px

เรื่อง : ขยะแห่งตระกูลเคานต์ (Trash of the Count s family)
บทที่ 10 เอามันออกมา 3


บทที่ 10 เอามันออกมา 3 

 

รองพ่อบ้านฮันส์สั่งให้ข้ารับใช้คนอื่นไปตามเชวฮันมาแทน

 

“ตอนนี้เขาอยู่ไหน?”

 

“อ่า...เขาอยู่กับรอนและบารอคในห้องครัวขอรับ....”

 

หัวใจของคาร์ลกระโดดโลดเต้นด้วยความลิงโลดก่อนจะเดินเข้าไปในห้องหนังสือ อ่า....ทั้งสามคนอยู่ด้วยกันนี่เป็นสิ่งที่เกินคาดมาก

 

“เท่าที่กระผมทราบดูเหมือนเขากำลังเรียนรู้วิธีการทำอาหารจากพ่อครัวบารอคขอรับ…”

 

“ทำอาหาร…?”

 

“ใช่ขอรับ...”

 

มุมปากของคาร์ลกระตุกขึ้นเล็กน้อย ‘ทำอาหารตูด....แกนะสิ’

 

พวกเขาเรียกมันว่าทำอาหารแต่เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะเรียนรู้เกี่ยวกับการทรมานหรือบารอคและรอนอาจกำลังชื่นชมทักษะการใช้ดาบของเชวฮัน คาร์ลไม่ต้องการจะรู้จริงๆว่าพวกเขากำลังทำอะไรกัน?

 

คาร์ลเดินเข้ามานั่งลงที่โต๊ะหนังสือของเขา จากนั้นก็ถามฮันส์ที่ยืนเงียบๆอยู่ที่มุมห้อง

 

“เขาบอกอะไรกับเจ้า?”

 

ฮันส์รู้สึกตกใจกับประโยคที่คาร์ลถามเขาอย่างกะทันหันก่อนที่จะแสดงสีหน้าเคร่งเครียดพลางเอ่ยรายงานแก่นายน้อยของเขา ซึ่งเป็นข้อมูลที่คาร์ลคาดว่าจะได้ยิน

 

ฮันส์ไม่สามารถซ่อนความเศร้าโศกเสียใจไว้ได้ในขณะที่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านแฮร์ริสและนำเชวฮันไปพบกับท่านเคานต์เดอรัชก่อนที่ท่านจะมีคำสั่งให้เหล่าทหารนายพลไปดำเนินการจัดการตามความต้องการของเชวฮัน

 

"ท่านพ่อได้พบกับเขา?"

 

“ขอรับ ทันทีที่นายท่านได้สั่งให้ไปจัดการเรื่องงานศพก็ได้ส่งผู้ตรวจการ เหล่าองครักษ์และทหารเพื่อดำเนินการสอบสวนทันทีขอรับ”

 

ฮันส์ลังเลหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ

 

“แต่ถึงอย่างนั้นแขกก็ไม่ต้องการที่จะกลับไปกับพวกเขาขอรับ”

 

ฮันส์เล่าถึงการพบหน้ากันของท่านเคานต์เดอรัชกับเชวฮัน เนื่องจากเชวฮันได้อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านแฮร์ริสถึงแม้ว่าน้ำเสียงเขาจะปกติแต่ปลายนิ้วของเขากับสั่นอย่างรุนแรง ฮันส์พบว่าเชวฮันมีอายุเพียง 17 ปี เขาสามารถรักษาชีวิตของตัวเองได้เพราะออกไปหาสมุนไพรซึ่งในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกับการสังหารหมู่ แต่เขาก็ยังคงคอยเฝ้าดูแลเพื่อนบ้านและเหล่าเพื่อนๆของเขาที่ถูกสังหารเสียหมดสิ้นตั้งแต่อายุยังน้อย เชวฮันจะสะเทือนใจเพียงใดกับสิ่งที่เขาเจอมา ?

 

“มันจะดีหรือขอรับ?”

