px

เรื่อง : ข้าจะเป็นราชาอมตะ (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ตอนที่ 49 : แมลงแสง


ตอนที่ 49 : แมลงแสง

ตอนที่หยางเฉินกำลังมุ่งหน้าไปที่บ้านของเว่ยหยานหลาน ตอนนั้นกลับมีคนมาแตะที่ไหล่ของเขา เมื่อหันกลับไปมองก็ไม่พบใคร แต่ทันใดนั้นก็มาแตะที่ไหล่อีกด้าน

เมื่อหยางเฉินกลับไปมองอีกครั้ง เขากำลังจะยื่นมือไปจีบอีกฝ่าย แต่ตอนนั้นเขากลับหยุดมือทันที และไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี “ เฒ่าขี้เมา เป็นท่านนี่เอง”

ชายแก่ขี้เมานี้สมกับเป็นคนขี้เมาจริงๆ เสื้อผ้าดูขาดหลุดลุ่ยราวกับขอทาน แม้ว่าเขาจะอายุไม่มากแต่ผมข้างๆก็เป็นสีเทาไปแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แต่เขามักจะยิ้มออกมาตลอด จนทำให้ผู้คนรู้สึกเป็นมิตรกับเขา

“ เสี่ยวหยาง เจ้าขโมยสมุนไพรของข้าอีกแล้วรึ ?” ชายแก่ขี้เมามองไปที่หยางเฉินแล้วยิ้มออกมา “ เด็กน้อยอย่างเจ้าชอบแอบเข้าไปในตอนที่ข้าไม่อยู่บ้าน ครั้งต่อไปข้าต้องวางกับดักเจ้าบ้างเสียแล้ว”

“ โทษข้าไม่ได้ ข้า หยางเฉิน ไม่เคยขโมยของของใคร” หยางเฉินยิ้มออกมา “ ยิ่งไปกว่านั้นสมุนไพรของท่านปล่อยทิ้งไว้ก็ไร้ค่า  หากท่านไม่ใช้มัน มันก็เท่ากับเสียเปล่า”

“ เด็กน้อยนี่ เจ้าหาข้ออ้างได้เก่งจริงๆ เจ้านี่เป็นคนชั่วที่สุดในเมืองก็ว่าได้ แม้แต่ข้าก็ยังโดนเจ้าเอาเปรียบ !” ชายแก่ลูบหนวดแล้วบ่นออกมา

“ คนที่เลวที่สุดมันท่านต่างหาก ท่านเป็นอาจารย์ของข้า หากข้าเลว งั้นท่านจะไม่เลวกว่ารึ ? ” หยางเฉินยิ้มออกมา

“ เจ้าเด็กตัวเหม็น เราเป็นศิษย์อาจารย์ งั้นข้าจะไม่เอาเรื่องเจ้าก็แล้วกัน” ชายแก่ฮึดฮัดออกมา จากนั้นน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป เขายิ้มออกมา “ เจ้าอยากจะไปหาสาวน้อยทั้งสองนั่นสินะ ? ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าไปเลยจะดีกว่า ทั้งสองไม่อยู่ในเมืองแล้ว”

“ พวกนางไม่อยู่ในเมืองแล้วงั้นรึ ?” หยางเฉินอึ้งไป

“ เจ้าหายตัวไปหลายเดือน ทั้งสองไปที่ตีนภูเขากันทุกวัน ข้าคิดว่าพวกนางจะปีนขึ้นเขาไปเสียอีก ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้าได้พรอะไรมา” ชายแก่ส่ายหน้าและถอนหายใจออกมา

หยางเฉิน มองไปที่ชายแก่ก่อนจะหันกลับแล้วมุ่งหน้าไปที่ประตูตะวันออกของเมือง ตอนที่จะไปนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “ เฒ่าขี้เมา ข้าเองนี่แหละที่ขโมยสมุนไพรท่านไป”

ชายแก่ไม่ได้แปลกใจ เขายิ้มออกมาและมองดูหยางเฉินที่หายไปในฝูงชนแล้วพึมพำออกมา “ ขอบเขตกำลังภายในขั้น 9 เด็กนี่กลับบ่มเพาะได้ ความแข็งแกร่งนี่ไม่ธรรมดา...น่าสนใจจริงๆ...”

