px

เรื่อง : เส้นทางแห่งโชคชะตา (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี วันละ 1 ตอน
เล่ม 1 ตอนที่ 13: คำสาปแห่งฟาดิลิค (1)


เล่มที่ 1 ตอนที่  13: คำสาปแห่งฟาดิลิค (1)

 

            วินาทีที่เขากลับเข้ามาในเกม มู่หรงเสี่ยวเทียนก็เริ่มจะวางแผนในการใช้ชีวิตของเขา เพราะตอนอยู่ในเกมที่ผ่านมานั้นเขายุ่งจนไม่มีเวลาว่างราวกับว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ เขามักจะออนไลน์ตอนเช้า 2 ชั่วโมงเพื่อที่จะไปขุดแร่ในเหมืองร้าง เมื่อได้ทองมากพอ เขาก็จะกลับมาและสังหารมอนสเตอร์หัวม้าจนดึกดื่น

 

            “บ้าเอ้ย! นี่มันก็ 3 วันแล้วนะ ทำไมฉันยังไม่ได้อะไรดี ๆ สักอย่าง ? ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด เขาใช้จอบขุดแร่ไปมาราวกับว่าเป็นเครื่องจักร

 

            ในช่วงสามวันที่ผ่านมา เขาจะใช้เวลาเข้าไปอ่านเว็บไซต์ทางการของเกมเดสตินี่เป็นเวลา 2 ชั่วโมงทุกวัน จากนั้นก็เข้าไปขุดแร่ที่เหมืองร้างอีก 4 ชั่วโมงด้วยอารมณ์ที่เบื่อหน่ายเหมือนอย่างตอนนี้ และก็จะกลับไปสังหารมอนสเตอร์หัวม้าจนดึกดื่น เวลาของเขาก็จะวนลูปอยู่อย่างนี้มาสามสี่วันแล้ว

 

            วู่เฟิงและพรรคพวกเข้าสู่เลเวล 8 กันแล้ว แต่ทว่าเขายังคงอยู่ที่เลเวล 0 เท่าเดิม เสื้อผ้าของอีกฝ่ายก็ได้เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าใหม่ ๆ แต่กลับกันมู่หรงเสี่ยวเทียนนั้นกลับล่อนจ้อนขึ้นทุกวันที่เขากลับไปยังจุดเกิด เหตุการณ์มักจะวนไปวนมาเช่นนี้มาหลายวันแล้ว

 

            มู่หรงเสี่ยวเทียนใช้จอบที่อยู่ในมือขุดลงไปตามจังหวะ ขณะเดียวกัน เขาก็นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนนี้เขาถูกขนานนามว่าเป็นผู้ชายที่งี่เง่าที่สุดบนเว็บไซต์ทางการของเกมเดสตินี่ แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด เพราะเขามักจะบอกตัวเองอย่างหนักแน่นเสมอว่าเขาจะต้องเดินต่อและไม่มีวันยอมแพ้แม้ใครจะมองเขายังไงก็ตาม

 

            ช่วงหลายวันที่ผ่านมาเขาก็ได้เริ่มเข้าใจในเกมเดสตินี่มากขึ้น มันกลับกลายเป็นว่าเกมเดสตินี่นี้ซับซ้อนกว่าที่เขาได้คาดการณ์เอาไว้เสียอีก

 

            ในเกมเดสตินี่พวกเขาจะถูกแบ่งระดับออกเป็น 4 ระดับ เลเวล 0-9 จะเป็นเลเวลพื้นฐานธรรมดาไม่นับว่าเป็นระดับที่หนึ่ง และไม่มีทักษะหรือสกิลใด ๆ ให้เรียนรู้

 

            ระดับที่หนึ่ง เลเวล 10-19 จะเป็นระดับเริ่มต้น และมีสาขาอาชีพเพิ่มขึ้นมาหลากหลายกว่าเดิม นักรบที่เข้าสู่เลเวล 10 สามารถเปลี่ยนอาชีพเป็นนักสู้หรืออัศวินได้ นักเวทย์สามารถเลือกสายว่าจะเป็นเวทย์ไฟ เวทย์น้ำ เวทย์ลม หรือว่าเวทย์ดินนั่นเอง จะมีก็เพียงแต่ซัมมอนเนอร์เท่านั้นที่ไม่มีสาขาอาชีพอื่น ๆ เพิ่มอีก