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ฮันส์ถามคาร์ล มันจะไม่เป็นอะไรหรือ? ถ้าเชวฮันจะไม่ไปร่วมงานศพเพื่อกล่าวลาเป็นครั้งสุดท้าย

 

“มันคือการตัดสินใจของเขา”

 

คาร์ลตอบคำถามของฮันส์และเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา เขารู้ถึงสาเหตุของเชวฮันดีว่าทำไมเชวฮันไม่ต้องการกลับไปที่นั่นเพราะเขาได้กล่าวลาชาวบ้านในตอนที่ฝังศพไปเแล้วและตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่สำหรับเชวฮันคือการได้แก้แค้นกับกลุ่มคนพวกนั้นที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

 

“รอนดูแลเขาดีหรือเปล่า?”

 

“ขอรับ...รอนทำให้แน่ใจว่าแขกจะได้กินอาหารครบสามมื้อและเขาก็ดูเป็นมิตรกับแขกมากทีเดียว”

 

ดูท่าสามคนนั้นจะเข้ากันได้เป็นอย่างดี

 

“อา......” ฮันส์ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ก่อนจะพูดต่อ

 

“นายน้อยขอรับ....ดูเหมือนรอนจะบาดเจ็บจากการทำงานอีกแล้ว เขามีผ้าพันแผลที่ข้อมือของเขาด้วย”

 

“จริงหรือ?...อ่า...ให้เขาได้ทานยาด้วยแล้วกัน”

 

‘บางทีเขาอาจไปฆ่าใครเพิ่มก็ได้?’

 

นั่นคือสิ่งที่คาร์ลคิดก่อนที่จะได้ยินเสียงของฮันส์

 

“กระผมจะนำความห่วงใยของนายน้อยไปแจ้งให้เขาทราบขอรับ....”

 

“ อืม...ตามใจเจ้าเถิด..”

 

ฮันส์ขยับปากเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง ก่อนจะหุบลงเมื่อเห็นท่าทีที่ไม่ยินดียินร้ายใดๆจากคาร์ล ก่อนจะมีเสียงทำลายความเงียบขึ้น

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

เชวฮันมาถึงแล้ว ฮันส์เปิดประตูออกและคาร์ลก็ได้เห็นเชวฮันที่หน้าประตู คาร์ลโบกมือให้ฮันส์ออกไปก่อนที่เขาจะโค้งศีรษะให้คาร์ลก่อนจะมีความเงียบที่เกิดขึ้นในห้องหนังสือนี้ ตอนนี้มีเพียงคาร์ลและเชวฮันที่ถูกทิ้งอยู่ในห้อง คาร์ลเก็บของบนโต๊ะก่อนจะชี้ไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามตน

 

“นั่งสิ”

 

เชวฮันค่อยๆมองไปรอบๆห้องหนังสือก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ คาร์ลให้เวลาเขาสำรวจรอบๆห้องให้พอใจก่อน ก็คงจะเหมือนวีรบุรุษทั่วไปที่มีจิตใจบริสุทธิ์ซื่อตรงและมีความเฉลียวฉลาด เชวฮันชอบอ่านหนังสือนั่นคือเหตุผลที่สิ่งแรกที่เขาตัดสินใจทำ เมื่อออกมาจากป่าแห่งความมืดและได้เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านแฮร์ริสก็คือการเรียนรู้การอ่านและเขียนหนังสือจากหัวหน้าหมู่บ้าน หลังจากมองรอบๆห้องเป็นเวลานานเชวฮันก็จ้องไปที่คาร์ล

 

“จ่ายเงินคืนคืออะไร?”

 

‘ยังถามตรงประเด็นเหมือนเดิม’ คาร์ลอมยิ้ม ดูเหมือนเชวฮันจะไม่ได้ต้องการหาเรื่องเขาหรือไม่พอใจแต่อย่างใด การจ่ายเงินคืน......คงทำให้เขากลายเป็นคนรอบคอบใจเย็นขึ้นเมื่อรู้ว่าจะต้องชำระหนี้ที่ค้างไว้

 

คาร์ล...ไม่สิ...คิมร็อคโซ...ตระหนักว่าเขาได้เปลี่ยนเนื้อหาในตอนต้นเรื่องของนิยาย กำเนิดวีรบุรุษ เขารู้ว่าสิ่งต่างๆจะต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม นั่นคือเหตุผลที่เขาพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่ให้เนื้อเรื่องมันเพี้ยนไปจากเดิมมากนัก แต่