หยางเฉินไม่ได้ยินที่ชายแก่พูดมาแม้แต่น้อย เขาได้ไปถึงภูเขาวูชานแล้ว  เมื่อเดินลัดเลาะป่ามา หยางเฉินก็มาถึงหน้าผาก เมื่อเขามีเรื่องไม่สบายใจ เขามักจะมาที่นี่และมองดูแม่น้ำที่ไหลผ่านไปเพื่อลืมปัญหาในใจ

ในอดีตนั้นหลังจากที่ทดสอบทุกๆปี เขามักจะมาที่นี่ตลอด แต่เขาไม่จำเป็นต้องมาที่นี่อีกเพราะเขาไม่ใช่หยางเฉินที่ไม่อาจจะบ่มเพาะคนเดิมอีกต่อไปแล้ว

สองสาวอยู่ที่นี่จริงๆ หยางเฉินเห็นเว่ยหยานหลานและซงเทียนเอ๋อนั่งอยู่ที่ริมผา ทั้งสองพากันมองไปยังแม่น้ำที่ไหลผ่าน

ในตอนที่หยางเฉินกำลังจะออกมาจากป่า ซงเทียนเอ๋อก็คิ้วขมวดแล้วพูดขึ้นมา “ พี่หลาน พี่ข้าหายตัวไปหลายเดือนแล้ว เขาจะเป็นอะไรรึไม่ ?”

เมื่อได้ยินที่ซงเทียนเอ๋อพูดมา หยางเฉินก็ชะงักและหยุดไปทันที

“ พี่เฉินไม่เป็นอะไรหรอก ปู่สามบอกว่าเขาจะกลับมาอย่างปลอดภัย เทียนเอ๋อสบายใจได้” เว่ยหยานหลานยิ้มออกมาและมองไปที่ซงเทียนเอ๋อ ในใจของนางเองก็เป็นห่วงหยางเฉินเช่นกัน

“ เฮ้อ พี่เฉินไม่อาจจะบ่มเพาะได้ เขาคงต้องลำบากมากแน่ๆ” ซงเทียนเอ๋อเผยสีหน้ากังวลออกมา

เว่ยหยานหลานเชื่อในคำพูดของปู่สาม เมื่อปู่สามบอกว่าหยางเฉินไม่เป็นอะไร งั้นหยางเฉินก็ต้องไม่เป็นอะไร

ในตอนที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น พระอาทิตย์ก็เริ่มตกดินแล้ว ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีแดงก่อนจะเริ่มหม่นลง ตอนนั้นเองกลับมีจุดแสงนับไม่ถ้วนมารวมตัวกันอยู่รอบตัวพวกนาง ภายใต้แสงเล็กๆที่กะพริบไปมาเหล่านี้ก็ทำให้ทั้งสองดูโดดเด่นอย่างมาก

“ นี่...” สองสาวมองไปยังแสงที่กะพริบรอบตัว พร้อมสีหน้าที่เปลี่ยนไป พวกนางหันกลับไปมองที่ป่าด้านหลังหน้าผากันทันที

“ หลานเอ๋อ เทียนเอ๋อ ข้าทำให้พวกเจ้าเป็นห่วงซะนาน หิ่งห้อยพวกนี้ถือว่าเป็นค่าตอบแทนก็แล้วกัน” หยางเฉินยิ้มออกมาและเดินออกมาจากป่า ในมือของเขาถือถุงที่มีแสงกะพริบบินออกมาอย่างต่อเนื่อง หากมองดูดีๆแล้วจุดแสงเหล่านี้คือแมลงที่ถูกปล่อยออกมา

เมื่อหยางเฉินกลับมาที่พื้นที่หวงห้ามของภูเขาวูชาน เขาก็จับหิ่งห้อยพวกนี้มาด้วย เพราะเขารู้ว่าเว่ยหยานหลานและซงเทียนเอ๋อชอบแมลงพวกนี้ตั้งแต่ยังเด็ก คนในโลกนี้ไม่รู้เลยว่าแมลงนี่เรียกว่าหิ่งห้อย

ไม่กี่ปีก่อนตอนที่พวกเขาเห็นหิ่งห้อยในภูเขาครั้งแรก เว่ยหยานหลานและซงเทียนเอ๋อก็รู้สึกหลงรักแมลงแสงนี่ทันที  หยางเฉิน ได้ตั้งชื่อให้มันว่าหิ่งห้อย และแน่นอนว่ามันไม่ใช่ชื่อที่เขาตั้งเอง  เว่ยหยานหลานและซงเทียนเอ๋อชื่นชมเขาอย่างมาก

