px

เรื่อง : เส้นทางแห่งโชคชะตา (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี วันละ 1 ตอน
เล่ม 1 ตอนที่ 39: ฮีโร่ปรากฏตัว (1)


เล่มที่ 1 ตอนที่ 39: ฮีโร่ปรากฏตัว (1)

 

            เมื่อพวกเขาเข้าไปในถ้ำของราชาหมาป่าโลหิต ก็เห็นเป็นแสงอ่อน ๆ ส่องสว่างออกมาจากภายในถ้ำอีกครั้ง ! เพียงแต่ว่าหญ้าที่รกร้างตรงปากทางเข้าถ้ำมันยาวขึ้นมามากกว่าเดิมหลายเท่า ดังนั้นมันจึงทำให้ทางเข้าถ้ำดูลึกลับมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากฝนหยุดตก หยาดน้ำค้างที่เกาะอยู่บนใบหญ้าก็ส่องประกายสว่างไสวเผยให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวาอันเขียวชอุ่ม

 

            “ดูเหมือนว่าจะไม่มีร่องรอยใด ๆ ของราชาหมาป่าโลหิตเลยแม้แต่น้อย” มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ยังนำไป่หยุนเดินเข้าไปโดยหวังว่าเขาจะพอมีโชคดีอยู่บ้าง

 

            “พี่เสี่ยวเทียน ดูลูกปัดนี่สิ มันสวยงามมาก ! ” ไป่หยุนมองไปที่ลูกปัดที่ติดอยู่กับผนังถ้ำอย่างมีความสุข

 

            มันไม่มีอะไรเหลืออยู่ในถ้ำนี้เลยแม้แต่น้อยตั้งแต่ปากทางเข้าจนข้างในสุดของถ้ำ ร่องรอยของการรุกรานเข้ามาของมู่หรงเสี่ยวเที่ยนครั้งก่อนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

            มีเพียงกองฟางหนาที่เจ้าพวกหมาป่าตัวเล็กเคยนอนที่ยังคงกองอยู่บนพื้นดิน

 

            “ทำไมมันไม่ถูกรีสตาร์ทใหม่กันล่ะ ? (ทำให้พวกหมาป่าเกิดใหม่) หรือว่ามันเป็นเพราะว่ายังไม่ถึงเวลา หรือว่าราชาหมาป่าโลหิตกลายพันธุ์มีแค่ตัวเดียว ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนถามเองตอบเอง พร้อมกับมองสำรวจภายในถ้ำ

 

            เขาเดินไปเดินมาจนทั่วแต่ว่าก็ไม่พบอะไรเลย ในที่สุดเขาก็จ้องไปยังลูกปัดที่ติดอยู่กลางถ้ำเม็ดหนึ่ง

 

            “ไป่หยุน เราจะเอามันออกมายังไงดี เธอมีความคิดดี ๆ ไหม ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปที่ลูกปัดเม็ดนั้นอย่างจริงจัง

 

            “พี่เสี่ยวเทียน ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องยาก มันสูงเกินไป” ไป่หยุนส่ายหัวและคัดค้านออกมา

 

            “มันไม่มีทางเลยจริง ๆ หรือ ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ

 

            “มันก็พอมีวิธีโง่ ๆ อยู่บ้าง แต่มันก็ต้องใช้ความพยายามและใช้เวลานานมากสักหน่อย” ไป่หยุนลังเลและมองไปที่ลูกปัดขณะพูด

 

            “ต้องทำยังไง ? ” ดวงตาของมู่หรงเสี่ยวเทียนเปล่งประกาย ตราบใดที่เขาสามารถเอาลูกปัดนี้กลับมาได้ ไม่ว่าจะใช้เวลานานและใช้ความพยายามมากแค่ไหน เขาก็เต็มใจที่จะทำ

 

            “ง่ายมาก ตัดไม้จำนวนมากมาต่อเป็นบันไดแล้วปีนขึ้นไป” ไป่หยุนพูดจบเธอก็ยิ้มและส่ายหัว “มันเป็นงานยากมากทีเดียว ! ”

 