 

เขาต้องเดินทางไปยังเมืองหลวงแล้วสิ่งที่ใหญ่กว่านั้นจะเปลี่ยนแปลงไป

 

คาร์ลวางกระดาษบนโต๊ะขณะที่มองไปทางเชวฮัน

 

“มีวิธีสำหรับเจ้าที่จะจ่ายเงินคืนสำหรับมื้ออาหาร แต่ข้าจำเป็นต้องมั่นใจเสียก่อนว่าเจ้าสามารถทำมันได้หรือไม่ ถ้าจะเรียกง่ายๆมันคือการสัมภาษณ์.....”

 

“มาตรงนี้สิ....”

 

เชวฮันทำตามที่คาร์ลบอกเขาตอบตกลงตามคำกล่าวของคาร์ลทันที ก่อนที่เขาจะเริ่มตรวจสอบคุณสมบัติของตน

 

“เจ้ารู้จักวิธีปกป้องคนอื่นหรือไม่?”

 

“ท่านหมายถึงอะไร?” เชวฮันสะดุ้งเป็นครั้งแรกและเอ่ยถามหลังจากเงียบไปชั่วครู่ สายตาของคาร์ลเริ่มหรี่คมขึ้น เขากำลังก้มมองกระดาษบนโต๊ะโดยไม่ได้หันไปมองหน้าของเชวฮัน ถึงแม้ว่าเขาต้องเปลี่ยนแผนอย่างรวดเร็วแต่ก็อาจทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิม เขาสามารถขัดขวางเชวฮันและพรรคพวกของเขาจากการได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณเพราะเขาต้องการพลังเหล่านั้นเพื่อตัวเขาเอง

 

‘พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณไม่มีประโยชน์ต่อพวกเขาหรอก.....’

 

คาร์ลยังคงจ้องมองกระดาษของตนไม่วางตาก่อนที่จะเอ่ยต่อ...

 

“มันเป็นงานง่ายๆ เจ้าสามารถปกป้องคนอื่นแทนที่จะลงมือฆ่าคนอื่นไม่ใช่หรือ?”

 

ความเงียบปกคลุมเต็มห้อง เชวฮันยังไม่ได้เอ่ยตอบรับใดๆต่อคาร์ล เขาละสายตาออกจากระดาษก่อนมองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เชวฮันก้มศีรษะลงเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดก็ตอบคำถามคาร์ล

 

“ข้าไม่แน่ใจ....”

 

เตราะ.....คาร์ลเดาะลิ้นตัวเอง ถ้าอย่างนั้นต้องกระตุ้นในสิ่งที่อันตรายสักหน่อย....

 

“แต่เจ้าสามารถฆ่าคนได้....” นี่คงเป็นสิ่งที่คาร์ลคิดได้ในเวลานี้

 

“ได้งั้นเหรอ….”

 

“แล้วเจ้าก็ควรปกป้องคนอื่นได้เช่นกัน”

 

แววตาของเชวฮันสั่นระริก

 

“ มันเป็นเรื่องยาก”

 

“แต่เรื่องยากไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้.....”

 

ไม่มีสิ่งใดในโลกที่คุณสามารถหลีกเลี่ยงได้เพราะมันเป็นเรื่องยากที่คาร์ลจะอาศัยในที่แห่งนี้ได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงมีความสุขที่ได้ครอบครองร่างขยะเช่นคาร์ล เพราะคาร์ลสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการได้ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้มีภูเขาลูกใหญ่ที่เขาต้องปีนขึ้นไปเพื่อที่จะได้มีอนาคตที่สงบสุข

 

คาร์ลกำลังมองหาใครสักคนที่จะปีนและพลิกภูเขานั้นให้กับเขา

 

เชวฮันมีรอยยิ้มขมขื่นปรากฏบนใบหน้าของเขา

 

“มันก็เป็นจริงอย่างที่ท่านพูด....”

