px

เรื่อง : กลืนดารา (Renew)
ตอนที่ 1 ลู่ฟง


ตอนที่ 1  ลู่ฟง

ท้องฟ้าสีฟ้ามองดูเหมือนมรกตขนาดใหญ่ ดวงอาทิตย์ในช่วงกลางฤดูร้อนดูเหมือนเปลวไฟขนาดใหญ่ที่ถูกแขวนไว้ที่ด้านบนสุดของมรกตเม็ดนี้ เมื่อมองตำแหน่งของดวงอาทิตย์ เราอาจคำนวณว่าอยู่ในช่วง 3 โมงเย็น

 

โรงเรียนมัธยมแห่งที่ 3 ของเขตจื่ออัน

[ กริ๊งงงงง กริ๊งงงงงง กริ๊งงงงง ]

 

หลังสิ้นเสียงระฆังที่ดังก้องไปทั่วทั้งเขต ตามมาด้วยความสับสนและวุ่นวาย อาคารเรียนแต่ละหลัง 

ล้วนมีนักเรียนทยอยเดินออกมาเป็นกลุ่มพร้อมกับเสียงหัวเราะ พวกเขามุ่งตรงไปยังประตูโรงเรียน

 

" น้องลู่ฟง ! น้องลู่ฟง * ! " มีเสียงตะโกนเรียกดังขึ้น

“ เฮ่ ! ฟง มีคนเรียกนายอยู่น่ะ ”

 

ท่ามกลางกลุ่มนักเรียน ที่กำลังถือหนังสือ เดินไปพร้อมกับคนอื่นๆ เขาแต่งตัวด้วยชุดกีฬาสีฟ้า 

สูงประมาณ 175 ซม. รูปร่างจัดว่าค่อนข้างผอม ในช่วงเวลานั้นเอง เขาหันกลับไปมองคนที่เรียกเขา 

ชายคนที่เรียกเขานั้นสูง 190 ซม. มีหน้าอกที่กว้างใหญ่ราวกับเสือ และช่วงเอวที่มั่นคงอย่างกับหมี 

และยังมีกล้ามแขนที่แข็งแรง

 

“ คุณคือ ? ” ลู่ฟงถามด้วยความลังเล เขานึกไม่ออกว่าเขารู้จักชายคนนี้หรือไม่ เมื่อเทียบกันระหว่างคนสองคน มีความแตกต่างกันทั้งส่วนสูง และกล้ามเนื้อ อย่างไรก็ดี ชายร่างยักษ์เข้ามาด้วยความเป็นมิตร 

เขามองลู่ฟงที่อยู่ด้านหน้าด้วยความชื่นชม

 

“ ดูเหมือนว่าข่าวลือที่พูดกันจะเป็นจริงด้วยสิ ไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสได้คุยกับน้องลู่ฟง ”

“ น้องลู่ฟง คือ..ฉันมีเรื่องที่อยากให้ช่วยสักเล็กน้อย ”

“ ช่วย ? อะไรหรือ ” ลู่ฟงถาม

 

“ คือตอนที่ฉันกำลังฝึกซ้อมอยู่ ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติในระหว่างที่ต่อย ก็เลยคิดว่านายอาจจะพอมีเวลาช่วยให้คำแนะนำได้บ้าง ”

 

เขาพูดต่อ “ ตามที่อาจารย์โดโจแนะนำมา ด้วยพละกำลังของฉัน ฉันต้องต่อยหมัดให้มีพลังได้มากกว่า 

50 % แน่ๆ แต่ฉันไม่สามารถทำได้ถึงสักที ”

ชายร่างยักษ์นั้นรอฟังคำแนะนำจากลู่ฟงอย่างคาดหวัง

 

“ อ้อ เข้าใจแล้ว ” ลู่ฟงหยุดพูดชั่วขณะ พร้อมกับพยักหน้าตอบรับ

“ ถ้าอย่างนั้น วันศุกร์นี้ช่วงเที่ยง มาหาผมที่โดโจ ”

