ตอนที่ 4 เตาปรุงยาราชาอมตะ
ห้องนั้นเต็มไปด้วยชั้นวาง บนชั้นนั้นเต็มไปด้วยสมุนไพร หยางเฉินบอกชื่อสมุนไพรแต่ละชนิดได้และยังมีหนังสืออีกมากมายหลายเล่ม ไม่รู้เลยว่าชายแก่ไปหาของเหล่านี้มาจากไหนกัน หนังสือพวกนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับสมุนไพร มันมีหนังสือเกี่ยวกับสัตว์อสูรด้วยเช่นกัน....หยางเฉินสงสัยอย่างมาก เขาตะลึงอย่างมากเมื่อได้อ่านหนังสือเหล่านั้น
“ หญ้ากุย, ขิงไฟ....” หยางเฉินเดินมองดูชั้นวางและมองไปยังสมุนไพรรอบตัว เขาตามหาวัตถุดิบในการปรุงยาเพื่อรักษา กั้วติงอยู่ๆเขาก็ต้องย่นจมูก “ นี่มันกลิ่นอะไรกัน ? ”
“ เลือด ! ” สีหน้าของหยางเฉินเปลี่ยนไปทันที ทำไมที่นี่ถึงมีกลิ่นเลือดได้ ?
เมื่อก้มลงไปมองก็เห็นเลือดที่พื้น หยางเฉินเห็นชายชุดเขียวนอนอยู่กับพื้น เลือดนั้นไหลออกมาจากตัว ชายคนนี้เหมือนจะหมดลมหายใจไปแล้ว
“ พระเจ้า ทำไมถึงมีคนตายที่นี่ได้ ” หยางเฉินเดินเข้าไปที่ศพ เขาไม่กล้าจะวางใจ หากชายคนนี้ลุกขึ้นมาตบเขา แม้ว่าเขาจะเป็นผู้บ่มเพาะแต่ก็อาจจะต้องเจ็บตัว
หยางเฉิน มองไปที่ศพและคิด ‘ ชายคนนี้เหมือนจะบาดเจ็บมา ดูเหมือนว่าเขาจะสู้กับคนอื่นมาด้วย เขาหลบหนีมาซ่อนตัวที่นี่ ’
“ ชะ...ช่วย...” ชายชุดเขียวเงยหน้าราวกับเขาต้องการจะพลิกตัวแต่เขาเหมือนไม่มีแรงพอที่จะพลิกตัวได้
“ ข .... ข้าไม่อาจจะตายได้แม้ว่าจะอยากตายก็ตาม ข้าไม่อาจจะรอดได้แม้ว่าข้าอยากจะอยู่ก็ตาม ” หยางเฉิน ค่อย ๆ นั่งลงไปและมองไปที่อีกฝ่าย ชายคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ เขาไม่ได้สงสารเลยแม้แต่น้อย เขาไม่คิดจะประคองอีกฝ่าย
“ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะประคองเจ้าแต่ข้ากลัวว่าข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ หากเจ้าตายไปและมีคนหาว่าข้าฆ่าเจ้าล่ะ ? ” หยางเฉิน ลูบจมูกและยิ้มออกมา “ อย่าใส่ใจไป ข้าแค่ล้อเจ้าเล่น หากเปลี่ยนเป็นเจ้า เจ้าก็จะทำแบบเดียวกัน”
ตอนที่อีกฝ่ายพลิกตัว หยางเฉินก็ต้องกลืนน้ำลาย พระเจ้าชายคนนี้โดนอัดจนหน้าบวมเป็นหัวหมู เขาดูน่าอนาถอย่างมาก
เมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายหยางเฉินก็ยิ้มออกมา “ ท่านพี่ ไม่สิ ท่านลุง....”
พูดไปแล้วเขาก็แอบบ่นในใจ ‘ น่าสงสารจริงๆ ! หากโดนอัดขนาดนี้แม้แต่แม่คงจำหน้าไม่ได้แน่ ข้าจะเรียกเขาว่าพี่รึลุงดี ? ’
ชายคนนั้นหอบหายใจ หลังจากนั้นสักพักเขาก็มองไปที่ หยางเฉิน แล้วพูดออกมาเบาๆ “ น้องชาย ช่วยข้ารับแหวนนี่ไปด้วย มันอยู่ที่นิ้วมือข้า หากเจ้าเอาชนะคู่ต่อสู้ของข้าได้ จากนั้นจะมีคนมาพบเจ้าเอง ”
เขาหอบหายใจ หลังจากนั้นสักพักก็พูดขึ้นมา “เมื่อถึงเวลา เจ้าจะต้องแข็งแกร่ง ระ...เร็วเข้า ...ไม่มีเวลาแล้ว...ข้าขอร้อง...ได้โปรด....”