 

“ใช่แล้ว....ตอนนี้ถึงคำถามสุดท้ายที่ข้าจะถามเจ้าแล้ว”

 

“ได้...เชิญถามมาได้เลย” คาร์ลจ้องมองไปที่เชวฮันก่อนเอ่ยถามคำถามสุดส้าย

 

“เจ้าชื่ออะไร?”

 

“ท่านไม่รู้จักชื่อข้ารึ?”

 

‘แน่นอนว่าฉันรู้เพราะนายคือคนที่ตีฉันนี่นา...’

 

“ข้าเคยได้ยินจากคนอื่นแต่ข้าอยากได้ยินจากปากของเจ้าเอง...”

 

“เชวฮัน... ” เขายื่นมือออกมาตรงหน้าคาร์ล

 

“ข้าชื่อเชวฮัน...”

 

คาร์ลยื่นมือไปจับมือเชวฮัน

 

“เยี่ยม...ข้าชื่อคาร์ล เฮนิตัส”

 

การสนทนาสั้นๆที่คาร์ลเรียกว่าการสัมภาษณ์จบลงอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเชวฮันได้เกรดดีเยี่ยม คาร์ลดันกระดาษที่อยู่บนโต๊ะไปด้านหน้าเชวฮัน

 

“มันเป็นวิธีง่ายๆที่เจ้าจะสามารถจ่ายเงินคืนข้าได้”

 

มีชื่อสองชื่อที่เขียนอยู่บนกระดาษและยังระบุถึงตำแหน่งที่เชวฮันจะได้พบกับพวกเขา

 

“เดินทางไปเมืองหลวงพร้อมกับคนเหล่านี้”

 

พวกของเชวฮันจะได้พบกันระหว่างทางไปเมืองหลวง บารอคและพวกเขาอีกสองคนจะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นเคียงข้างกับเชวฮันจนถึงนิยายเล่มที่ 5

 

บทที่ 10 เอามันออกมา 3 

 

หนึ่งคือเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งกำลังเดินทางกลับไปยังอาณาจักรของเธอหลังจากที่รอดตายจากการลอบสังหารและอีกคนเป็นเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ และแน่นอนว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเขาคือทายาทของราชาหมาป่า มันเป็นไปได้ที่เขาอาจจะกลายร่างเป็นหมาป่าเมื่อใดก็ได้

 

เจ้าหญิงโรสลินแข็งแรงและเย็นชา เธอมีพลังเวทย์ในการทำลายล้างสูงที่ยากจะควบคุมได้ก่อนที่เชวฮันจะสามารถสอนเธอให้ใช้พลังได้อย่างเหมาะสม เธอไม่สนใจในการขึ้นครองบัลลังก์ เป้าหมายของเธอคือการสร้างเมืองแห่งอาคมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีป เช่นเดียวกับที่จะเติบโตเป็นวีรสตรีที่ยอดเยี่ยมเมื่อได้เข้าใกล้เป้าหมายที่ตั้งใจไว้

 

‘ท่านดยุคแห่งอาณาจักรที่พยายามลอบสังหารโรสลิน จะถูกบารอคทรมานอย่างโหดเหี้ยมในอนาคต’

 

หัวใจของคาร์ลเริ่มสั่นสะท้าน ขณะที่นึกขึ้นมาได้ว่าฉากทรมานในนิยายเรื่องนี้สามารถอธิบายภาพไว้ได้อย่างชัดเจน อ่า....หัวใจของเขาเต้นรัวแรงเล็กน้อย

 

“โรสลิน .....ล็อก.....”

 

“ใช่...นั่นคือชื่อของสองคนนั้น ข้าดีใจที่เจ้ารู้ว่าต้องอ่านมันยังไง”

 

เชวฮันยังคงจ้องมองที่ชื่อทั้งสอง และสายตาของคาร์ลก็หยุดอยู่ที่ชื่อของล็อก

 

ล็อก...โลกนี้มีเผ่าพันธุ์อื่นๆเช่นเอล์ฟ คนแคระ และสัตว์อสูร อย่างไรก็ตามเผ่าพันธุ์ที่มีความลับมากที่สุดก็คงเป็นเผ่าพันธุ์สัตว์อสูร

 

สัตว์อสูรจะถูกรวมเขากับเหล่าสัตว์เดรัจฉาน นก และเหล่าแมลงต่างๆ เหล่าสัตว์อสูรจะแตกต่างจากสัตว์ประหลาดทั่วไปคือลักษณะการดำรงชีวิตของพวกมัน

 

‘ล็อกมีสายเลือดอันบริสุทธิ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่า....’