“ ขอบคุณ ขอบคุณมากๆ ” ชายร่างยักษ์กล่าวคำขอบคุณหลายๆครั้ง

 

ลู่ฟงหัวเราะเล็กน้อย แล้วจึงค่อยๆ เดินแยกไปกับกลุ่มเพื่อนของเขา

ชายร่างยักษ์มองไปที่ลู่ฟงซึ่งเดินจากไปด้วยความตื่นเต้น เขากำหมัดแน่น เส้นเลือดที่แขนดูพองโต 

เขาตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น

 

“ เยี่ยม ! ”

“ ว้าว ไม่นึกว่าลู่ฟงจะตอบตกลงง่ายดายขนาดนี้ ?! ” เด็กนักเรียนคนหนึ่งพูดด้วยความประหลาดใจ

“ ข่าวลือนั้นเป็นจริงแน่นอน ลู่ฟงเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย และยังเป็นคนที่จิตใจดีอีกด้วย ” ชายร่างยักษ์ยิ้มเล็กน้อย

 

“ แต่... มันก็ไม่น่าจะถูกทั้งหมดนะ ในโรงเรียนมัธยมของเราที่มีนักเรียนมากกว่า 5,000 คน มีเพียงแค่ 3 คนเท่านั้นที่คู่ควรกับอันดับ ‘ นักเรียนที่มีศิลปะการต่อสู้ชั้นสูง ’ และ 3 คนที่ว่านั้น หนึ่งในนั้นคือ จางหาวไป่ และ หลิวถิง แต่สองคนนั้นค่อนข้างหยิ่งและไม่ค่อยมีเวลาที่จะให้คำแนะนำมากนัก ” นักเรียนชายพูด ต่อไป

 

“ แล้วลู่ฟงใจดีขนาดนั้นเชียวหรือ ”

ในทุกประเทศ ทั่วผืนแผ่นดิน นักเรียนมัธยมทุกคนจะได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และจะได้เข้าเรียนศิลปะการต่อสู้ โดโจ เพื่อที่จะปลดปล่อยพลังที่ซ่อนอยู่ภายในตัวของทุกคน

 

โรงเรียนมัธยมจื่ออัน มี 3 ระดับชั้น และมีนักเรียนมากกว่า 5,000 คน

ส่วนใหญ่แล้วนักเรียนที่นี่จะอยู่ในระดับ ‘ ขั้นพื้นฐาน ’ มีส่วนน้อยที่สามารถก้าวไปถึง ‘ ขั้นกลาง ’ และมีเพียงแค่ 3 คนเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปถึงระดับสูงสุด ‘ ขั้นผู้นำ ’

 

“ นายก็เห็นแล้ว เชื่อได้รึยัง น้องลู่ฟงช่างแตกต่างจากอีกสองคนนั้นจริงๆ ” ชายกล้ามโตอมยิ้มขณะพูด

 

“ จางหาวไป่และหลิวถิงนั้นอาศัยอยู่ในตระกูลที่มีฐานะดี ตั้งแต่พวกเขายังเด็ก ตระกูลของพวกเขาได้ส่งเสริมและยอมจ่ายเงินเป็นจำนวนมหาศาลในการฝึกฝนพวกเขา จนทำให้พวกเขาเก่งกว่าคนทั่วไป 

แต่ลู่ฟงนั้นแตกต่างจากพวกเขาทั้งสองมาก ”

 

นักเรียนชายคนนั้นพยักหน้าเห็นด้วย “ ฉันก็เคยได้ยินเหมือนกันว่าลู่ฟงอยู่ในตระกูลที่มีพื้นเพทั่วๆไป 

และเขาอาศัยอยู่ในบ้านเช่าราคาถูก ด้วยซ้ำ ”

 

“ ใช่ นั่นแหล่ะน้องลู่ฟงของพวกเรา กว่าเขาจะมาถึงระดับนี้ได้ เขาต้องฝึกฝนอย่างหนัก ทั้งการฝึกพลังหมัด และพลังเท้า ช่างแตกต่างจากจางหาวไป่และหลิวถิงจริงๆ ”

