ตอนที่ 34 : แย่งชิงหญิงสาว
หยางเฉินเดินลัดเลาะป่าโดยที่แบกหญิงสาวในชุดดำพาดไว้ที่บ่า ทางที่เขามุ่งหน้าไปนั้นคือที่ตั้งของเมืองซูเซียน และเหตุผลที่ว่าทำไมเขาและเถาเถาถึงยังไม่กลับไปที่เมืองซูเซียนทันทีก็เพราะพวกเขากลัวว่าเทียนหลินและคนอื่นๆจะรอพวกเขาอยู่ที่นั่น
เมื่อเถาเถามีลูกบอลปราณอยู่กับตัว แม้ว่าลูกบอลปราณจะโดนทำลายไปแล้ว แต่พลังด้านในก็โดนพู่กันเก็บเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของเถาเถาเองก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องเทียนหลินและคนอื่นๆ แต่เป็นเพราะหยางเฉินเอาหญิงสาวคนนี้มาด้วย พวกเขาเลยต้องพยายามไม่อีกฝ่ายพบตัว เพราะไม่อย่างนั้นคงเป็นปัญหาอย่างแน่นอน
“ เสี่ยวหยางหยุด มีบางอย่างอยู่ตรงหน้า !” อยู่ๆ เถาเถาก็พูดขึ้นมา น้ำเสียงนั้นดูค่อนข้างตึงเครียดอย่างมาก
หยางเฉินไม่กล้าที่จะมองข้าม เขารีบหยุดทันที หลังจากนั้นเถาเถาก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ มีบางอย่างอยู่ตรงหน้า คลื่นพลังของมันแข็งแกร่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นสัตว์อสูรขอบเขตปรมาจารย์”
“ สัตว์อสูรขอบเขตปรมาจารย์ !” สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปทันที สิ่งที่ทำให้เถาเถากังวลแบบนี้ได้ แน่นอนว่าต้องเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง และอาจจะแข็งแกร่งที่สุดในหมู่สัตว์อสูรขอบเขตปรมาจารย์
หญิงสาวในชุดดำเห็นว่าหยางเฉินนั้นหยุด สายตาของนางสะท้อนความแปลกใจออกมา นางเหมือนแปลกใจกับการที่หยางเฉินรู้ว่ามีสัตว์อสูรอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ทั้งๆที่อยู่ห่างถึงขนาดนี้ แต่นางไม่รู้เลยว่าเถาเถาเป็นคนบอกหยางเฉิน
“ คลื่นพลังของสัตว์อสูรนี่แกร่งอย่างมาก มันใกล้เคียงกับสัตว์อสูรขอบเขตบรรพจารย์ อย่าเข้าใกล้มัน เดินอ้อมไปดีกว่า” เถาเถาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตึงเครียด “ สัตว์อสูรขอบเขตปรมาจารย์นั้นแกร่งกว่ามนุษย์ระดับเดียวกัน สัตว์อสูรนี่กำลังจะขึ้นไปขอบเขตบรรพจารย์ ความแข็งแกร่งของมันทัดเทียมกับคนที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตบรรพจารย์ได้เลย”
“ ขอบเขตบรรพจารย์ !” หยางเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ หากมีผู้บ่มเพาะขอบเขตบรรพจารย์โผล่มาตรงหน้าเขา งั้นเขาก็ไม่อาจจะต้านทานได้เลย เขาคงโดนฆ่าในทันที
เมื่อคิดว่ามีสัตว์อสูรขอบเขตปรมาจารย์ตัวนี้เทียบเท่ากับผู้บ่มเพาะขอบเขตบรรพจารย์ได้ หยางเฉินก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เขาต้องรีบถอยกลับมา
หญิงสาวชุดดำเห็นท่าทีของหยางเฉินก็แสดงสายตาชื่นชมออกมา นางมองออกไปและพบว่ามีคลื่นพลังที่แข็งแกร่งมาจากทางด้านหน้าที่กำลังจะไปจริงๆ คลื่นพลังนี้กดดันจนแทบทำให้ผู้คนไม่อาจจะหายใจได้ นางจึงรู้ว่ามันมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอยู่ทางนั้น
หลังจากที่หยางเฉินถอยออกมาหลายร้อยฟุต สุดท้ายเขาก็คลายกังวล แต่ตอนนั้นเองกลับมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านหลัง เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้านั้น สีหน้าเขาก็ต้องเปลี่ยนไปอีกรอบ