 

ล็อกได้รับการถ่ายทอดสายเลือดเพื่อการปกครองอำนาจของเผ่าพันธุ์หมาป่า สัตว์อสูรที่มีสายเลือดบริสุทธิ์มักจะดูอ่อนแอและธรรมดาเมื่ออยู่ในรูปลักษณ์ของสัตว์หรือมนุษย์อย่างเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสังเวชหรือการกลายร่างพวกเขาจะกลายเป็นสิ่งที่โหดร้ายรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม และล็อกเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของเผ่าพันธุ์มนุษย์หมาป่าสีน้ำเงิน

 

คาร์ลนำแผนที่ออกมาจากลิ้นชักและเปิดมันขึ้นมาบนโต๊ะ

 

“เจ้าจะเริ่มต้นออกเดินทางไปพร้อมข้า...” จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ตำแหน่งหนึ่งบนแผนที่

 

“เราจะแยกกัน ณ จุดนี้ เจ้าเพียงทำตามสิ่งที่ข้าเขียนไว้บนกระดาษนั่น”

 

เชวฮันไม่ได้เอ่ยคำถามใดๆออกมาและตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ คาร์ลเหลือบมองเชวฮันเล็กน้อย เขามีเหตุผลที่ต้องให้เชวฮันไปกับเขาจนกว่าจะถึงจุดนั่น

 

‘เขาต้องหลีกเลี่ยงการเจอมังกรบ้านั่น’

 

จุดเริ่มต้นของนิยายเรื่อง กำเนิดวีรบุรุษ ก็เหมือนเช่นนิยายเรื่องอื่นๆ ตัวร้ายคนใหม่จะต้องปรากฏตัวขึ้นต่อจากคาร์ล และแน่นอนว่าตัวร้ายคนอื่นยากที่จะจัดการได้ง่ายๆ เหมือนคาร์ล

 

จอมวายร้ายคนต่อมาเขาร่วมมือกับมาร์ควิสผู้ที่เป็นหนึ่งในขุนนางผู้สูงศักดิ์ ตลอดช่วงเริ่มต้นของนิยายเขาเป็นศัตรูที่ต้องปะทะกับองค์รัชทายาทและเชวฮันก่อนที่จะถูกกำจัดและหมดบทบาทไปในนิยายเล่มที่ 2 แต่ครั้งนี้เชวฮันอาจจะได้โจมตีมาร์ควิสตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปเยือนเมืองหลวง

 

‘เจ้าบ้ามาร์ควิสชื่นชอบมังกรบ้านั่น’

 

แน่นอนว่ามันเป็นมังกรบ้า.......

 

มันเป็นเพียงแค่มังกรทารก มังกรดำถูกทรมานโดยผู้ที่รับคำสั่งจากมาร์ควิสในสถานที่ลับแห่งหนึ่ง พวกเขาฝึกให้มันเชื่อฟังคำสั่งของมาร์ควิส พวกนั้นบ้าเกินไป มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกพวกเขาคิดว่าจะสามารถทำให้มังกรมันเชื่องได้อย่างไร?

 

มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด.....

 

มาร์ควิสได้รับไข่มังกรจากองค์กรลับและกักขังมันด้วยเวทย์อาคมก่อนจะจับมันล่ามกับโซ่อาคมทันทีเมื่อมันฟักตัวออกจากไข่ คาร์ลไม่สามารถทราบถึงขอบเขตความแข็งแกร่งขององค์กรลับนั้นได้

 

แต่มังกรก็ถูกเรียกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกไม่ใช่หรือ?

