว่าเจ้าจะชอบดื่มมันมาก ทำไมเจ้าถึงนำมันมาให้ข้าทุกวัน?”

 

มันคือชามะนาวอุ่นๆ คาร์ลสังเกตเห็นอาการที่แปลกไปของรอนก่อนจะรู้สึกพึงพอใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกว่าที่เขารู้สึกมาตลอดทั้งวัน

 

1 ฮงกิลดง เป็นอาชญากรของเกาหลีใต้ในสมัยราชวงศ์โชซอน ที่มีเรื่องราวคล้ายคลึงกันคือการเป็นลูกนอกสมรส

รีวิวผู้อ่าน