 

นักเรียนชายร่างยักษ์กำหมัดของเขาแน่น และหายใจเข้าไปลึกๆ “ เป้าหมายของฉันก็คือ ลู่ฟง ก่อนที่จะจบจากโรงเรียนนี้ อีกเพียงสี่ปี ฉันต้องผ่านการทดสอบโดโจและไปให้ถึงระดับ ‘ ขั้นผู้นำ’ ให้ได้ ”

……

 

ลู่ฟงที่ใครๆพูดถึงอยู่นั้น ตอนนี้ได้เดินไปพร้อมกับกลุ่มเพื่อน พวกเขาสวมชุดกีฬาและกำลังเดินผ่านประตูสาม

 

“ ฟง เจ้าคนตัวโตที่มาขอคำแนะนำจากนาย ตอนนี้กำลังพูดยกยอนายใหญ่เลย ” นักเรียนสวมชุดกีฬาพูดพร้อมกับหัวเราะ

 

“ ชื่นชมว่านายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่และคุยง่าย ”

ลู่ฟงหัวเราะ “ แล้วพวกนายอิจฉา หรือยังไง เว่ยเหวิน ”

“ อิจฉางั้นเหรอ ? ” เว่ยเหวินเกาจมูก และหัวเราะ

 

“ ฝันไปเหอะ ฮ่าฮ่าฮ่า เราแค่สงสาร เจ้านั่นช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ว่าตัวตนที่แท้จริงของลู่ฟงที่เขารู้จักเป็นยังไง แต่เรายังจำการแข่งขันโดโจ ครั้งนั้นได้นะ ลู่ฟง นายได้ต่อสู้กับคนสามคนพร้อมๆกัน และหลังจากนั้นสามคนนั้น ก็ไม่สามารถที่จะไต่ระดับกลับมาได้อีกเลย ”

 

ลู่ฟงหัวเราะ

จริงๆแล้วการต่อสู้รอบนั้นถือเป็นรอบที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักเลยทีเดียว

ลู่ฟงต่อยไปที่ไหล่ของเว่ยเหวิน “ ไป รีบกลับบ้านกันเถอะ ”

ไหล่ของเว่ยเหวินสั่นไหว “ เฮ้ย ฟง เบาๆหน่อย นายต่อยมาทำไหล่เราเกือบหลุดเลยนะ ”

 

“ ขออีกครั้งละกัน ”

เว่ยเหวินถือเป็นเพื่อนคนสนิทของลู่ฟง พวกเขาเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่ยังเล็ก 

แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้เป็นพี่น้องทางสายเลือด แต่ก็ถือว่าทั้งสองใกล้ชิดกันมาก

เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต ทั้งสองคนก็มีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่น

 

“ เฮ่ ! ”

อยู่ๆ เว่ยเหวินก็หยุด แล้วมองทางข้างหน้า

“ ฟง หวานใจของนายอยู่ข้างหน้าแล้ว ”

 

“ อื่ม ” ลู่ฟงมองไปข้างหน้า และเขาก็พบกับหญิงสาวที่มัดผมหางม้า สวมกางเกงยีนส์ และเสื้อยืดสีขาว เธอดูโดดเด่นสะดุดตาท่ามกลางผู้คนมากมาย

หัวใจของลู่ฟงเต้นแรง

 

ชื่อของเธอ คือ ---- ซูหลิน

ลู่ฟงนั้นแอบชอบซูหลินมานานหลายปี แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ความลับนี้ ในช่วงปีแรกที่เข้าเรียน 

ลู่ฟงและซูหลินต่างก็อยู่ในชั้นเดียวกัน ครั้งแรกที่ลู่ฟงได้เจอซูหลิน เขาก็รู้สึกถึงความงดงามที่อยู่ด้านหน้าเขาในทันที

 

