px

เรื่อง : เส้นทางแห่งโชคชะตา (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี วันละ 1 ตอน
เล่ม 1 ตอนที่ 2: ผู้เล่นสำรอง


เล่ม 1 ตอนที่ 2: ผู้เล่นสำรอง

 

            ณ ห้องโถงของสำนักงานกลุ่มหนานเทียน ในห้องประดับประดาไปด้วยแสงไฟสว่างไสวและภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม สถานที่แห่งนี้ดูสงบ งดงาม และตระการตาอย่างมาก

 

            เสียงผิวปากของมู่หรงเสี่ยวเทียนที่กำลังเดินเข้ามาทำให้ทุกคนถึงกับต้องหันไปมอง ดวงตานับสิบคู่จ้องมองไปที่ประตูทางเข้าห้องโถงนั้น ชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงถึง 180 เซนติเมตร บวกกับรอยแผลเป็นที่โดดเด่นบนหน้าผากของเขา กำลังเดินเข้ามา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้หน้าตาดีมากนัก แต่เขาก็ดูดีไม่น้อย แต่มู่หรงเสี่ยวเทียนกลับหยุดชะงักอยู่ที่ประตูด้วยความเขินอาย เมื่อเขาเห็นสายตาหลายคู่มองมาที่เขา

 

            “เอิ่มม ขออภัยด้วยทุกคน” มู่หรงเสี่ยวเทียนเกาหัวและยิ้มออกมา “เสียงผิวปากของฉันอาจจะทำให้หลาย ๆ คนเสียสมาธิ” หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ไม่สนใจท่าทีที่ประหลาดใจของทุก ๆ คน จากนั้นเขาก็เดินตรงไปที่แผนกต้อนรับตรงเคาน์เตอร์

 

            “พี่ชาย อย่าพูดเสียงดังรบกวนคนในที่นี้จะได้ไหม ? ผู้เล่นที่นี่ทุกคนล้วนแต่เป็นมืออาชีพทั้งนั้น พวกเขาต้องการสมาธิ” เด็กหนุ่มรูปร่างผอมบางอายุราว ๆ 18 ปี ทำหน้าบึ้งตึงและผายมือออกมาเพื่อพยายามวัดดูว่าอีกฝ่ายนั้นสูงมากขนาดไหน จากนั้นเขาก็แตะไปที่ไหล่ของมู่หรงเสี่ยวเทียนเบา ๆ 

 

          มู่หรงเสี่ยวเทียนหยุดชะงักและจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มร่างกายผอมบางคนนั้นก่อนที่จะขมวดคิ้วและพูดออกมาอย่างเย็นชา “น้องชาย มันยากมากรึไงที่จะไม่ยุ่งกับฉันน่ะห๊ะ ระวังปากนายหน่อยก็ดีนะ เรื่องเสียงดังน่ะฉันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด เอาล่ะ ฉันไม่มีเวลามากพอที่จะมาต่อปากต่อคำด้วยหรอก”

 

            เด็กหนุ่มร่างผอมตกใจ จากนั้นเขาก็ยักคิ้วให้ราวกับว่ากำลังเย้ยหยัน “พี่ช่างเย็นชาจริง ๆ พี่คิดว่าพี่ใหญ่มาจากไหน ? ”

 

            มู่หรงเสี่ยวเทียนไม่ได้พูดอะไรออกมา ทันใดนั้นเองเขาก็เอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายและยกขึ้น จากนั้นก็ค่อย ๆ วางเขาลงและตบไหล่เบา ๆ พร้อมกับพูดว่า “ไอ้น้อง อย่าพูดซี้ซั้วะ ! เดี๋ยวปากของนายจะนำปัญหามาให้ ดังนั้นไปให้พ้นซะ”

 

            หลังจากพูดจบเขาไม่แม้แต่จะมองไปที่เด็กหนุ่มคนนั้นแม้แต่น้อย เขากลับมุ่งหน้าไปยังโต๊ะบริการที่ตั้งอยู่ตรงหน้า

 

            “สวัสดีครับ พอดีผมมาสมัครเป็นผู้เป็นเกมตามในใบประกาศรับสมัครงานครับ” มู่หรงเสี่ยวเทียนเดินเข้าไปที่แผนกต้อนรับและพูดกับชายวัยกลางคนด้วยสายตาล้ำลึก

 

            ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองมู่หรงเสี่ยวเทียน เขาพยักหน้าเล็กน้อยและหยิบแบบฟอร์มออกมาพร้อมกับวางมันลงบนโต๊ะ

 

            “พ่อหนุ่ม นายเคยเล่นเกมมาก่อนหรือเปล่า ? ”

 

            …………………………

 

            “นายมีไอดีหลักกับเขาไหม ? แล้วเลเวลในเกมนั้นอยู่ที่เท่าไหร่ ? ”

 

            ……………………………..