            “เราต้องได้ออกแรงกันสักหน่อยแล้ว เพราะมันสามารถขายได้ในราคาถึง 80 เหรียญทองเลย” มู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้มออกมา “ก่อนหน้านี้ ในช่วงเช้าของทุก ๆ วันฉันจะต้องไปขุดเหมืองเพื่อแลกกับเงิน 1 เหรียญทอง ซึ่งมันน่าเบื่อมาก สำหรับฉัน 80 เหรียญทองมันมีค่าอย่างมาก”

 

            ไป่หยุนเม้มปากและยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล “พี่ ! พี่นี่ดื้อรั้นจริง ๆ แต่คนเราควรจะต้องเป็นแบบนี้แหละ ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากไปง่าย ๆ”

 

            “อย่าชมกันเยอะได้ไหม ฉันจะลอยแล้ว ฮ่าฮ่า” มู่หรงเสี่ยวเทียนส่ายหัวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เธอรออยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวฉันจะออกไปตัดไม้ ” เขาหันหลังและเดินออกจากถ้ำไปทันทีอย่างไม่รีรอ

 

            “ฉันไปด้วยนะ” จากนั้นไป่หยุนก็เดินตามออกไป

 

            ที่ตั้งของถ้ำแห่งนี้อยู่ตรงเชิงเขา เมื่ออยู่ตรงปากถ้ำแล้วมองออกไป สามารถมองเห็นทิวทัศน์ทั้งหมดได้อย่างชัดเจน ทุ่งหญ้า แม่น้ำ และท้องฟ้าสุดลูกหูลูกตา ด้านหลังถ้ำนั้นเป็นเนินเขาสูงตระหง่านตั้งอยู่ ต้นไม้สีเขียวชอุ่มแผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่วทุกสารทิศ

 

            มู่หรงเสี่ยวเทียนและไป่หยุนปีนขึ้นไปบนเนินเขาด้านหลังถ้ำเพื่อที่จะตัดต้นไม้ แต่ละต้น ความใหญ่ของมันประมาณเท่ากับหนึ่งคนโอบ และสูงเป็นอย่างมาก และตอนนี้ไป่หยุนก็เริ่มสานเชือกจากเถาวัลย์เพื่อเอาไว้มัดท่อนไม้ อาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีใครเข้ามารุกรานที่นี่ ต้นไม้ต่าง ๆ แผ่กิ่งก้านที่งอกงามและแทบไม่มีกิ่งต้นไม้ที่เล็กกว่าแขนของพวกเขาเลย

 

            เขาสับลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าจะโค่นต้นไม้ต้นสุดท้ายได้ ก็ใช้เวลามากกว่าสองชั่วโมง พวกเขาเดินหาต้นไม้ที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป จนตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในป่าที่ห่างออกจากตัวถ้ำประมาณ 100 เมตร

 

            “พักสักหน่อยนะ”  ในที่สุดมู่หรงเสี่ยวเทียนก็จัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาจ้องมองไปที่ไป่หยุนซึ่งกำลังสานเชือกด้วยเถาวัลย์อยู่ ใบหน้าที่ซีดขาวของเธอนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาอดไม่ได้ที่จะสงสารเล็กน้อย

 

            “ก็ได้ ” ไป่หยุนยกมือขึ้นมาเพื่อเช็ดเหงื่อจากใบหน้าของเธอ

 

            “มือของเธอ....” มู่หรงเสี่ยวเทียนจับมือเล็ก ๆ ของไป่หยุนขึ้นมา ปรากฏว่ามีบาดแผลจำนวนมากเกิดขึ้นบนมือของเธอ

 

            “ไม่เป็นอะไรหรอกพี่เสี่ยวเทียน ” ใบหน้าของไป่หยุนแดงก่ำ

 

            “มันเป็นแผลไปหมดแล้ว ทำไมเธอถึงยังบอกว่าไม่เป็นอะไรอยู่ล่ะ ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนร้องไห้อยู่ในใจ จากนั้นเขาก็วางเถาวัลย์ในมือของไป่หยุนลงไปบนพื้นอย่างรวดเร็ว เขาพาไป่หยุนไปหาที่สงบและนั่งพัก “เอาล่ะ เอาล่ะ จากนี้ไปเธอแค่นั่งดูอยู่เฉย ๆ และไม่ต้องทำอะไรอีกแล้วนะ ฉันจะทำทุกอย่างเอง” มู่หรงเสี่ยวเทียนพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม

 

            ไป่หยุนยิ้มและไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่ใบหน้าของเธอยิ่งแดงก่ำขึ้นไปกว่าเดิม ในขณะเดียวกัน เธอก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในหัวใจ มันอ่อนหวานละมุน มีความรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อยและการเต้นของหัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ

 

            “ช่วยด้วย ! ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย ! ”

 

            “ไป่หยุน เธอได้ยินเสียงนั่นไหม ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนลุกขึ้นยืนและมองออกไปอย่างสงสัย

 

            “ช่วยด้วย มีใครอยู่แถวนี้ไหม ? ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย ! ! ! ”

 

            “ช่วยด้วย ! มีใครอยู่ไหม  ช่วยฉันด้วย วู้ววว ! ! ”

 

            มู่หรงเสี่ยวเทียนและไป่หยุนต่างก็หัวเราะออกมา คราวนี้พวกเขาได้ยินอย่างชัดเจน

 

            “มันมาจากทางนั้นน่ะ” ไป่หยุนยิ้มและชี้ไปในทิศทางของป่าบนภูเขา

 

            “ไปกันเถอะ ไปดูกัน” มู่หรงเสี่ยวเทียนดึงไป่หยุนและวิ่งไปยังต้นทางของเสียง

 

            ภูเขาข้างหน้านั้นไม่ค่อยชันเท่าไหร่ มันเริ่มราบเรียบขึ้นมาเรื่อย ๆ ต้นไม้ที่สูงใหญ่ก็ค่อย ๆ เล็กลงไปอย่างเห็นได้ชัด เสียงร้องขอความช่วยเหลือยังคงดังออกมาไม่หยุด และเจ้าของเสียงนั้นก็อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่แล้ว

 

            เดินไปอีกไม่กี่สิบเมตร ต้นไม้สูงใหญ่ก็เริ่มบางตาลงไปมาก และมีขนาดที่เล็กกว่าเดิมอีกด้วย พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างชัดเจน มันเริ่มที่จะแหบลงเรื่อย ๆ เนื่องจากว่าคนคนนั้นกรีดร้องออกมาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว และตอนนี้นอกจากเสียงกรีดร้องแล้ว ก็ยังมีเสียงคำรามของเสืออีกด้วย

 

            “มันเป็นเสือโคร่งคอขาว อสูรขั้นกลางระดับที่ 4 ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนวิ่งช้าลงเพราะรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงคำรามของเสือ

 

            “หืม ! ? ” ไป่หยุนรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย เธอรีบตามหลังมู่หรงเสี่ยวเทียนไปอย่างใกล้ชิด ทั้งสองคนเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง อสูรขั้นกลางระดับที่ 4 นั้นไม่ใช่มอนสเตอร์ที่จะจัดการได้ง่าย ๆ

 

            ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงต้นตอของเสียงนั้น หลังจากที่เห็นฉากตรงหน้า พวกเขาทั้งสองก็รีบหลบไปยังหลังต้นไม้และมองสังเกตการณ์อย่างเงียบ ๆ ห่างจากพวกเขาไปไม่ถึง 40 เมตร มีชายคนหนึ่งกำลังเกาะอยู่บนต้นไม้ ขาข้างหนึ่งของเขาเต็มไปด้วยเลือด เขาตะโกนขอความช่วยเหลือออกมาอย่างสุดเสียง และใต้ต้นไม้นั้นมีเสือโคร่งคอขาวตัวยาวกว่า 2 เมตรกำลังจ้องมองเขาอยู่ !

 

            มู่หรงเสี่ยวเทียนรีบแหงนมองไปยังใครคนนั้นแล้วสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที เขาตะโกนออกมาว่า “ฮีโร่ นั่นมันฮีโร่จริง ๆ ด้วย ! ”

           

 

 

To be continued…

รีวิวผู้อ่าน