ระหว่างที่เรียน ลู่ฟงนั่งอยู่แถวหลังของห้อง และเขาไม่อาจควบคุมตนเองไม่ให้มองแผ่นหลังของซูหลินได้ เขาเฝ้าแอบมองเธอตลอดเวลา

เขารู้สึกพึงพอใจที่ได้มองซูหลิน แม้เพียงแค่ด้านหลังของเธอ

 

ในปีสอง นักเรียนทั้งชั้นจะถูกสับเปลี่ยนห้อง เขาและซูหลินจึงไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันอีก อย่างไรก็ดี 

ทุกครั้งที่เขาพบซูหลิน เขาก็ไม่อาจที่จะละสายตาไปจากเธอได้

 

‘ เหลืออีกเพียงเดือนเดียวเท่านั้นก็จะมีการสอบแล้ว ’ ลู่ฟงพึมพำกับตัวเอง

‘ เมื่อก่อน เราไม่มีความกล้าและความโรแมนติกเลย แถมในตอนนี้ทุกคนก็กำลังยุ่งอยู่กับการทบทวนสิ่งที่เรียนมา ซูหลินก็คงต้องอ่านหนังสือทบทวนเช่นกัน เธอคงไม่สามารถที่จะคิดถึงเรื่องความรักในช่วงนี้ 

เราเองก็ต้องทุ่มเทกับการฝึก ไม่อย่างนั้นจะต้องเสียใจไปทั้งชีวิตแน่ๆ ’

 

‘ ไม่ว่ายังไงก็ตาม ความรักของเรา อย่างน้อยก็ขอให้เราได้มีความทรงจำที่ดีต่อกันก็แล้วกัน ’

ความรัก ความโรแมนติก...

ช่างขมขื่นยิ่งนัก ดอกไม้ที่กำลังจะเบ่งบานได้ร่วงโรยไป

ลู่ฟงเพียงแค่ต้องการที่จะเก็บความในใจนี้ไว้ในส่วนลึกของจิตใจเขา

 

“ นายมีโอกาสที่จะตามเธอไปนะ ตอนนี้ก็ยังมีเวลาอีกแค่เดือนกว่าๆเท่านั้นเอง ” เว่ยเหวิน บอกกับ ลู่ฟง 

“ ถ้านายยังไม่ทำ นายอาจจะพลาดโอกาส และในอนาคตก็คงยากที่จะเจอเธออีกแล้วล่ะ ”

 

“ เว่ยเหวิน ” ลู่ฟงเรียกชื่อเขา และส่ายหน้า “ หยุดพูดเถอะ ถ้าฉันไม่สามารถไปถึงระดับ ‘ นักสู้ ’ แล้วล่ะก็ ฉันก็จะไม่สนใจเรื่องรักเด็ดขาด ”

 

“ นายช่างโหดร้ายกับความรักเสียจริง ”

เว่ยเหวิน ยกนิ้วให้ “ ‘ นักสู้ ’ งั้นหรือ ในโรงเรียนของเราที่มีนักเรียนกว่า 5,000 คน 

ยังไม่มีใครสามารถก้าวไปถึงระดับนั้นได้เลย แต่นายกล้าพูดว่า ถ้านายไม่ถึงระดับนั้น 

นายจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องความรัก ? ”

 

“ อื่ม ” ลู่ฟงมองเห็นกลุ่มคน ห้าคนที่อยู่นอกรั้วประตูโรงเรียน “ จางหาวไป่ ? ”

ในกลุ่มนักเรียนที่อยู่นอกรั้วนั้น มี 5 คนที่ดูโดดเด่น คนที่เป็นหัวหน้าในกลุ่มนั้นสูงประมาณ 180 ซม. 

มีกล้ามอกที่ใหญ่โต สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีขาว สี่คนที่เหลืออยู่ล้อมรอบตัวเขา 

ด้วยความที่มีกล้ามใหญ่ หรือเพราะรอยแผลที่ใบหน้าจึงทำให้เขาดูน่าเกรงขามมาก ชายเสื้อขาวคนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ เขาคือหนึ่งในสามที่มีอยู่ในระดับ “ ผู้นำ ” --- จางหาวไป่นั่นเอง

 

“ ลู่ฟง ” จางหาวไป่ หันมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูถูก

ถ้าถามถึงคนที่จางหาวไป่เกลียดมากที่สุดในโรงเรียน คำตอบที่ถูกที่สุดต้องเป็นลู่ฟงคนนี้แน่ๆ !