 

            “จุดแข็งกับชื่อเสียงในเกมนั้นเป็นยังไงบ้าง ? ”

 

            หัวใจของมู่หรงเสี่ยวเทียนนั้นสั่นสะท้าน เมื่อเขาฟังคำถามที่ออกมาจากปากชายคนนั้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ชายคนนั้นพูดออกมา ดูเหมือนว่าจะไม่สอดคล้องกับเกมวีรบุรุษสามก๊กที่เขาเคยเล่นมาก่อนเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้สมองของเขาเริ่มตีบตัน จากนั้นเขาก็นิ่งไปสักพัก เขารู้สึกได้ว่าสิ่งที่ชายคนนั้นถามออกมาเมื่อเปรียบเทียบกับวีรบุรุษสามก๊กของเขามันช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดูแล้วจะไม่มีความเหมือนกันเลยแม้แต่น้อย เกมที่ชายคนนั้นพูดออกมามันน่าจะเป็นเกมสมัยใหม่ เพราะเขาอยู่ในคุกมานานเป็นสิบปี จึงไม่เข้าใจเรื่องนี้

 

            “นายเคยเล่นเกมอะไรมาบ้าง ? ROV ?  World of warcraft ? หรือ Ragnarok ? ” ชายคนนั้นจ้องมองไปที่ใบหน้ามึนงงของมู่หรงเสี่ยวเทียน

 

            ริมฝีปากของมู่หรงนั้นแห้งเหือด สีหน้าของเขาซีดลงไปอย่างเห็นได้ชัด เขาถอนหายใจและกล่าวขึ้นมาว่า “ผมเคยเล่นแค่เกมวีรบุรุษสามก๊กเท่านั้น”

 

            “อะไรนะ ! ! ” คำพูดสั้น ๆ ทำให้ผู้คนมากมายต้องหงายท้องตึงลงไปกองบนพื้นตรงเคาน์เตอร์

 

            “ต้องขออภัยด้วยนะพ่อหนุ่ม” ชายใส่แว่นยิ้มจาง ๆ ให้กับมู่หรงเสี่ยวเทียนขณะที่เขากำลังกล่าวด้วยความรู้สึกผิดออกมา “เรากำลังรับสมัครผู้เล่นเกมออนไลน์มืออาชีพอยู่ สำหรับวีรบุรุษสามก๊กของนายน่ะ มันเป็นเกมยุคเก่าที่ล้าสมัยไปนานแล้ว”

 

            “พี่ชาย นี่พี่ไม่เคยเล่นเกมออนไลน์มาก่อนจริง ๆ หรือ ? ” ทันใดนั้น เด็กหนุ่มร่างผอมก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้ามู่หรงเสี่ยวเทียนอีกครั้ง แต่เขากลับไม่ได้หัวเราะแบบคนอื่น ๆ

 

            ความผิดหวัง หมดหนทาง เศร้าโศกและอารมณ์ต่าง ๆ กำลังโหมกระหน่ำมาใส่มู่หรงเสี่ยวเทียนในเวลาเดียวกัน ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะไม่เข้าข้างเขาเลยจริง ๆ ทันใดนั้นรอยยิ้มอันขมขื่นก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา “ผมเพิ่งจะพ้นโทษออกจากคุกมา ดังนั้นผมจะไปรู้จักกับเกมที่คุณพึ่งพูดออกมาได้ยังไงกัน นี่เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่ผมได้ยินมันเลยก็ว่าได้” มู่หรงเสี่ยวเทียนพยักหน้าด้วยความซาบซึ้งให้เด็กหนุ่มคนนั้น ในสายตาของเขาแล้ว เด็กคนนี้ดูจริงใจไม่เหมือนคนอื่น ๆ ที่หัวเราะเยาะเขา