เขากระอักเลือดออกมาพร้อมกับตาที่ค่อย ๆ ขาวไป เขาได้ตายไปแล้วจริงๆ
“ ตายแล้วรึ ?” หยางเฉิน อึ้งไปสักพักก่อนจะได้สติกลับมา เขาลูบจมูกก่อนจะส่ายหน้า “ เขาพูดอะไรไร้สาระก่อนที่จะตาย ? หากข้าเชื่อคำพูของเขา ทันทีที่มีคนมาถึง ข้ากลัวว่าพวกนั้นคงคิดว่าข้าเป็นคนฆ่าเขา ! ”
เมื่อมองไปที่นิ้วของชายคนนั้น หยางเฉิน ก็พบว่ามันมีแหวนสีดำอยู่จริงๆ เขาดึงแหวนออกมาและแสดงท่าทียินดีออกมา “ เขาบอกว่ามีอะไรอยู่ในแหวนกัน ? รึว่ามันจะเป็นแหวนมิติ !”
หยางเฉิน เคยได้ยินเรื่องแหวนมิติมาบ้าง มันสามารถเก็บสิ่งของได้ มันคือแหวนที่มีค่าอย่างมาก อย่างน้อยในเมืองซูเซียนนี้ก็ไม่มีใครที่มีแหวนมิติ
ตอนที่เขาเพิ่งจะดีใจ โซ่ดำที่หนาเท่ากับนิ้วที่คล้องคอเขาเอาไว้พร้อมกับจี้รูปเตาสีดำ จี้นั้นได้ส่องแสงออกมา แสงส่องประกายออกมารอบคอเขาก่อนที่จะกระจายไปทั่วทั้งห้อง
ตอนที่จี้ส่องแสงออกมานั้นมันก็ได้ลอยขึ้น เมื่อเห็นจี้ที่ส่องแสงออกมา หยางเฉินก็เบิกตากว้าง “ ไม่ใช่ว่าเป็นจี้ที่ หยางเฉิน ใส่มาตั้งแต่เด็กรึ ? มันส่องแสงออกมาได้ยังไง ? ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ? ”
ตอนที่จี้ลอยขึ้นมานั้น แสงสีเงินก็ได้ส่องประกายออกมาจากแหวนมิติ ก่อนที่แสงสีเงินจะหายไปแทบทันที หยางเฉินเห็นลูกบอลสีเงินลอยอยู่ในอากาศ ลูกบอลแสงนี้ใสเหมือนกับคริสตัล มันมีไอพลังงานกระจายออกมารอบ ๆ
“ คลื่นพลังนี่ ? ” หยางเฉินเบิกตากว้างมองไปที่ลูกบอลแสง “ มันแผ่พลังปราณออกมา ! รึว่ามันจะเป็นลูกบอลปราณ ? ”
หยางเฉินเคยอ่านจากในตำราเก่าๆว่าลูกบอลปราณนั้นเกิดขึ้นมาเมื่อหลายสิบล้านปีก่อน มันคือสิ่งที่ซับซ้อนอย่างมาก ยังไงซะมันก็แผ่พลังปราณออกมา พลังปราณนี้แข็งแกร่งอย่างมาก มันไม่อาจจะเอาพลังปราณในอากาศภายในโลกมาเทียบได้
แสงที่ส่องออกมาจากจี้สว่างยิ่งกว่าเก่า แรงดึงดูดมหาศาลแผ่ออกมาจากจี้และดูดลูกบอลแสงเข้าไป
หลังจากที่ดูดซับลูกบอลแสงเข้าไปแล้ว แรงดูดก็ได้ดูดตัว หยางเฉินเข้าไปด้วย หน้าของหยางเฉินกลับบวมขึ้นมาราวกับว่าเขาได้เปลี่ยนเป็นคนอ้วนทันที เสื้อผ้าเขาฉีกขาดออกพร้อมกับปลิวไปหาจี้
หยางเฉิน กรีดร้องออกมาก่อนที่เขาจะถูกดูดเข้าไปในจี้