เพราะทั้งสามคนที่ได้อยู่ในระดับ “ ผู้นำ ” นั้นเป็นผู้หญิงหนึ่งคน และผู้ชายอีกสองคน ที่ได้ครองตำแหน่งนี้

จางหาวไป่ ได้ตำแหน่งนี้มาเพราะพื้นฐานของตระกูลที่ร่ำรวย ในขณะที่ลู่ฟงนั้นช่างดูธรรมดา เขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าๆ

 

ในเรื่องผลการเรียน – ลู่ฟง เหนือกว่า จางหาวไป่ !

เรื่องความแข็งแกร่ง -- ทั้งคู่ต่างได้ตำแหน่ง “ ผู้นำ ” เท่ากัน แต่ลู่ฟงเคยท้านักเรียนรุ่นพี่ถึงสามคน 

และเขาก็สามารถเอาชนะโดยที่พวกเขาไม่สามารถตอบโต้ได้เลย และหนึ่งในสามคนนั้นก็คือจางหาวไป่นั่นเอง เขาถูกต่อยจนฟันร่วงในครั้งนั้นด้วย

 

จึงเกิดความไม่พอใจ !

ความขุ่นเคืองใจของจางหาวไป่ที่มีต่อลู่ฟงนั้นมากยิ่งนัก

“ ไปกันเถอะ ” จางหาวไป่ ใช้ลิ้นเลียฟันของตัวเองด้วยความขมขื่น ช่วงเวลาที่เขาถูกลู่ฟงโค่นลง 

ปากของเขาเต็มไปด้วยเลือด และฟันก็ค่อยๆร่วงออกมา

 

“ ไอ้เจ้าจางหาวไป่ ตั้งแต่แรกที่เรียนโดโจด้วยกัน มันก็ทำตัวดีอยู่นะ แต่พอมันแพ้นายน่ะ มันก็ไม่เคยมายุ่งกับนายอีกเลย ” เว่ยเหวินพูดกับลู่ฟงพร้อมๆกับมองกลุ่มนักเรียนห้าคนที่ค่อยๆเดินจากไป

จางหาวไป่ ?

 

ลู่ฟงไม่คิดจะสนใจ คนคนนี้เลย

“ เราอย่าไปยุ่งกับเรื่องเล็กน้อยนี่เลย ไปเถอะ ” ลู่ฟงพูด พร้อมกับเดินทางกลับบ้านพร้อมกับเว่ยเหวิน

———

 

ระหว่างทางกลับบ้านนั้น

เสียงแตรรถยนต์ดังขึ้น ในยุคนี้รถใช้พลังงานไฟฟ้าทุกคัน ดังนั้นจึงแทบไม่มีควันและกลิ่นน้ำมันบนท้องถนนเลย

 

“ เว่ยเหวิน เหลืออีกแค่เดือนเดียวก็จะถึงการสอบแล้ว เราสองคนมาพยายามให้เต็มที่ในช่วงเดือนนี้กันเถอะ ” ลู่ฟงพูดกับเว่ยเหวิน

 

“ การเรียนโดโจ นั้น เราสามารถผ่อนคลายได้บ้างก็จริง เราเรียนทุกๆวันพร้อมๆกับให้ความสนใจ

ศึกษาวิชาต่างๆ จะว่าไปการเรียนตลอด 12 ปีที่ผ่านมา ก็เพื่อการสอบครั้งนี้ครั้งเดียวนะ ”

 

“ ใช่ 12 ปีแห่งการเรียนรู้ การสอบครั้งนี้จะตัดสินชะตาชีวิตของพวกเรา ” เว่ยเหวินถอนหายใจลึกๆ 