“ เด็กน้อย เจ้าเป็นใคร ทำไมเจ้าถึงมาช่วยนาง ?” ที่ด้านหลังของหยางเฉินนั้นมีคนมากกว่าสิบคน ทุกคนเป็นนักล่าอสูร และต่างก็เป็นสมาชิกของหน่วยเซียวเทียน และคนที่พูดนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าทีม
ชายคนนี้มีแผลเป็นที่แก้มด้านซ้าย เขาสวมชุดหนังเผยกล้ามแขนที่ใหญ่ออกมา กล้ามเนื้อนั้นแน่นเหมือนมีพลังมหาศาล และยังมีกระบี่ที่เขาพาดเอาไว้ด้านหลัง มันจึงทำให้เขาดูดุดันมากขึ้นไปอีก
หยางเฉินหันกลับไปมองและยิ้มออกมา “ มันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นจะต้องบอกเจ้าว่าข้ากำลังช่วยใครหรือทำอะไร” ตอนที่เขาหันกลับไปพูดนั้น เขาก็ได้ควบคุมยันต์จนทำให้คลื่นพลังของเขาเพิ่มขึ้นมาอยู่ขอบเขตธุลีขั้น 7 ด้วย และด้วยความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้แล้ว เขาสามารถสร้างคลื่นพลังขึ้นมาได้แค่นี้เท่านั้น
เมื่อเห็นแบบนั้นชายหน้าบากก็ไม่คิดว่าหยางเฉินเป็นเด็กน้อยอีกต่อไป ทั้งที่จริงอายุจริงๆของหยางเฉินนั้นแค่ 14 ปี หลังจากที่ฝึกมาหลายเดือน ความเด็กในตัวของเขาก็เริ่มจางหายไป แต่จริงๆแล้วเขาก็ยังเป็นเด็กอยู่
‘ เด็กคนนี้ดูอายุไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ แต่ความแข็งแกร่งนี่มัน... ? ‘ เมื่อคิดแบบนั้นชายหน้าบากก็อึ้งในใจ เขากำลังคิดว่าเด็กหนุ่มที่มีความแข็งแกร่งขนาดนี้ เป็นตัวตนแบบไหนกัน?
แต่หลังจากที่อึ้งได้ไม่นาน ชายหน้าบากก็เผยรอยยิ้มออกมา “ ข้า ซูหลง หัวหน้าทีม 3 ของหน่วยเซียวเทียน ข้าไม่รู้ว่าเจ้าชื่ออะไรกัน ?”
“ ข้าไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังอะไร ไม่มีชื่อเสียงเรียงนาม หากเจ้าไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวก่อน” หยางเฉินไม่คิดจะยุ่งกับคนพวกนี้ เพราะมันมีสัตว์อสูรที่น่ากลัวอยู่ด้านหน้า และเขาก็ไม่มั่นใจว่ามันจะคลั่งขึ้นมาตอนไหน ดังนั้นเขาควรรีบออกจากที่นี่โดยเร็ว
แต่ตอนที่หยางเฉินกำลังจะเดินออกไปนั้น ซูหลงก็เข้ามาขวางหน้าและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ หากสหายคิดจะไป งั้นเราก็ไม่คิดจะห้ามเจ้า แต่สหายต้องทิ้งหญิงสาวคนนี้เอาไว้”
ก่อนที่ซูหลงจะพูดจบ นักล่ากว่าสิบคนที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ได้เข้ามาล้อมหยางเฉินเอาไว้เพื่อปิดทางหนีทุกทาง
ตอนที่หยางเฉินโดนล้อมนั้น หญิงสาวในชุดดำก็มองไปที่ซูหลงและยิ้มออกมาที่มุมปาก นางไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย
“ แล้วถ้าหากข้าไม่ทิ้งนางไว้ เจ้าจะทำอะไรอย่างนั้นหรือ” หยางเฉินมองไปที่ซูหลงและเหล่านักล่าด้วยสายตาเย็นชา ตอนนั้นในใจของเขากังวลอย่างมาก เพราะนักล่าอสูรกว่าสิบคนกำลังล้อมเขาเอาไว้
ทันใดนั้นสีหน้าของซูหลงก็เปลี่ยนไป คนที่เขากลัวที่สุดไม่ใช่หยางเฉินแต่กลับเป็นหญิงสาวในชุดดำ แม้จะได้ยินมาว่าความแข็งแกร่งของนางด้อยกว่าเก่า แต่เขาก็ไม่กล้าผลีผลามอยู่ดี
‘ เมื่อนางให้คนอื่นแบกขึ้นหลังเช่นนี้ งั้นแสดงว่านางก็ไม่มีแรงพอที่จะเดินงั้นรึ ? แล้วเด็กนี่เป็นใคร เกี่ยวข้องกับนางอย่างไร ? ’ สีหน้าของซูหลงสะท้อนความไม่มั่นใจออกมา ความคิดในหัวของเขาตีกันไปหมด อยู่ๆเขาก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ‘ พลังของนางยังไม่ฟื้นฟูกลับมา ไม่งั้นแล้วนางคงไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ นางคงจัดการข้าไปแล้ว ’