 

มังกรดำที่อายุน้อยกว่า 5 ปี ยังไงมันก็คือมังกร..... ในที่สุดมังกรก็คลุ้มคลั่งและอาละวาด มันอาจจะยังเล็กแต่ในนิยายมันสามารถทำลายโซ่อาคมได้เพียงครั้งเดียวหลังมันระเบิดพลังชีวิตของมันออกมา หลังจากที่อาศัยอยู่ในถ้ำและถูกทรมานทุกวันโดยที่ไม่สามารถมองเห็นแสงเดือนแสงตะวันได้มันจึงตัดสินใจหนีออกมาเพื่อหาอิสรภาพ เมื่อมันหลบหนีออกมาได้มันก็สูญเสียความเป็นตัวเองและเริ่มคลุ้มคลั่ง

 

หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เชวฮันได้พักอยู่กำลังตกอยู่ในอันตรายเนื่องจากมังกรดำที่คลุ้มคลั่งก่อนที่จะจบลงด้วยการต่อสู่กันระหว่างเชวฮันและมังกรดำ

 

[ เชวฮันมองไปที่มังกรตัวเล็กที่ยาวไม่ถึง 1 เมตร มันสามารถระเบิดภูเขาด้วยร่างเล็กๆนั่นทำให้ชาวบ้านตกอยู่ในอันตรายเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามเชวฮันไม่สามารถโจมตีมังกรดำตัวนี้ได้ง่ายนัก]

 

[สายตาของมังกรดำตัวนี้สูญเสียการมีตัวตน ความมีเหตุมีผลไป มันมีแต่ความเจ็บปวดและเต็มไปด้วยความเศร้าโศก อย่างไรก็ตามปากของมังกรดำกลับยกยิ้ม เชวฮันรู้ว่ามันต้องเสียใจมากเพียงใด]

 

การต่อสู้สิ้นสุดลงด้วยการที่เชวฮันสามารถฆ่ามังกรดำได้ เขาปลดปล่อยมันให้เป็นอิสระด้วยความตาย

 

คาร์ลต้องไปที่หมู่บ้านนั้น

 

‘เชวฮันมีวิธีดูแลและป้องกันไม่ให้มันคุ้มคลั่งและสามารถหาทางปลดปล่อยมันได้’

 

มันไม่มีทางเลือกอื่นเพราะเขาต้องเดินทางไปยังเมืองหลวง เขาจะต้องใช้ทางลัดที่ไกลมากเพื่อหลีกเลี่ยงหมู่บ้านนั้นและนั่นจะต้องใช้เวลานานขึ้นซึ่งมันอาจสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวจากในนิยายเพิ่มอีกได้อีก และกว่าจะไปถึงเมืองหลวงก็คงช้าไม่ทันร่วมเข้าเฝ้าพระราชาเป็นแน่

 

‘ถึงจะเป็นมังกรบ้าแต่มันก็ถูกบรรยายว่าเป็นมังกรที่น่ารัก’

 

ในนิยายถูกบรรยายว่ามันเป็นมังกรดำที่น่ารักด้วยขาสั้นๆของมัน มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวและน่าหดหู่ที่สิ่งมีชีวิตที่น่ารักแบบนี้ต้องคลุ้มคลั่งและสร้างความโกลาหลวุ่นวายแบบนี้ขึ้นมา คาร์ลตัดสินใจที่จะหยุดคิดถึงเรื่องของมังกรดำก่อนจะเอ่ยคำสั่งที่เหลือแก่เชวฮัน

 

“มาที่เมืองหลวงพร้อมกับเจ้าของชื่อทั้งสองคน นั่นคือวิธีการคืนเงินให้ข้า....”

 

เชวฮันเอ่ยถามขึ้น

 

“.......ข้าต้องปกป้องสองคนนี้???”

 

“ถ้าเจ้าต้องการ....” สองคนนี้มีความแข็งแกร่งพอที่จะไม่ต้องการการปกป้องใดๆจากเชวฮัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหญิงโรสลินเธอไม่ต้องขยับแม้กระทั่งปลายนิ้วด้วยซ้ำเมื่อโจมตีศัตรู จนบางครั้งคาร์ลยังนึกอยากนำโล่ห์นิรันดร์กาลลองโจมตีเธอดูสักครั้ง

 

“ทำตามที่เจ้าต้องการ ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ต้องมาถึงเมืองหลวงให้ได้ ต้องไปพบข้าที่นั่นโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ อย่างน้อยเจ้าก็ต้องดูแลตัวเองให้ปลอดภัยได้ใช่หรือไม่?”