 

            มู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ  ก่อนจะเดินออกไปทางที่เขาเดินเข้ามา

 

            “เดี๋ยวก่อนพี่ชาย” ชายหนุ่มจับแขนของมู่หรงเสี่ยวเทียนเอาไว้ด้วยความหม่นหมอง เขาหันไปสบตาและคัดค้านอย่างหนักให้กับรองผู้จัดการคนนั้น “ผู้จัดการหวัง เกมวีรบุรุษสามก๊กก็ถือว่าเป็นเกมไม่ใช่รึไง ? ”

 

            “อืม...? ” ผู้จัดการหวังรู้สึกแปลกใจอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกลังเลใจเล็กน้อย

 

            “ใช่มั้ยล่ะ” เด็กน้อยยิ้มแปลก ๆ ออกมาและพูดต่อว่า “เพราะว่าเกมวีรบุรุษสามก๊กก็ถือว่าเป็นเกม และในใบประกาศการรับสมัครก็ไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นเกมออนไลน์เท่านั้น ในเมื่อกลุ่มหนานเทียนไม่ได้ระบุเอาไว้ มันก็ไม่ถือว่าผิดไม่ใช่หรือ”

 

            “หา...แต่ว่า” ผู้จัดการหวังดูเขินอายเล็กน้อย แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงกับเรื่องนี้

 

            “สิ่งที่เขาพูดถูกต้องแล้ว กลุ่มหนานเทียนของเรามีเกียรติเสมอ  คุณมีสิทธิ์สมัครได้” ราวกับเสียงสวรรค์ที่เข้ามาทำลายบรรยากาศที่กระอักกระอ่วนทันที เมื่อเขาพูดออกมา มันทำให้คนที่ได้ยินต่างก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมา

 

            ดวงตาหลายสิบคู่จ้องมองไปยังที่มาของเสียงนั้น

 

           ที่ทางเข้าลิฟต์บนชั้นสอง สาวสวยอายุราว ๆ 22 ปีหุ่นเพรียวบาง สวมชุดสูทเข้ารูปกับร่างกายที่กระชับของเธอทำให้หน้าอกที่อวบอึ๋มของเธอนั้นเด่นตระหง่านออกมา บั้นท้ายที่เซ็กซี่เล็กน้อยของเธอก็โดดเด่นไม่แพ้กัน

 

            “ผู้ช่วยเย่ คุณมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ผู้จัดการหวังยืนขึ้นมาด้วยท่าทางเคารพ

 

            หญิงสาวคนนั้นปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าทุกคน “สวัสดีทุกคน ฉันชื่อเย่มิน ผู้ช่วยอาวุโสของประธานกลุ่มหนานเทียนในสาขาเอเชีย ฉันคือผู้รับผิดชอบอนาคตของทุกคนที่นี่” น้ำเสียงของเธอดูอ่อนหวานแต่ก็เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายสว่างสดใส เธอได้หันมาส่งยิ้มให้กับมู่หรงเสี่ยวเทียนพร้อมกับพูดว่า “นายสามารถสมัครได้ รายละเอียดต่าง ๆ นายอาจจะยังไม่รู้ลึกเท่าไหร่ เรื่องนี้ให้ผู้จัดการหวังแนะนำก็แล้วกัน” ด้วยความใจกว้างของเธอ มันจึงทำให้ความกังวลต่าง ๆ ของเขาหายไป

 

            ผู้จัดการหวังกระแอมไอและพยักหน้า เขาพูดกับมู่หรงเสี่ยวเทียนว่า “เอาล่ะพ่อหนุ่ม พวกเรากลุ่มหนานเทียนกำลังรับสมัครนักเล่นเกมมืออาชีพซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้ ประเภทแรกนั้นคือผู้เล่นมืออาชีพประจำแบบเป็นทางการ ส่วนอีกอย่างก็คือผู้เล่นสำรอง สำหรับผู้เล่นทางการนั้นจะได้รับเงิน 20,000 หยวนต่อเดือน และจะต้องเซ็นต์สัญญาว่าจ้างกับทางเราถึง 3 ปี นอกจากนี้ในช่วงระยะสัญญาจะต้องเข้าร่วมกิลด์กับกลุ่มหนานเทียนอย่างไม่มีเงื่อนไข ภายในเกมเดสตินี่ ผู้เข้าร่วมจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมดในกิลด์ของพวกเราอย่างตรงเวลาและไม่มีเงื่อนไข และจะไม่สามารถเก็บอุปกรณ์หรืออาวุธ ไปขายบนเว็บไซต์ทางการได้  พวกเขาจะต้องได้รับการจัดอันดับและคัดแยกออกมาให้กับกิลด์ของเรา แน่นอนว่าเราจะจ่ายค่าคอมมิชชั่นแก่ผู้เล่นคนนั้นสำหรับการประมูล”