หยางเฉินยังจำตอนที่เว่ยหยานหลานและซงเทียนเอ๋อจับแขนของเขาและพูดขึ้นมาด้วยสีหน้ามีความสุขได้ “ หิ่งห้อย เป็นชื่อที่งดงามจริงๆ พี่เฉิน เจ้าฉลาดจริงๆที่คิดชื่อแบบนี้ขึ้นมาได้”

หยางเฉินนั้นถึงจะหน้าด้าน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมา

ในตอนที่หยางเฉินกำลังนึกถึงอดีตอยู่นั้น เว่ยหยานหลานและซงเทียนเอ๋อก็วิ่งมาหาเขา  เว่ยหยานหลานยังสำรวมอยู่แต่ซงเทียนเอ๋อกลับวิ่งเข้ามากอดหยางเฉินแล้วสะอื้นออกมา “  ท่านพี่ เทียนเอ๋อเป็นห่วงเจ้าแทบตาย เจ้าห้ามทิ้งเราไปไหนอีกนะ”

หยางเฉินลูบหลังซงเทียนเอ๋อและยิ้มออกมา “ ไม่ต้องร้อง หากเจ้าร้องไห้เจ้าจะไม่สวยเอานะ” ในตอนที่พูดนั้นเขาก็ได้เอาถุงออกมาและส่งให้กับเว่ยหยานหลาน  “หลานเอ๋อ นี่หิ่งห้อยที่ข้าจับมาให้เจ้า”

ซงเทียนเอ๋อมองไปที่ถุงในมือหยางเฉิน แล้วหัวเราะออกมา “ ท่านพี่ ปล่อยพวกมันไปทั้งหมดเลย”

หยางเฉินพยักหน้าแล้วปล่อยหิ่งห้อยทั้งหมดในถุงออกมา ในพริบตาบรรยากาศรอบๆก็เต็มไปด้วยจุดแสงสีเงินราวกับดวงดาวในค่ำคืนที่มืดมิด

“ งดงามจริงๆ” เว่ยหยานหลานและซงเทียนเอ๋อพากันมองไปที่หิ่งห้อยแล้วหัวเราะออกมา ตอนนั้นพวกนางถึงกับลืมความเศร้าในอดีตไปทั้งหมด

‘ สองสาวที่ร้องไห้ตะกี้กลับหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง ‘ หยางเฉินส่ายหน้าและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “ หยางเฉิน ข้อตกลง 4 อย่างของเรา ข้าจะไม่มีทางลืม....เชินเจียนเซียว ข้าจะให้เจ้าคลานมาขอความเมตตาจากข้าให้ได้”

 

....

ตกดึกทั้งสามคนก็ได้กลับมาที่เมือง ป่าในตอนกลางคืนอันตรายอย่างมาก มันไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นั่นนานนัก

ระหว่างทางที่กลับมา หยางเฉินก็ได้บอกซงเทียนเอ๋อและเว่ยหยานหลานเรื่องที่เขาสามารถบ่มเพาะได้  เว่ยหยานหลานที่แม้ว่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะดีใจ แต่ไม่ได้แปลกใจเท่ากับซงเทียนเอ๋อ

ในอีก 1 เดือนจะมี 3 กองกำลังมาที่เมืองเพื่อรับคน  แม้ว่าหยางเฉินจะบ่มเพาะได้แล้ว แต่ซงเทียนเอ๋อและเว่ยหยานหลานก็อดเป็นห่วงหยางเฉินไม่ได้ เพราะพวกนางไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหยางเฉิน

อันที่จริงหยางเฉินก็ไม่อยากเข้าร่วมกองกำลังเหล่านี้ เพราะเขามีเถาเถาเป็นอาจารย์อยู่แล้ว แต่เถาเถาบอกว่าเขาต้องเข้าร่วมเพราะเขาจะได้เจอกับคู่ต่อสู้มากขึ้น มันจะช่วยเรื่องการพัฒนาความแข็งแกร่งของเขามากขึ้นไปอีก

หลังจากที่กลับมาที่บ้าน หยางเฉินก็ได้ไปที่ชั้นใต้ดิน หลังจากที่มาถึงชั้นใต้ดิน คลื่นความร้อนก็ยังคงปะทุออกมาอยู่ หยางเฉิน มองเข้าไปก็พบว่ากั้วติงยังนั่งหลับตาอยู่ที่พื้น ร่างกายของเขาเป็นสีแดง ดูเหมือนว่าเขาจะยังดูดซับพลังของแก่นมังกรไม่หมด