 

คาร์ลและเชวฮันไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องได้พบกันอีก และต่อจากนั้นเชวฮันจะได้เผชิญหน้ากับคนในองค์กรลับอีกครั้งหลังจากที่ได้พบกับล็อกก่อนที่ล็อกจะเป็นคนแนะนำให้เชวฮันสามารถยับยั้งเหตุการณ์ร้ายในเมืองหลวงได้เช่นเดียวกับเนื้อหาในนิยาย

 

“ทำไมเจ้าไม่ตอบข้า?....เจ้าทำได้หรือไม่?”

 

แววตาของเชวฮันมีความมั่นใจยิ่งขึ้น......

 

“ได้...ข้าทำได้...” ดูเหมือนเขาจะพูดด้วยด้วยความเคารพมากกว่าก่อน แต่คาร์ลก็ปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้นเขาผ่อนคลายเล็กน้อยหลังจากที่เห็นเชวฮันพับกระดาษใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ

 

‘ฉันควรจะดื่มเหล้าอย่างที่เคยทำ.....’

 

เหนื่อยมากกับการที่ได้คุยกับเชวฮันในร่างของคาร์ล

 

“เจ้าออกไปได้แล้วล่ะ....”

 

คาร์ลโบกมือให้เชวฮันก่อนที่เขาจะเริ่มเดินไปทางประตูหลังจากได้เห็นท่าทีของคาร์ลแล้ว คาร์ลค่อยๆเอนหลังพิงพนักเก้าอี้และเฝ้ามองเชวฮันที่กำลังเดินถึงประตูก่อนเอ่ยขึ้น

 

“ข้าแน่ใจว่า..ข้าคงไม่ต้องบอกเจ้ากระมังว่าสิ่งที่เราคุยกันในวันนี้เป็นความลับ?....”

 

เชวฮันไม่ได้หันกลับไปมองและเอ่ยตอบเมื่อเปิดประตูกว้างขึ้นก่อนที่จะพาตนออกจากห้องไป

 

“แน่นอน....”

 

เสียงของเชวฮันดูเหมือนจะบอกว่าเขากำลังยิ้ม แต่คาร์ลไม่ได้สนใจ เมื่อเขาอยู่ตามลำพังอีกครั้งคาร์ลก็หยิบปากกาและกระดาษขึ้นมาและเริ่มเขียนเป็นภาษาเกาหลี หลังจากเขียนได้ครู่ใหญ่เขาก็ออกจากห้องหนังสือและมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของบิดาตน

 

“ท่านพ่อ....”

 

“ว่าอย่างไรลูก..?”

 

“ลูกจำเป็นต้องใช้เงินขอรับ.....”

 

“ได้สิ เดี๋ยวพ่อให้ฮันส์จัดการให้เจ้า...”

 

คาร์ลต้องการเงินเป็นจำนวนมาก เมื่อคาร์ลวางมันลงบนเตียงพร้อมกับเช็คอีก 10 ล้านแกลลอนในกระเป๋าเสื้อของตน รอนก็เข้ามาหาเขาพร้อมกับวางขวดแก้วข้างหัวเตียง ก่อนจะเริ่มพูด

 

“มันเป็นชามะนาวผสมน้ำผึ้ง ลูกชายของกระผมทำมาให้นายน้อยโดยเฉพาะ โปรดมีคืนที่ดี กระผมจะอยู่เคียงข้างนายน้อยเสมอ...”

 

ความง่วงของคาร์ลหายเป็นปลิดทิ้ง ไม่ว่ายังไงเขาต้องให้สองคนนั่นออกไปจากที่นี่พร้อมกับเชวฮันให้ได้!!

 

วันรุ่งขึ้น คาร์ล เฮนิตัสก็มุ่งหน้าไปยังสลัมทันทีที่เขาตื่น......

รีวิวผู้อ่าน