px

เรื่อง : สาวนาตัวน้อยกับระบบแพทย์
บทที่ 24 บ้านหลังที่สองคือบ้าอะไรละเนี่ย


บทที่ 24 บ้านหลังที่สองคือบ้าอะไรละเนี่ย
เห็นแม่สื่อเจิ้งเดินมาถึงตรงนี้แล้ว หญิงชราเว่ยก็ยิ้ม “น้องเจิ้งมาแล้ว เข้ามานั่งในบ้านก่อนสิจ๊ะ”

แม่สื่อเจิ้งยิ้มแล้วจับที่มือหญิงชราเว่ยแล้วพูดว่า “ไม่เจอกันนานแล้ว ข้าดูแล้วราศีของเจ้าดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนว่าจะมีเรื่องน่ายินดีเข้ามาใกล้แล้ว”

เว่ยจวนเสิร์ฟชาไปแก้วนึง จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าเป็นชาตั้งแต่ปีไหนแล้ว ยังไงก็อยู่ใต้ก้นกล่องมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ก็เป็นชาที่เก่าแล้วก็แก่มาก ทำให้มีรสฝาดหน่อยๆ

แต่พอแม่สื่อเจิ้งดื่มไปอึกนึง ก็พูดว่า “ชานี้ใช้ได้นะ กลิ่นหอมดี”
หรือเป็นเพราะชมคนอยู่ตลอด วันนี้เลยพูดชมออกมาได้ทุกเรื่อง ไม่อย่างนั้นใกล้ๆ แค่นี้ก็คงไม่จำเป็นต้องให้นางมาหาคู่ให้หรอก

หลังจากพูดเรื่อยเปื่อยไปแล้ว แม่สื่อเจิ้งก็วางถ้วยชาลง แล้วพูดว่า “ดูความจำข้าสิ ห่วงแต่จะดื่มชา จนลืมเรื่องหลักไปเลย ครั้งนี้ที่ข้ามาน่ะ ก็ได้รับมอบหมายให้มาเป็นแม่สื่อให้กับลูกชายของตระกูลเจ้า”

หญิงชราเว่ยมองดูเว่ยเหยียนซิ่นที่ยืนอยู่อีกฝั่ง ตอนนี้เขาก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะแต่งงานตั้งนานแล้ว แต่เพียงแค่ที่บ้านนั้นไม่มีเงิน ละแวกบ้านนั้น มีใครยอมแต่งบ้างล่ะ ไปๆ มาๆ ก็เลยล่าช้าไป ตอนนี้พอนึกแล้ว ในใจของหญิงชราเว่ยนั้นก็รู้สึกผิดขึ้นมา

“ตาแก่” หญิงชราเว่ยตะโกนเข้าไปในห้อง “เจ้ารีบมาเร็ว รีบมา มีคนมาบอกคู่ให้แล้ว”
แน่นอนว่าชายชราเว่ยก็ดีใจมาก ลูกชายคนเล็กของตัวเองเป็นฝั่งเป็นฝานั้นดีกว่าอะไรทุกอย่าง
“เป็นคนแบบไหนรึ”

ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาพึ่งฉินจิ่นเลยสุขสบายขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่พวกเขาจะเลือกคนอื่นได้ แต่ยังไงก็ต้องถามสักหน่อยว่าเป็นคนอย่างไร อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนดี เป็นคนขยัน ถ้าต่อไปไม่มีทางที่จะรวยได้ ก็ทำงานจิปาถะไปกับฉินจิ่นได้ไม่เป็นปัญหา

“โอ้โห ข้าจะบอกให้นะ ว่าคนนี้น่ะสุดยอด” แม่สื่อเจิ้งก็จับมือหญิงชราเว่ยใหม่อีกครั้ง
“บ้านมีที่ดินมากมาย มีคนงานนับไม่ถ้วน ครั้งแรกที่ข้าไปบ้านของนาง บ้านใหญ่โตจนข้ายังวนไม่ครบรอบเลยล่ะ ก็เป็นคนใช้ที่พาข้าไปหานาง เอ๊ะ จะว่ายังไงดี หรือเป็นเพราะคนอย่างข้าน่ะไม่เคยเห็นโลกที่กว้างแบบนี้มาก่อน”

“เจ้าก็ว่าไป ในหมู่บ้านและนอกหมู่บ้าน เจ้าน่ะเห็นโลกกว้างมาเยอะที่สุดแล้วล่ะ” ถึงหญิงชราเว่ยจะพูดแบบนี้ แต่ในใจกลับคิดว่า ตระกูลนี้ร่ำรวยขนาดนี้ ทำไมถึงสนใจเว่ยเหยียนซิ่นได้ล่ะ หรือว่าจะให้ไปเป็นลูกเขยที่โดนโขกสับ จะเป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด

“พี่สาวเว่ย ต่อไปน่ะ เจ้าคงมีประสบการณ์ดีกว่าข้าแล้วล่ะ”
“แม่สื่อเจิ้ง คนอื่นจะสนใจลูกชายข้าจริงๆ รึ” หญิงชราเว่ยถามอย่างไม่วางใจ แม้แต่ฉินจิ่นและเว่ยจวนต่างก็พากันสงสัยเช่นกัน
“ไม่หรอกจ้ะ” แม่สื่อเจิ้งตอบมาทันที เอาผ้าเช็ดหน้าที่แขวนอยู่ที่ตัวขึ้นมาปิดปากแล้วหัวเราะ “แน่นอนว่า คนแบบนี้น่ะก็ไม่ได้ดีหมดซะทุกอย่าง ก็ต้องมีจุดที่ไม่ดีบ้าง”
หญิงชราเว่ยได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็วางใจหน่อย ถ้าดีหมดทุกอย่างนี่สิ ถึงจะแปลก
“มีอะไรไม่ดีรึ”
“หญิงสาวคนนั้นน่ะเป็นม่าย”

พอหญิงชราเว่ยได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็ไม่มีเสียงเลยทันที หันไปมองหน้าชายชราเว่ยอย่างว่างเปล่า
แม่สื่อเจิ้งเห็นปฏิกิริยาแล้วก็รีบพูดขึ้นอีกว่า “ข้ารู้ ว่าตระกูลของพวกเจ้าเป็นตระกูลบริสุทธิ์ ไม่ชอบคนแบบนั้น แต่ว่าพี่จ๊ะ ฟังคำแนะนำของข้าหน่อยนะ ใครบ้างที่ไม่อยากจะมีชีวิตที่ดีต่อไปเรื่อยๆ เจ้าดูตระกูลที่ใหญ่โตของนางสิ ต่อไปก็ต้องมีคนเลี้ยงดู แต่งกับคนแบบนี้ไปเลยไม่ดีรึ”

“เจ้าก็ยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้ ถ้าตามที่ข้าคิด ลักษณะผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ต่างจากลูกสาวและลูกสะใภ้ของบ้านเจ้าหรอก มีลูกก็ต้องหน้าตาดีแน่นอน”
“แล้วทำไมถึงเป็นม่ายได้ล่ะ” หญิงชราเว่ยถาม
“โธ่ เจ้าน่ะไม่รู้อะไร” แม่สื่อเจิ้งพูดถึงตรงนี้ก็แทบจะหลั่งน้ำตาแล้ว
“นางก็เป็นผู้หญิงที่มีชีวิตอาภัพคนหนึ่ง ยังไม่ทันได้แต่งงาน ผัวก็จมน้ำตายก่อนแล้ว เจ้าว่านี่มันเรียกว่าเรื่องอะไรดีกันล่ะ”

ถ้าเป็นแบบนั้น นี่ก็เป็นคนที่ร่างกายบริสุทธิ์คนหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ค่อยน่าฟัง แต่ก็ยังดีกว่าที่ไม่ได้แต่งงานจนถึงตอนนี้

หญิงชราเว่ยมองชายชราเว่ยแล้วพูดว่า “ตาแก่ เจ้าว่าเรื่องนี้ควรทำยังไงดี”
ชายชราเว่ยฟังคำพูดเมื่อกี้แล้ว ก็เห็นว่าลูกชายของตัวเองก็โตแล้ว เลยพยักหน้าแล้วบอกว่า “เรื่องแต่งงานนี้ ข้าว่าก็ดี”

แม่สื่อเจิ้งยิ้มร่าเริง ไม่รู้ว่านางได้ค่าตอบแทนจากการจับคู่ครั้งนี้ไปเท่าไหร่ ถึงได้ยิ้มจนเป็นแบบนี้ “ถึงแม้ว่าการจับคู่จะลงเอยด้วยดี ทั้งคำสั่งของพ่อแม่ คำพูดของแม่สื่อ แต่ก็ต้องถามความยินยอมของแม่นางฉินด้วยว่าคิดยังไง”

จู่ๆ ฉินจิ่นก็ได้ยินแม่สื่อเรียกตัวเอง ก็รู้สึกแปลกๆ “ทำไมต้องถามข้าด้วยล่ะจ๊ะ” ทั้งๆ ที่ตัวเองนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลย

“จะหาบ้านหลังที่สองให้กับสามีของเจ้า แน่นอนว่าต้องถามความเห็นของเจ้าก่อนสิ” แม่สื่อเจิ้งพูดอย่างตรงไปตรงมา
“อะไรนะ” นอกจากแม่สื่อเจิ้งแล้ว ทุกคนต่างถูกทำให้ตะลึงกันไปหมด
“เจ้ามาจับคู่ให้กับเว่ยเหยียนถิงหรอกรึ” ให้ตายฉินจิ่นก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ นางมาจับคู่ให้เว่ยเหยียนถิง มีหญิงม่ายที่ร่ำรวยจะมาเป็นเมียอีกคนให้สามีนางแล้วจริงๆ ด้วย เหมือนฝันของตัวเองในวันนั้นไม่มีผิด