ภายในจี้ หยางเฉิน ได้ตกกระแทกกับพื้นจนปวดก้น เขาลุกขึ้นเอามือถูก้นก่อนจะมองไปรอบๆและพบกับประตูหินบานใหญ่ตรงหน้า ประตูนี้สูงแค่ไหนเขาไม่อาจจะมองออกเพราะมันมีหมอกรอบตัวประตูปกปิดขอบประตูเอาไว้ รอบ ๆ ตัวเขาเองก็มีหมอกเช่นกัน เขาไม่รู้ว่านี่คือที่ไหน นอกจากประตูหินแล้ว มันมีแต่หมอกเต็มไปหมด
“ พระเจ้า ล้อข้าเล่นรึไง ? ” หยางเฉิน เงยหน้าขึ้นมองหมอกรอบตัวและแสดงสีหน้าสับสนออกมา “ นี่คือเส้นทางสู่สวรรค์รึ ? ข้าคงไม่ได้ตายอีกหรอกนะ ? ”
ตอนนั้น หยางเฉินกลับเห็นว่ามีร่องอยู่บนประตู ร่องนี้จริงๆแล้วคือลูกบอลแสงเมื่อตะกี้ มันได้แผ่ปราณออกมาและโดนประตูหินดูดซับเข้าไปทั้งหมด
“ ตามที่หนังสือบอกมา มันคือลูกบอลปราณจริงๆ ” หยางเฉินเดินไปที่ประตูและมองไปที่ลูกบอลแสงบนประตู
ลูกบอลปราณนั้นหายากอย่างมาก เท่าที่หยางเฉินรู้ เขารู้แค่ว่าในจักรวรรดิดาฮัน, จักรวรรดิแดวูและวังวูหลิงใกล้กับวูชานเท่านั้นที่จะมีลูกบอลปราณ มันเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่ามันมีค่ามากเพียงใด
“ โชคร้ายที่พลังปราณทั้งหมดโดนประตูนี่ดูดซับไปหมดแล้ว ข้าไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวเดียว “ ตอนนั้นหยางเฉินกลับอยากทำลายประตูตรงหน้าขึ้นมา
“ หือ ?” หยางเฉินมองไปที่ประตู ประตูนั้นมีเตาหลอมยาฝังอยู่ ใช่ มันคือเตาหลอมยาที่เหมือนกับจี้ที่เขาใส่อยู่ ความต่างคือขนาดและสีของมันที่ใหญ่กว่าอย่างมาก มันสูงกว่าครึ่งเมตรและเป็นสีทอง
เตาหลอมยานี้ฝังอยู่ในประตู ปากของมันหันเข้าหาหยางเฉิน หยางเฉินอยากจะเอื้อมมือไปจับมันแต่มันกลับลอยออกมาและพุ่งเข้าหาเขา
“ มันจะฆ่าข้ารึไง ! ” ด้วยความแข็งแกร่งของหยางเฉินแล้ว เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะหลบ ดังนั้นเขาจึงได้กรีดร้องออกมาก่อนที่จะสลบไปกับพื้น
ตอนที่เขาสลบไปนั้นก็มีของเหลวสีแดงเหมือนกับเลือดไหลออกมาจากเตาหลอมยาพันรอบตัวเขาเอาไว้ ก่อตัวเป็นรังไหม ของเหลวเหล่านี้ได้แทรกซึมเข้าไปในร่างของเขาราวกับเข็มที่ทิ่มแทงเข้าไปในตัวและหลอมรวมกับส่วนต่างๆ ของร่างกายเขามันรวมเข้าไปถึงแก่นชีวิตของเขา
ในหัวหยางเฉิน มันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “ ผู้รับเตาปรุงยาราชาอมตะก้าวขึ้นสู่วังสวรรค์อมตะ ! “ คำพูดสั้นๆเหล่านี้ได้ตราตรึงในหัว หยางเฉิน เขาไม่มีทางที่จะลืมมันได้ !