หญิงสาวในชุดดำเห็นซูหลงยิ้มก็สีหน้าเปลี่ยนไป แต่เมื่อซูหลงเงยหน้าขึ้นมองนาง สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที นางฮึดฮัดออกมาและเผยสายตาไม่พอใจ
เมื่อเห็นสีหน้าของนาง ซูหลงก็สีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง ‘ไม่ นางต้องปกปิดพลังเอาไว้และคิดจะฆ่าข้าตอนที่ข้าไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ! ’
ตอนนี้ซูหลงและหญิงสาวในชุดดำกำลังทำสงครามประสาทกันอยู่ หยางเฉินไม่รู้เรื่องนี้แม้แต่น้อย เขาคิดว่าซูหลงคงอิจฉาเขา ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
“ สหาย ข้าไม่อาจจะทิ้งนางไว้ได้ หากเจ้าคิดจะมีเรื่อง ข้าเองก็พร้อมจะมีเรื่องกับเจ้าเช่นกัน” หยางเฉินยิ้มออกมาด้วยท่าทีเยือกเย็น แต่อันที่จริงแล้วในใจกลับกังวลอย่างมาก หากนักล่าอสูรพวกนี้โจมตีเขา เขาก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องให้ เถาเถาออกมาช่วย
‘ เด็กนี่ยังเยือกเย็นได้อยู่ ด้วยความเยือกเย็นเช่นนี้ เขาต้องเป็นช่างที่ดีในอนาคตได้แน่ ’ เถาเถาเห็นท่าทีของหยางเฉินก็พอใจอย่างมาก เหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ฆ่าซูหลงและคนอื่นๆทันที ก็เพื่อเปิดโอกาสให้หยางเฉินได้หาประสบการณ์
“ หัวหน้า !” เหล่านักล่าอสูรพากันมองไปที่ซูหลงและรอให้ซูหลงสั่งการ แต่ซูหลงกลับลังเล ในใจของเขากลับกลัวหญิงสาวในชุดดำอย่างมาก เขาไม่กล้าที่จะเสี่ยงเลย
หยางเฉินเดินออกมาจากวงล้อม เมื่อรู้สึกว่าซูหลงและคนอื่นๆไม่ได้ไล่ตาม เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หน้าผากของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ เกือบไปแล้ว เราเกือบโดนเจ้าหลอก แต่ข้าเกรงว่าคงไม่อาจจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆได้ !” แต่ตอนนั้นกลับมีคนหลายสิบคนพุ่งออกมาจากส่วนลึกของป่า เสียงพุ่งตัดสายลมดังขึ้นไม่หยุด ในพริบตาก็มีนักล่าอสูรหลายสิบคนโผล่มาตรงหน้าของหยางเฉิน และแทบจะพร้อมกันนั้นซูหลงและคนอื่นๆเองก็ได้เข้ามาล้อมหยางเฉินอีกครั้ง
นักล่าอสูรที่โผล่มาตรงหน้าของหยางเฉินนี้ นำหน้าโดยชายผอมแห้ง เขาอายุประมาณ 30 ปี คลื่นพลังของเขาทัดเทียมกับซูหลงได้ และเดาว่าเขาเองก็เป็นหัวหน้าของอีกที0มเช่นกัน
“ หยานควน เจ้ามาทันเวลาพอดี ข้าเรียกหัวหน้าหน่วยไปแล้ว หัวหน้าหน่วยจะมาที่นี่ในไม่ช้า เราต้องยื้อนางเอาไว้ก่อน ” ซูหลงมองไปยังชายผอมแห้งและหัวเราะออกมา
“ ข้าคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องรอให้หัวหน้าหน่วยมาถึงที่นี่แล้วค่อยลงมือ นางบาดเจ็บอยู่ แค่พวกเราเอง จับตัวนางได้แน่” ในตอนที่พูดนั้นหยานควนก็พุ่งเข้าหาหยางเฉิน ในเวลาเดียวกันก็ฮึดฮัดออกมา “ เด็กน้อย หากเจ้าไม่อยากตายก็ทิ้งนางไว้เสีย !”
‘ หากพลังของนางยังไม่ฟื้นฟูกลับมา งั้นก็ยังไม่สายที่ข้าจะลงมือ ’ ซูหลงไม่ได้โจมตีพร้อมกับหยานควน แต่เขากลับมองดูสถานการณ์อยู่ห่างๆไปก่อน
‘ นางไม่ได้เป็นแค่คนใบ้งั้นรึ ? แม้ว่าจะสวยแต่ก็ไม่น่าจะมีคนมากมายมาแย่งชิงนางแบบนี้ ‘ สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไป เขารีบใช้ก้าววายุอสนีเพื่อหลบและถอยกลับไปกว่า 10 เมตร แต่หยานควนนั้นอยู่ขอบเขตธุลี ในด้านความเร็วแล้วหยางเฉินจะเทียบกับหยานควนได้อย่างไร ?