 

            สัญญานี้ดูเหมือนจะเข้มงวดมากสำหรับผู้เล่นคนอื่น ๆ อันที่จริงรางวัลสำหรับผู้เล่นนั้นก็มากพอสมควรอยู่แล้ว มันจะมีผู้เล่นมืออาชีพกี่คนที่สามารถได้รับเงินเดือนมากกว่า 200,000 ต่อปีจากการเล่นเกมแบบนี้ ? ต้องบอกก่อนว่าการเซ็นต์สัญญากับกลุ่มหนานเทียนนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด

 

“หากว่าผู้เล่นในเกมคนใดทำสิ่งที่เป็นอันตรายและขัดต่อผลประโยชน์ของกลุ่มหนานเทียนหรือแม้แต่ล่วงละเมิดกฎข้อบังคับข้างต้นที่เราบอกมา เราจะต้องส่งเรื่องนี้ไปยังสำนักงานกฏหมายและปล่อยให้พวกเขาดำเนินการต่อไป”

 

            ผู้จัดการหวังหยุดพักหายใจเล็กน้อย จากนั้นก็พูดต่อว่า “ผู้เล่นประเภทที่สองนั้นก็คือผู้เล่นสำรอง สำหรับผู้เล่นประเภทนี้ เราไม่ได้สร้างข้อจำกัดใด ๆ ที่เป็นลายลักษณ์อักษร ผู้เล่นสามารถเล่นเกมเดสตินี่ได้อย่างอิสระและสามารถหาอาวุธรวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง สำหรับกิจกรรมทั้งหมดของกลุ่มหนานเทียนจะเข้าร่วมหรือไม่ก็ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผู้เล่นนั้นจะต้องพึงระลึกเสมอ นั่นก็คือพวกเขาไม่สามารถตั้งตนเป็นศัตรูกับกลุ่มหนานเทียนได้ แน่นอนว่าในฐานะที่เป็นผู้เล่นสำรองแล้วเราไม่สามารถจ่ายเงินเดือนให้แก่ท่านได้ แต่เราได้จัดเตรียมหมวกโฮโลแกรมเอาไว้สำหรับผู้เล่นสำรองรวมถึงอาหารและที่พักฟรี นอกจากนี้เราจะให้เวลาพวกคุณทดลองเล่นเกมสำหรับผู้เล่นสำรอง 1 เดือน หากว่าทำผลงานได้ดี เมื่อผ่านการประเมินแล้วก็จะกลายเป็นผู้เล่นแบบเป็นทางการ แต่อย่างไรก็ตามหากว่าทำผลงานได้ไม่ดี” ผู้จัดการหวังยิ้มออกมา “ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็จะต้องให้ท่านลาออก”

 

            มู่หรงเสี่ยวเทียนไม่มีอะไรจะโต้แย้งสำหรับเรื่องนี้ ตราบใดที่ไม่ทำความเดือดร้อนและไม่เป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของกลุ่มหนานเทียนแล้ว อย่างน้อยเขาก็จะมีอาหารกินฟรี และใช้ชีวิตต่อไปได้อีก 1 เดือนเต็ม ๆ นอกจากนี้เขายังมีหมวกเอาไว้เล่นเกมติดตัวอีกด้วย ต้องบอกเลยว่าจริง ๆ แล้วกลุ่มหนานเทียนค่อนข้างที่จะใจกว้างเป็นอย่างมาก นี้เขาจะได้เล่นเกมฟรีและมีอาหารประทังชีวิตฟรี ๆ จริง ๆ  งั้นหรือ นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดคิดเอาไว้เลยแม้แต่น้อย

 