 

        ระดับที่สอง เลเวล 20-39 ถือว่าเป็นระดับของวีรบุรุษและในเกมเดสตินี่ก็ตั้งกฏว่าผู้เล่นจะต้องอยู่ตั้งแต่เลเวล 10-39 ถึงจะสามารถเป็นทหารรับจ้างได้ พูดง่าย ๆ คือใครก็ตามที่เลเวลถึง 10 ขึ้นไป หลังจากเปลี่ยนอาชีพแล้วสามารถเข้าเป็นทหารรับจ้างได้

 

            แต่การเข้าร่วมกองทัพก็มีเงื่อนไข คือคนคนนั้นจะต้องมีเครื่องหมายของทหารรับจ้าง ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเข้าร่วมกองทัพได้

 

            และรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องทหารรับจ้างทั้งหมดจะถูกติดประกาศเอาไว้บนหน้าเว็บไซต์ ในรายละเอียดบอกว่าทหารรับจ้างไม่สามารถสร้างทีมของตัวเองขึ้นมาเองได้ หากต้องการจะจัดตั้งทีม จะต้องปฏิบัติตาม 2 เงื่อนไขนี้เท่านั้น นั่นก็คือข้อแรก ทหารรับจ้างทุกคนในทีมจะต้องมีเลเวลอยู่ที่ 20 ขึ้นไป  ข้อที่สอง จะต้องทำสัญญากับกองกำลังทหารรับจ้างกองกำลังใหญ่ หากไม่ทำตามเงื่อนไข 2 ข้อนี้ก็หมดสิทธิ์ที่จะตั้งทีมทหารรับจ้างขึ้นมาเองได้

 

            ระดับที่สาม เลเวล 40-79 ถือว่าอยู่ในระดับตำนานหรือเรียกง่าย ๆ ว่าอยู่ในขั้นของฮีโร่ คนที่มีเลเวล 40 ขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถใช้ฟังก์ชั่นของกิลด์ได้ เมื่อนั้นผู้เล่นทุกคนก็จะเข้าถึงหัวใจหลักของเกมเดสตินี่อย่างแท้จริง

 

            ระดับที่สี่ เลเวล 80-99 นั้นจะถือว่าเป็นระดับแห่งโชคชะตา หรือที่เรียกว่าระดับที่มาพร้อมกับสงครามระดับประเทศ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนเก็บเลเวลถึง 80 สงครามที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศก็จะเริ่มต้นขึ้น

 

            เริ่มจากเลเวล 10 จากนั้นก็จะสามารถเรียนรู้ทักษะและสกิลในทุก ๆ ครั้งที่มีการเปลี่ยนอาชีพและเลื่อนระดับตามที่เกมได้กำหนดเอาไว้

 

            เมื่อมู่หรงเสี่ยวเทียนเห็นข้อมูลทักษะเหล่านี้ในตอนแรก เขาก็รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เขาสามารถขึ้นไปถึงระดับที่ 4 ได้ ก็ต่อเมื่อเลเวลของเขาถึง 80 เท่านั้นและอีกนานแค่ไหนกว่าที่เขาจะสามารถขึ้นไปถึงจุดนั้นได้ ?

 

            แต่หลังจากที่ได้เข้าไปอ่านในเว็บหลายครั้ง เขาก็ตระหนักได้ว่าเขายังอ่อนหัดอยู่มากในเกมนี้  จากที่ได้ศึกษามา มันกลับกลายเป็นว่าทักษะในเดสตินี่แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ประเภทแรกนั้นคือสกิลที่มาจากการเลื่อนขั้น ผู้เล่นสามารถรับทักษะได้ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนอาชีพและเลื่อนระดับของตน ประเภทที่สองนั้นคือสกิลหรือทักษะที่สามารถสร้างขึ้นเองได้ ผู้เล่นสามารถสร้างทักษะนั้น ๆ ด้วยความพยายามหรือความบังเอิญ ประเภทที่สามคือสกิลที่มาจากหนังสือ ในหนังสือสามารถเรียนรู้ทักษะสกิลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสัตว์อสูร หนังสือสกิลหรือหนังสือทักษะนั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ประเภทแรกคือหนังสือสกิลทั่วไป ซึ่งมันก็หมายความว่าอาจจะมีผู้เล่นหลายคนที่สามารถเรียนรู้ทักษะเดียวกันได้ และอีกประเภทหนึ่งเป็นหนังสือสกิลทักษะพิเศษ พูดง่าย ๆ ก็คือใครก็ตามที่เรียนรู้มันไปแล้ว ก็จะเป็นคนเดียวในเดสตินี่ที่รู้และสามารถใช้สกิลนี้ได้และกลายเป็นเจ้าของทักษะนั้น ๆ ไป