“ สอบ สอบ มันช่างน่าเบื่อจริงๆ ”

 

“ ถูก ” ลู่ฟงพยักหน้าตอบรับ

แม้ว่าลู่ฟงจะได้อยู่ในระดับ ‘ ผู้นำ ’ แต่สภาพบ้านของพวกเขานั้นไม่ค่อยจะสู้ดียิ่งนัก ไม่ว่าเขาจะจน 

หรือเกรดของเขาจะเป็นอย่างไร เขาก็สามารถที่จะทำงานในฐานะ “ องค์รักษ์ระดับสูง ” ซึ่งมีสิทธิ์จะได้รับเงินเดือนสูงกว่า 20,000 หรือ 30,000 ดอลลาร์ เลยทีเดียว แต่ลู่ฟงจะพอใจเพียงแค่ตำแหน่งบอดี้การ์ด หรือองค์รักษ์อย่างงั้นหรือ ?

……..

 

เหนือเขตจื่ออันขึ้นไปบนท้องฟ้า สูงกว่า 1,000 เมตร

อินทรีย์ทองมงกุฎดำขนาดใหญ่ได้บินโฉบผ่านตัวเมือง ร่างกายของมันยาวกว่า 20 เมตร มันตัวใหญ่ราวกับเครื่องบินเจ็ท ตัวมันมีขนที่เป็นมันเงา ขนที่ส่วนหัวนั้นมีสีดำเงา เหมือนดั่งมงกุฎสีดำ ส่วนกงเล็บของมันนั้นกลับเป็นสีทอง

 

ดวงตาสีฟ้าที่คมกริบ และมีประกายได้มองลงไปยังหมู่มนุษย์ที่อยู่ในเมืองเบื้องล่าง ในดวงตานั้นได้ปกปิดรังสีแห่งการทำลายล้างเอาไว้

“ บูมมมมมมม ”

 

เจ้าอินทรีย์ทองมงกุฎดำที่บินด้วยความเร็วนั้น อยู่ๆ มันก็เพิ่มความเร็วขึ้นอีกทวีคูณ ด้วยความเร็วที่เหนือเสียง พร้อมกันนั้นมันส่งเสียงร้องแหลมออกจากปากของมัน คลื่นความถี่ของเสียงนี้ สามารถสร้างความเสียหายให้กับตัวเมืองได้อย่างรุนแรง ………

 

บริเวณสี่แยกจื่อเทียนในเขตจื่ออัน ลู่ฟงกำลังยืนรอสัญญาณไฟแดงพร้อมกับเว่ยเหวิน

ขณะนั้นเอง-----

 

ได้มีเสียงร้องของสัตว์ดังหวีดก้องไปทั่วเมือง มันไม่ใช่เสียงฟ้าผ่า เสียงฟ้าผ่านั้นปกติจะดังเพียงชั่วขณะ 

แต่เสียงนี้มันดังก้องทะลุผ่านเข้าไปในหู ลู่ฟงได้ยินแล้วรู้สึกปวดที่แก้วหูของเขา ใบหน้าเขาย่นลงด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้ผู้คนทั้งหลายบนท้องถนนต่างก็ยกมือปิดหูด้วยกันทั้งสิ้น

 

“ นั่นมัน ต้องเป็นเสียงร้องของนกแน่ๆ ” ลู่ฟง พูดขึ้นพร้อมกับมองไปบนท้องฟ้า

“ ฮืม ? ” เขาประหลาดใจไปชั่วขณะ

 

ผู้คนต่างตื่นตระหนกในเสียงร้อง มันดังทะลุแก้วหู ในตอนนี้กระจกบานใหญ่ในตึกสูงระฟ้า บริเวณนั้นๆ 

ก็ได้เริ่มแตก “ เพล้ง ” กระจกชิ้นใหญ่น้อยล่วงหล่นจากอาคาร บางส่วนได้ตกลงบนทางเท้า 

โดนผู้คน และกระแทกกับโคมไฟบนท้องถนน

 

เพล้ง เพล้ง !