            ตอนนี้ความฝันที่เป็นจริงกำลังอยู่ต่อหน้าของเขาแล้ว มันเหมือนกับการหาเหาบนหัวล้าน ซึ่งมันมีโอกาสที่จะหาเจอน้อยมาก ด้วยความสามารถในเรื่องเกมที่เขามี การที่ได้เป็นผู้เล่นสำรองของกลุ่มหนานเทียนนั้นก็ถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว

 

            “เราควรจะอยู่ต่ออย่างกล้าหาญ หรือจะเดินถอยกลับไปอย่างเงียบ ๆ ดี ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

 

            โลกที่มีแต่ความวุ่นวาย เขาที่มีบาดแผลอยู่ในใจ มันไม่มีเหตุผลอื่นหรือทางเลือกอื่นนอกจากจะอยู่ต่อไป ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลใด ๆ ให้เขาต้องถอย !

 

            “คุณยังลังเลอยู่ใช่ไหม ลองสมัครดูก่อนก็ได้” เสียงใสที่ดังกังวานราวกับว่าเป็นระฆังจากสรวงสวรรค์ดังขึ้นมาอีกครั้ง ผู้หญิงคนนี้มีความเฉลียวฉลาดจนสามารถอ่านทะลุจิตใจของมู่หรงเสี่ยวเทียนได้ “เกมเดสตินี่นั้นแตกต่างจากเกมยุคก่อนอย่างสิ้นเชิง แม้แต่ผู้เล่นมืออาชีพที่มีประสบการณ์มาก่อนก็ใช่ว่าจะได้เปรียบพวกมือใหม่มากนัก ทุก ๆ คนจะอยู่ในความสามารถระดับใกล้เคียงกัน”

 

            เย่มินยื่นมือที่ขาวสวยราวกับว่าเป็นหยกในหิมะออกมา พร้อมกับปัดผมหน้าม้าออกจากหน้าผากของเธอ เธอส่งยิ้มหวานหยดย้อยพร้อมกับเสียงที่ดังไพเราะ “ยังมีโอกาสมากมายที่จะพัฒนาตัวเองได้ในเกมเดสตินี่ โอกาสที่นั่นมีไม่จำกัด จำนวนของหมวกโฮโลแกรมที่ใช้เล่นเกมนั้นก็มีมากกว่า 600 ล้านชิ้นแล้ว เรียกได้ว่ามีกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่มากมายในโลกนี้ต่างก็ให้ความสนใจกับธุรกิจนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นทำไมคุณไม่ลองดูก่อนล่ะ ? ถ้าหากว่ามีการพัฒนาที่ดีขึ้นมา เราสามารถพูดคุยกันเกี่ยวกับสัญญาว่าจ้างได้ตลอด ถึงตอนนั้นเราก็จะจ่ายเงินเดือนให้ และคุณเองก็เลือกมันได้ตามใจชอบ แต่...” เย่มินยิ้มหวานออกมาอีกครั้ง เสียงของเธอกระตือรือร้นเล็กน้อย “แต่เมื่อออกจากทีมเราไป ก็อย่าลืมนำเงินมาจ่ายค่าหมวกโฮโลแกรมด้วย ทั้งค่าอาหารและค่าห้องก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นนะ ฉะนั้นเข้าแล้วห้ามออกง่าย ๆ ล่ะ”

 

            “ ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้คนในล็อบบี้ต่างพากันขบขันกับคำพูดหยอกล้อของเธอ ฉากนั้นทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นขึ้นมาเป็นอย่างมาก

 

            มู่หรงเสี่ยวเทียนกำเงิน 10 หยวนในกระเป๋าของเขาแน่น จากนั้นก็พยักหน้าขึ้นมาอย่างมุ่งมั่น เขาคิดในใจ อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารสามมื้อต่อวันอีกแล้ว อีกทั้งยังมีที่ซุกหัวนอนฟรีอีกด้วย

 

            “ผู้จัดการหวัง ปิดการรับสมัครได้” เย่มินมองไปที่นาฬิกาตัวใหญ่ตรงล็อบบี้ “เวลาเริ่มเกมใกล้จะเข้ามาถึงแล้ว เพราะพวกเรายังมีสิ่งที่จะต้องอธิบายให้แก่ผู้เล่นฟังอยู่”

 