ในรังไหมเลือดนั้น หยางเฉินรู้สึกราวกับตัวเขามีเข็มเป็นพันๆเล่มแทงเข้าใส่ ความเจ็บนั้นไม่อาจจะอธิบายได้ ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนเพียงใดแต่ก็ไม่อาจจะตื่นจากความรู้สึกนี้ได้เลย
ของเหลวที่เหมือนกับเลือดไหลเข้าไปในตัวเขาทำให้เขารู้สึกเหมือนร่างกำลังจะระเบิด ความเจ็บนี้แทบจะฆ่าเขาได้เป็นพันๆ ครั้ง ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ตอนที่หยางเฉินพบว่าเขาลืมตาขึ้นมาได้นั้นความเจ็บปวดก็หายไป เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมาและพบว่าเขายังอยู่ในรังไหมอยู่
เขาขยี้ตาแล้วขยับตัวก่อนที่จะหลุดออกมาจากรังไหมได้
“ พระเจ้า เกิดบ้าอะไรขึ้นกัน ? มันคือเตาปรุงยาราชาอมตะจริงๆรึ ? ” หยางเฉินมองไปที่เตาปรุงยาราชาอมตะและนึกถึงคำพูดในหัว
“ หือ ? นี่มันอะไรกัน ? ” หยางเฉินเห็นว่าที่เตายามีตัวหนังสือสีทองสลักเอาไว้ “ ทักษะกุยหยวนขั้น 1” คือทักษะบ่มเพาะปราณงั้นรึ ?
หยางเฉินกอดเตายาเอาไว้ราวกับกอดลูกรัก เขามองไปที่ตัวหนังสือบนเตา ทักษะที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เด็กทุกคนในเมืองซูเซียนเมื่อไปยังโถงวรยุทธจะได้เรียนรู้ทักษะบ่มเพาะ แต่มันคือทักษะทั่ว ๆ ไป หากเป็นกองกำลังใหญ่ ทักษะบ่มเพาะจะดีขึ้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องสนใจทักษะที่เผยแพร่ให้ทุกคนได้เรียนรู้
โชคร้ายตอนที่หยางเฉินบ่มเพาะทักษะนั้น เขาไม่อาจจะดูดซับปราณได้ มันเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่อาจจะบ่มเพาะได้
หลังจากที่ตื่นเต้นได้สักพัก หยางเฉินก็ส่ายหน้า “ ข้าคิดว่าข้าก็ยังไม่อาจจะบ่มเพาะทักษะส่วนมากได้อยู่ดี “
หลังจากที่สูดหายใจเข้าลึกๆ หยางเฉินก็ลูบจมูกคิดจะทดสอบ หากเขาไม่อาจจะบ่มเพาะได้ งั้นเขาก็ไม่สนว่ามันจะเป็นเตาอะไร เขาจะพังมัน หรือไม่ก็เอาไปขายทิ้งซะ !
เขาวางเตาลงไปที่พื้นแล้วนั่งขัดสมาธิลงไป เขาเพ่งสมาธิไปที่ตันเถียนและเริ่มทำการบ่มเพาะตามเส้นทางที่ทักษะได้บ่งบอกเอาไว้
หลังจากที่โคจรปราณรอบแรกปากของหยางเฉินก็กระตุกขึ้นมา “ ข้าว่าแล้ว ! แน่นอนว่ามันต้องไม่ได้ผล ! ”
แต่ตอนนั้นสีหน้าเขากลับเปลี่ยนไป ปราณรอบตัวเขาค่อยๆไหลเข้ามาที่ตัวไหลผ่านผิวเข้าไปในเส้นชีพจรก่อนจะไหลไปยังตันเถียนก่อนจะไหลไปตามเส้นทางการโคจรปราณในทักษะกุยหยวน
ปราณเท่ากับผมเส้นเล็กๆปรากฏขึ้นในตันเถียน หลังจากที่ตรวจสอบตันเถียนตัวเอง หยางเฉิน ก็หัวเราะออกมาด้วยความตื่นเต้น มันต้องใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้
หลังจากที่สูดหายใจเข้าลึกๆเขาก็หลับตาและเริ่มบ่มเพาะอีกครั้ง ปราณรอบตัวเริ่มไหลมารวมตัวกันที่ตันเถียนมากขึ้นเรื่อยๆ
คนในโลกแห่งอำนาจนี้มีตันเถียนที่พิเศษ มันมีชั้นกันทั้งหมด 8 ชั้นเป็นชั้นกรองปราณ มันราวกับชั้นทั้ง 8 นั้นหายไป ปราณได้ถูกดูดซับเอาไว้หมด เขาทะลวงผ่านทีละขั้นๆจนสุดท้ายก็มาถึงขอบเขตกำลังภายในขั้น 9 ได้ !