มีเสียงดังไปทั่วบริเวณ

และมีกระจกชิ้นหนึ่งกำลังร่วงลงพื้น ใกล้ๆกับจุดที่ลู่ฟงยืนอยู่พอดี

 

“ เฮ่ย ! ” เว่ยเหวินถอยหลังสองสามก้าวเพื่อหลบเศษกระจกเหล่านั้น

เศษกระจกที่แตกละเอียดบนพื้น บางส่วนได้พุ่งตรงมาที่ลู่ฟงอย่างกับใบมีด

“ หืม ” ลู่ฟงมองเห็นได้อย่างชัดเจน

 

อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้หลบหลีก เขายืนนึ่งๆ ในชั่วพริบตาเขาใช้มือพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว 

เขาคว้าไปที่เศษกระจกที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขา

 

เศษกระจกชิ้นนั้นได้ส่องสะท้อนใบหน้าของลู่ฟง เขาบีบมันและขว้างทิ้งไป เศษกระจกที่ขว้างไปนั้นพุ่งตรงไปในถังขยะที่อยู่ห่างไกลอย่างแม่นยำ

 

รถยนต์บนท้องถนนที่ได้รับผลกระทบในตอนแรกเริ่มกลับมาเคลื่อนที่เหมือนเดิม ผู้คนบนท้องถนนต่างพากันจับกลุ่มพูดคุยกัน มีผู้เคราะห์ร้ายบางส่วนได้รับบาดเจ็บ แต่ส่วนใหญ่แล้วทุกคนแทบจะไม่ได้รับอาการบาดเจ็บ

 

“ พลังอะไรกัน ? ” ลู่ฟงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง

“ พลังมันมากมายเหลือเกิน แค่ส่งเสียงครั้งเดียว มันต้องเป็นสัตว์อสูรที่ทรงพลังอย่างแน่นอน 

เว่ยเหวิน นายรอบรู้ในเรื่องของสัตว์อสูรไม่ใช่หรือ พอจะรู้ไหมว่าเจ้าตัวที่ส่งเสียงร้อง มันเป็นตัวอะไร ? ”

 

เว่ยเหวินเหลียวมองลู่ฟง ดวงตาเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ ฟง รู้หรือเปล่า เหนือท้องฟ้าของเมืองเรามีระบบป้องกันกางคลุมเอาไว้สูงกว่า 500 เมตร แต่สัตว์อสูรตัวที่ว่านี้ มันบินอยู่เหนือท้องฟ้าสูงกว่า 500 เมตร และแม้จะบินอยู่สูงขนาดนั้น แต่การส่งเสียงของมันก็ทรงพลังยิ่งนัก ถ้าเป็นสัตว์อสูรทั่วไปคงไม่กล้าส่งเสียงคำรามเหนือเมืองมนุษย์แบบนี้แน่ๆ ”

 

“ ด้วยพละกำลัง ความเย่อหยิ่ง และเสียงที่ส่งออกมานั้น ถ้าเราเดาไม่ผิด นั่นต้องเป็นเสียงที่ร้องของ 

‘ อินทรีย์ทองมงกุฎดำ ’ อย่างแน่นอน ” เว่ยเหวินพูดด้วยท่าทีจริงจัง

“ อินทรีย์ทองมงกุฎดำ ? ” ลู่ฟงทำหน้าประหลาดใจ

 

แน่นอนมันเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่ออินทรีย์ทองมงกุฎดำตัวนี้

“ อินทรีย์ทองมงกุฎดำอยู่ในระดับที่สามจากสัตว์อสูญเผ่าพันธุ์เดียว ” ดวงตาของเว่ย เหวินเป็นประกายขณะที่เขาพูด

 

“ ตัวที่โตเต็มที่ จะมีความยาวมากกว่า 21 เมตร ความยาวของปีกประมาณ 36 เมตรและบินด้วยความเร็วได้ถึง 3.9 มัค หรือพูดง่ายๆก็คือ 3.9 เท่าของความเร็วเสียง ความเร็วเสียงที่เรารู้กันก็คือ 340 เมตรต่อวินาที ก็เท่ากับว่ามันบินด้วยความเร็วกว่า 1,326 เมตรต่อวินาทีหรือ 4,774 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ”