หยานควนพุ่งเข้าหาหยางเฉิน แล้วยื่นมือออกมาเพื่อจับตัวของเขาเอาไว้ มือของหยานควนสวมถุงมืออยู่ ถุงมือเหมือนกับทำขึ้นจากไหมชนิดพิเศษบางอย่าง มันส่องแสงสีทองออกมาพร้อมกับแผ่ปราณออกมาจากตัว...มันคืออาวุธจิต
ตอนที่มือของเขาคว้าออกมานั้น ถุงมือและอากาศก็เสียดสีกันจนทำให้เกิดเสียงดังขึ้นมา แม้ว่าหยางเฉินจะถอยออกมาแต่การโจมตีของหยานควนก็รวดเร็วเกินไปกว่าที่เขาจะหลบได้
‘ บัดซบ เถาเถาทำบ้าอะไรอยู่ เขาอยากให้ข้าตายจริงๆรึ ? ’ สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปทันที หญิงสาวในชุดดำที่อยู่บนหลังเองก็ดิ้นไปมาเพื่อที่จะถอย แต่มือของหยานควนที่เปลี่ยนเป็นกรงเล็บก็กำลังพุ่งเข้ามาที่หัวของนางแล้ว กรงเล็บที่คมกริบทำให้เกิดสายลมที่พัดอัดเข้าที่ใบหน้าของนาง
‘ ได้เวลาลงมือแล้ว ! ’ ตอนที่เถาเถากำลังจะลงมือนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น นิ้วที่เรียวยาวได้โผล่มาจากทางด้านหลังของหยางเฉิน นิ้วทั้งห้าได้เปลี่ยนเป็นกรงเล็บ นางไม่ได้สนว่าหยานควรจะมีอาวุธจิตกับตัวรึไม่ แต่นางกลับใช้มือเปล่าจับไปที่มือของอีกฝ่ายทันที
‘ นางบาดเจ็บอยู่แล้ว ทำไมข้าต้องไปกลัวนางด้วย ! ‘ หลังจากที่ลังเลได้ไม่นาน หยานควนก็ไม่คิดที่จะถอย เขากัดฟันแน่นแล้วกำมืออย่างแรง !
แขนของนางได้เปลี่ยนเป็นแขนปราณ ก่อนที่มันจะกำถุงมือของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วบีบสุดกำลัง ! ถุงมือได้แตกออกจนกลายเป็นผงและกระจายไปทั่ว หยานควนถึงกับชะงักไป แขนของเขาชุ่มไปด้วยเลือด แกร๊ก ! เสียงกระดูกหักดังขึ้น ชัดแล้วว่าเป็นกระดูกของเขาที่หักไป
‘ นางปกปิดพลังเอาไว้ ! ’ ไกลออกไป ซูหลงเมื่อเห็นแบบนั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาที่กำลังคิดจะหนี แต่ทันใดนั้นกลับเห็นเลือดไหลออกมาที่มุมปากของหญิงสาวชุดดำ เขาจึงรู้สึกยินดีขึ้นมาทันที
นักล่าคนอื่นๆเห็นว่าหยานควนบาดเจ็บก็คิดจะหันกลับและหนีไป แต่ตอนนั้นซูหลงกลับแผ่พลังออกมาและตะโกนขึ้น “ ข้าจัดการเอง !” ในตอนที่ตะโกนออกมานั้นเขาก็ได้พุ่งเข้าไปหาหยางเฉินพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
แทบจะพร้อมกันนั้นหลังจากที่ได้ยินคำพูดของซูหลง หยางเฉินก็ได้สติขึ้นมาจากความตกใจ
กลับเป็นว่าเขายังตกใจกับพลังที่หญิงสาวคนนี้แสดงออกมา เขาอยากจะถามหาความจริงแต่เมื่อมองไปข้างๆก็พบว่านางหน้าซีดเผือดอีกทั้งที่มุมปากก็มีเลือดไหลออกมา เห็นแบบนั้นเขาจึงตกใจขึ้นมาทันที
ตอนนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเหล่านักล่าที่พุ่งเข้ามาหาเขาราวกับหมาป่าที่กำลังหิวโหย หยางเฉินจึงไม่มีเวลาให้คิดและรีบวิ่งออกไปทันที
‘ ข้ายังไม่อยากจะยุ่งด้วยในตอนนี้ ข้าอยากรู้จริงๆว่านางมีฐานะแบบไหน ถึงสามารถซ่อนพลังจากข้าได้ ! และตอนนี้นางเหมือนจะกำลังบาดเจ็บอยู่ หากไม่ใช่ตอนวิกฤตแล้วนางคงไม่ลงมือ งั้นมันยังไม่สายที่ข้าจะลงมืออีก ’ เถาเถาที่อยู่ในพู่กันคิดขึ้นมา