พอฉินจิ่นรู้ตัวก็หันไปมองเว่ยเหยียนถิง จากนั้นก็มองไปที่ชายชราเว่ยและหญิงชราเว่ย
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไม่รับเมียรองจ้ะ”
หน้าของแม่สื่อเจิ้งเปลี่ยนทันที แล้วพูดว่า “พูดมาได้ยังไงกัน ผู้ชายสามเมียสี่นางบำเรอก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึ”

เว่ยเหยียนถิงก็ไม่ได้แก้ต่าง แล้วพูดว่า “ตามนั้นแหละขอรับ ยังไงก็ไม่รับ”
ฉินจิ่นได้ยินคำพูดนี้แล้ว ในใจก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย
เว่ยเหยียนถิงยกมือซ้ายขึ้นสาบาน “ทั้งชีวิตนี้ข้าจะรักแค่ฉินจิ่นคนเดียว แต่งงานกับฉินจิ่นแค่คนเดียว ถ้าผิดคำพูดขอให้ไม่ตายดี”
“พูดบ้าอะไรกัน”
ทุกคนต่างก็พากันพูดคำนี้ แล้วหญิงชราเว่ยก็บอกอีกว่า “เจ้าไม่ยอมก็ไม่มีใครบังคับให้เจ้าแต่ง แล้วเจ้าก็ไม่ต้องสาบานหนักขนาดนี้ก็ได้”

คำสาบานในสมัยก่อนนั้นสำคัญมาก ทุกคนต่างเชื่อกันหมด
“เรื่องไม่ตายดีแบบนี้นึกจะพูดก็พูดได้ยังไงล่ะ” หญิงชราเว่ยพูด
“ท่านแม่ ท่านวางใจเถอะ ข้าไม่ผิดคำสาบานหรอก ต่อไปข้าจะไม่เป็นอะไรแน่นอน” เว่ยเหยียนถิงจับไปที่มือของหญิงชราเว่ย
ฉินจิ่นเห็นเว่ยเหยียนถิงจริงจังแบบนั้นแล้ว ในใจก็เกิดความปลาบปลื้มขึ้น ซาบซึ้งจนอีกนิดแทบจะร้องไห้ออกมา

หญิงชราเว่ยหันไปมองแม่สื่อเจิ้งแล้วพูดว่า “เด็กมันไม่ยอมมีบ้านหลังที่สอง พวกเราก็ช่วยไม่ได้ พูดคำสาบานที่แรงขนาดนี้ เราก็ไม่กล้าที่จะไปขวางเขา”
“แต่ว่า……”
แม่สื่อเจิ้งยังอยากจะพูดอีกสองสามคำ เว่ยเหยียนถิงเลยตัดคำพูดของนาง “แม่สื่อเจิ้ง เชิญท่านกลับไปเถอะ ยังไงข้าก็จะไม่มีบ้านหลังที่สอง”
แม่สื่อเจิ้งได้ยินแล้วก็แสยะยิ้มให้กับเว่ยเหยียนถิงแล้วพูดว่า

“ดี เจ้าจะต้องเสียดายทีหลังแน่นอน”
พอแม่สื่อเจิ้งกลับไปแล้ว หญิงชราเว่ยเลยเรียกให้ทุกคนมากินข้าว
ในขณะที่อยู่บนโต๊ะอาหารนั้น เว่ยเหยียนถิงและฉินจิ่นก็นั่งอยู่ด้วยกัน เว่ยเหยียนถิงแอบจับไปที่มือของฉินจิ่นอยู่ตรงใต้โต๊ะ เหมือนว่าจะให้นางวางใจว่าตัวเองไม่มีทางไปแต่งงานกับคนอื่นแน่นอน

พอทานข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว เสี่ยวซีกำลังนั่งนับมดอยู่หน้าประตู และวันนี้ฉินจิ่นอารมณ์ดี เลยนั่งลงไปนับมดกับเสี่ยวชีด้วย พอนึกย้อนกลับไปถึงท่าทางที่ทำให้ซาบซึ้งแบบนั้นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะดีใจ จนถึงตอนที่กินข้าวในตอนกลางคืนก็ยังคงยิ้มจนปากจะฉีกอยู่แล้ว
“พี่เขย มีเรื่องอะไรถึงทำให้พี่สาวดีใจขนาดนี้” เสี่ยวซีถือถ้วยข้าวแล้วแอบถามเว่ยเหยียนถิง

 

รีวิวผู้อ่าน