‘ ไม่รู้ว่ากั้วติงจะพัฒนาตัวเองได้ทันการคัดเลือกในอีก 1 เดือนรึไม่ ’ หยางเฉินอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงกั้วติงขึ้นมา เขากังวลว่ากั้วติงจะทะลวงผ่านระดับการบ่มเพาะได้รึไม่

เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของหยางเฉิน  เถาเถาก็ได้พูดขึ้น “ เสี่ยวหยาง เจ้าสบายใจได้ หากน้องเจ้าดูดซับแก่นมังกรได้หมด นี่ไม่ต้องนับขอบเขตกำลังภายในขั้น 8 รึ 9 เลย เขาอาจจะแกร่งไม่น้อยกว่าเจ้าด้วยซ้ำ”

“ ขอบเขตกำลังภายในขั้น 8 รึ 9 งั้นรึ ? หากกั้วติงทะลวงผ่านไปได้ แล้วเขาจะมีแก่นพื้นฐานที่แข็งแรงรึ ?” หยางเฉินกังวลขึ้นมาอีกรอบ

“ หากเขาดูดซับพลังอื่นมา แน่นอนว่าจะมีแก่นพื้นฐานที่ไม่แข็งแกร่ง แต่สิ่งที่เขาดูดซับมานั้นคือแก่นมังกร มันเป็นพลังที่อ่อนโยนและควบคุมได้ง่าย ดังนั้นจึงไม่ส่งผลต่อแก่นพื้นฐานของเขา” เถาเถาพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ

“ หากกั้วติงขึ้นมาถึงขอบเขตกำลังภายในขั้น 9 ได้จริงๆ เขาคงถูกเลือกแน่ๆ” หยางเฉินมั่นใจในตัวกั้วติง กั้วติงขยันมาโดยตลอด เขาบ่มเพาะทักษะต่อสู้ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะไม่ใช่วรยุทธ์ที่ทรงพลังแต่ก็เพียงพอที่จะรับมือกับคนทั่วไปได้

ตอนที่หยางเฉินเป็นห่วงเรื่องกั้วติงอยู่นั้น เถาเถาก็ได้พูดขึ้น “ เสี่ยวหยาง ในเดือนนี้เจ้าต้องใช้เวลาไปกับการบ่มเพาะ ไม่งั้นแล้วอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นได้”

“ ใช่ การทดสอบไม่ให้ใช้กระบี่อสนีโลกันตร์ ข้าต้องพึ่งความแข็งแกร่งของตัวเอง หากมีผู้บ่มเพาะขอบเขตธุลีโผล่มา ข้าอาจจะรับมือไม่ไหว” หยางเฉินไม่ประมาท เขาเข้าใจมาตั้งแต่ชีวิตก่อนแล้วว่าไม่อาจจะประมาทคู่ต่อสู้ได้ ไม่งั้นแล้วเขานี่แหละที่จะเป็นฝ่ายเจ็บตัวเอง

“ ไม่ใช่แค่ไม่อาจจะใช้กระบี่อสนีโลกันตร์ได้ แต่ยังไม่อาจจะใช้กรงเล็บมังกรระดับกลางได้ด้วย  หากคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า เจ้าคงตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ” เถาเถาเตือน

“ เถาเถา ดูเหมือนว่าข้ายังต้องเรียนรู้วรยุทธ์ระดับพื้นเพิ่มสินะ ?” หยางเฉินลูบจมูกแล้วเผยรอยยิ้มออกมา เขาอยากใช้โอกาสนี้เอาเปรียบเถาเถาอีกรอบ

“ เจ้าเด็กนี่คิดจะเอาเปรียบข้าอีกแล้วรึ ” เถาเถาพุ่งออกมาจากพู่กันแล้วฮึดฮัดออกมา “ ในเดือนนี้ข้าจะสอนวรยุทธ์เจ้าแค่สองอย่าง เวลาที่เหลือเจ้าต้องทำการฝึกฝนเขียนยันต์ ”

หยางเฉินยิ้มรับและพยักหน้า ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายเขาก็ได้ประโยชน์..แต่ใน 1 เดือนนี้เขาต้องเข้าสู่ช่วงการบ่มเพาะที่น่าเบื่ออีกครั้ง


 



 
 




รีวิวผู้อ่าน