 

            ด้วยความเข้าใจในข้อมูลของเดสตินี่มากขึ้น ก็ทำให้มู่หรงเสี่ยวเทียนเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรเกี่ยวกับเขา แต่เขาก็ไม่สนใจ เขามุ่งมั่นไปที่เป้าหมายเดียวนั้นก็คือการสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

 

ความเจ็บปวดที่ราวกับว่าเป็นของจริงตอนถูกมอนสเตอร์หัวม้าฆ่าตายนับครั้งไม่ถ้วนและความกลัวต่อความตายหลายต่อหลายครั้งจนกลายเป็นร่างกายที่เปลือยเปล่า ณ จุดเกิด รวมถึงสายตาที่มีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม

 

            มู่หรงเสี่ยวเทียนรับรู้ได้ทุกอย่างและอดทนกับมันอย่างไม่ย่อท้อ มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นก็คือจัดการและควบคุมเกมเอาไว้ในกำมือ เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็จะสามารถเป็นผู้ควบคุมเกมได้

 

            เมื่อนึกถึงความเจ็บปวดและการตายมากกว่ายี่สิบครั้งภายในหนึ่งชั่วโมงแล้ว เขาก็เผลอออนไลน์และสนุกกับมัน จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมา 4 ชั่วโมงแล้ว  ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมาด้วยความสุขใจ

 

            มู่หรงเสี่ยวเทียนเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาบนหน้าผากของเขา เขาไม่เสียใจเลยที่ใช้เวลา 4 ชั่วโมงต่อวันทำสิ่งที่น่าเบื่อและไร้สาระแบบนี้

 

            ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยิ้มได้ทุก ๆ วันที่ได้เห็นสายตาขอบคุณจากก้นบึ้งหัวใจของเด็กสาว NPC ตัวน้อย มันดูเหมือนว่าตอนนี้จิตวิญญาณของเขากำลังถูกเติมเต็ม สิ่งนั้นเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจไม่ให้เขาลืมเลือนน้องทั้งสองของเขา

 

            เมื่อมองดูในกระเป๋ามิติ ตอนนี้ก็ไม่สามารถใส่อะไรลงไปได้อีกแล้ว มู่หรงเสี่ยวเทียนยัดจอบขุดแร่ใส่ลงไป จากนั้นก็หันกลับมาหาชายชราที่มักจะขุดเหมืองอยู่ตรงจุดเดิมประจำ และมักจะพูดเพียงประโยคเดียวกับเขา มู่หรงโบกมือให้ชายชราแล้วพูดว่า “คุณลุง ผมไปละนะ พักผ่อนบ้างนะลุง”

 

            หลังจากมู่หรงเสี่ยวเทียนพูดเสร็จ เขาก็เดินออกจากเหมืองด้วยรอยยิ้ม เพราะหลายวันที่ผ่านมาของเขามันช่างน่าหดหู่เหลือเกิน เขาคุยสัพเพเหระกับชายชราขุดเหมืองคนนี้ทุกวันอย่างเรื่อยเปื่อย แม้ว่าชายชรานั้นจะพูดแต่ประโยคเดิมที่ทำให้เขารำคาญ แต่ทว่ามันก็ไม่ได้น่าเบื่อไปกว่าการขุดเหมืองของเขาแต่อย่างใด

 

            “พ่อหนุ่ม ได้โปรดอยู่ต่อเถอะ” เสียงที่แผ่วเบาไร้ซึ่งชีวิตชีวาดังออกมาจากทางด้านหลังของมู่หรงเสี่ยวเทียน !

           

 

 

To be continued…

 

           

รีวิวผู้อ่าน