 

ลู่ฟงรู้ว่าเจ้าอินทรีย์มงกุฎทองตัวนี้น่าเกรงขาม ทรงพลัง แต่เมื่อเขาได้ยินว่ามันบินด้วยความเร็ว 

1,326 เมตรต่อวินาที เขาก็นิ่งเงียบไปชั่วขณะ

ในหนึ่งวินาที เพียงแค่กระพริบตาเท่านั้นมันก็บินไปได้ไกลกว่าพันเมตรเสียแล้ว

 

“ ขนของอินทรีย์ตัวนี้ยังมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเพชร มันมีความแข็งกว่าอัลลอยด์ 3 เท่า ” เว่ยเหวินกล่าวเสริมด้วยความตื่นเต้น

 

“ เคยมีวีดีโอในโลกออนไลน์ที่ว่าอินทรีย์ทองมงกุฎดำนั้นได้โจมตีกองทหาร มันสามารถที่จะต้านทานเปลวไฟ จากปืนใหญ่เทวะ ขนาด 20 มม.ได้ ซึ่งปืนใหญ่เทวะที่พูดถึง สามารถยิงลูกปืนได้มากกว่า 7,000 ลูก

ต่อวินาที เป็นการยิงติดต่อกัน กระสุนแต่ละลูก นั้นสามารถที่จะเจาะทะลุแผ่นเหล็กที่หนากว่า 50 มม. 

แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย ”

 

“ หลังจากนั้น ก็มีบุรุษลึกลับที่มีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งได้ปรากฏตัวขึ้น เขาถือมีดโลหะอัลลอยด์ ‘ เคเว่ย ’ พุ่งตรงไปฟันอินทรีย์จนขาดเป็นสองท่อน ” เว่ยเหวินพูดอย่างชื่นชม

ได้ยินแบบนั้น หัวใจของลู่ฟงก็เต้นแรง

 

วีดีโอที่ว่านั้นถูกกระจายไปทั่ว และเขาก็เคยเห็นมันแล้วเช่นกัน

‘ ตำแหน่งนักสู้นั้น เราจะต้องไปให้ถึงสักวันหนึ่ง... เราอยากจะเป็นอย่างผู้เยี่ยมยุทธ์ผู้นั้น เพียงแค่ถือมีดก็สามารถฟันสัตว์ที่ดุร้ายอย่างอินทรีย์มงกุฎดำ หรือกอลิล่าอสูรได้อย่างง่ายดาย ’ ลู่ฟงคิดในใจของเขา 

เด็กวัยรุ่นทุกคนต่างก็มีความฝันนี้ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งแน่นอนลู่ฟงก็ฝันเช่นนั้นเหมือนกัน

 

อย่างไรตามจากข้อมูลในโลกอินเตอร์เน็ต นักสู้ลึกลับที่ฟันอินทรีย์ขาดสองท่อนนั้นดูเหมือนจะอยู่แค่ระดับ 100 เท่านั้น ระดับสุดยอดนักสู้อันดับ 100

 

“ ฟง ! ฟง !! นายกำลังเหม่ออะไรอยู่ ? เราต้องกลับบ้านแล้วนะ ” เว่ยเหวินตะโกนขึ้นมา

ลู่ฟง ออกจากความคิดของเขา เขามองตรงไปที่ตึกรูปทรงคล้ายหลอดไฟ ในเขตชายฝั่งตอนใต้ 

สถานที่เล็กๆนั้นเป็นที่ๆรัฐบาลได้สร้างเอาไว้เป็นพื้นที่ให้เช่าพักอาศัยของผู้คน และแน่นอนว่าลู่ฟงก็อาศัยอยู่ในที่แห่งนั้นมากว่า 18 ปี

รีวิวผู้อ่าน