            “ได้ครับ” ผู้จัดการหวังพยักหน้า เขาลุกขึ้นมาและหยิบแบบฟอร์มวางเอาไว้บนโต๊ะ เขาหยิบมาหนึ่งใบและยื่นออกไปให้มู่หรงเสี่ยวเทียน ก่อนจะพูดว่า “พ่อหนุ่ม รับแบบฟอร์มนี่ไป กรอกเสร็จแล้ว ถ้ามีเวลาก็ส่งกลับมาให้ฉันด้วย”

 

            “ผมต้องรีบกรอกเลยไหม ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนถามขณะรับแบบฟอร์มมา

 

            “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้” เย่มินรับช่วงต่อและกล่าวอีกว่า “ในฐานะผู้เล่นสำรองที่ถูกคัดเลือกโดยกลุ่มหนานเทียนของเรานั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องรีบกรอกแบบฟอร์มนี้ก็ได้ แต่ถ้าหากเข้ามาเป็นผู้เล่นประจำแล้ว ข้อมูลของผู้เล่นนั้น สำคัญอย่างมาก ที่เราต้องรู้  เราได้ใส่ตัวเลขเอาไว้บนโต๊ะทำงานของคุณแล้วจากนั้นก็รอให้คุณกรอกมันลงไป หลังจากใส่ชื่อของเกมและลงทะเบียนแล้ว คุณสามารถตั้งชื่อเล่นในเกมได้ เพราะสุดท้ายคุณต้องใช้ชื่อนี้ไปอีกนาน”

 

            หลังจากเย่มินพูดจบ เธอก็หันหลังกลับมาและโบกมือเป็นการเรียกทุก ๆ คน “ทุกคน โปรดตามฉันมาที่ด้านบนในอีกครึ่งชั่วโมง ตอนนี้เวลาการเล่นเกมใกล้จะเริ่มแล้ว”

 

            มู่หรงเสี่ยวเทียนหยิบกระดาษที่ผู้จัดการหวังมอบให้ จากนั้นเขาก็เห็นว่าที่หัวกระดาษเขียนว่า

 

            ตำแหน่ง - ผู้เล่นสำรองของเกมเดสตินี่

 

            หมายเลข 9567

 

            “น้องชาย ขอบคุณนายมาก” มู่หรงเสี่ยวเทียนเอื้อมมือออกไปโอบไหล่ชายหนุ่มคนนั้นขณะที่พวกเขากำลังเดินขึ้นบันได

 

            “พี่จะมาสุภาพอะไร ผมแค่พูดไปตามจริงเท่านั้น” ชายหนนุ่มเอื้อมมือไปแตะไหล่ของมู่หรงเสี่ยวเทียนเช่นกัน

 

            “พี่ เดี๋ยวผมหาโต๊ะให้พี่เอง ดีไหม ? ”

 

            ทั้งสองหัวเราะ

 

            “ผมชื่อว่าหยางซ่งนะ”

 

            “อืม ฉันชื่อมู่หรงเสี่ยวเทียน”

 

 

ปล. Guild (กิลด์) เป็นระบบหนึ่งในเกมออนไลน์ทั่ว ๆ ไป มีไว้สำหรับจัดการผู้เล่นที่ต้องการอยู่รวมกันเป็นหมู่คณะในจำนวนมาก โดยเป็นระบบที่ดีกว่าระบบปาร์ตี้ เพราะระบบปาร์ตี้นั้นเป็นระบบที่สามารถรับคนได้จำนวนน้อยกว่ามาก และบางทีก็อยู่ด้วยกันเพียงครั้งคราวหรือเพียงวัตถุประสงค์เรื่องการเก็บเลเวล ทำเควส เท่านั้น บางคนเมื่อทำสิ่งที่ต้องการเสร็จก็ออกจากปาร์ตี้ไป ต่างจากระบบกิลด์ที่มีการรับสมาชิกเป็นจำนวนมาก จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นตามระดับเลเวลกิลด์ คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาสมัครในกิลด์ คือกลุ่มคนที่ต้องการอยู่ร่วมกันในระยะเวลานาน ๆ มีกิจกรรมร่วมกัน โดยไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับเควสหรือเรื่องเก็บเลเวลก็ได้

 

 

To be continued…

 

 

           

           

รีวิวผู้อ่าน