px

เรื่อง : สาวนาตัวน้อยกับระบบแพทย์
บทที่4 ประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของการคร่าชีวิตสามีทั้งเจ็ด


บทที่4 ประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของการคร่าชีวิตสามีทั้งเจ็ด

ขุนนางจางเป็นตระกูลที่ร่ำรวยมีอิทธิพลมากในเมืองหลานเทียน และเป็นคนจิตใจดีมีน้ำใจ แต่เสียดายที่มีสมรรถภาพทางเพศที่อ่อนแอ อายุห้าสิบถึงจะมีลูกชายได้อย่างยากลำบาก แน่นอนว่าต้องหวงยิ่งกว่าอะไรเป็นธรรมดา คราวนี้ ลูกของขุนนางจางนั้นซุกซน ขึ้นต้นไม้ไปเก็บรังนก จนตกลงมาขาหัก และไม่หายสักที

เถ้าแก่หวูหยิบยาจินฉวงที่ดีที่สุดในร้านมาให้ทันที และยิ้มเอาใจ “ท่านชายน้อยร่างกายแข็งแรง ต้องดีขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน”

แต่จางเหมา ไม่รับ แล้วส่ายหัว “นายท่านบอกว่าครั้งที่แล้วยานี้ใช้ไม่ได้ผล พอท่านชายทาแล้วก็มีอาการคันแผล พลิกตัวไปมานอนไม่หลับ ให้พวกเจ้าหายาจินฉวงแบบใหม่มาให้”

เถ้าแก่หวูลำบากใจ ยาที่ดีที่สุดในร้านนี้ก็คือตัวนี้ ถึงจะมีตัวอื่นที่แย่กว่าก็ไม่กล้าให้ท่านชายน้อยลอง ในความลำบากใจนี้ ทันใดนั้นจางเหมาก็ได้เห็นโถที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็คือยาที่ฉินจิ่นเอามาไว้

“นี่คืออะไร”
“นี่คือยาที่แม่นางคนหนึ่งทำ บอกว่าใช้รักษาแผลภายนอก ไม่ว่าจะบาดเจ็บหนักแค่ไหนก็หายได้ภายในห้าวัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ยานี้ไม่เคยมีใครลองมาก่อน ข้าเลยไม่กล้าเอาให้ท่านชายน้อยน่ะ”

จางเหมาเปิดฝาแล้วดม “ตัวนี้ล่ะ”
“แต่ว่า……”
เงินหนึ่งตำลึงวางอยู่บนโต๊ะ จางเหมาถือยาสองโถ
พอเถ้าแก่หวูเห็นเงินก็ยิ้มแป้นทันที ไม่มีความกังวลใดๆ อีกเลย รีบคว้าเงินมาอยู่ในมือ ราวกับว่ากลัวมาเงินจะวิ่งหนีไปได้ยังไงอย่างงั้น “พอแล้วพอแล้ว”

ตอนแรกยังกลัวว่าจะขายไม่ออก ไม่คิดว่าพริบตาเดียวก็ได้กลับมาเป็นเท่าตัวเลย การค้าขายที่ดีแบบนี้จะหาจากที่ไหนได้

ส่งจางเหมากลับแล้ว เถ้าแก่หวูเล่นลูกคิดอย่างพึงพอใจ ลูกจ้างที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “เถ้าแก่ขอรับ ถ้านายน้อยใช้ยานี้แล้วเกิดปัญหาขึ้นจะทำอย่างไรล่ะขอรับ”
“นั่นไม่เกี่ยวกับเรา เมื่อกี้ข้าบอกชัดเจนแล้ว ว่ายานี้เป็นยาที่แม่นางผู้หนึ่งให้มา ถ้าหากว่าเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ แน่นอนว่าพวกเขาต้องเอาคืนกับแม่นางผู้นั้น”

“ฮัดชิ่ว!” ฉินจิ่นดีใจจนเกาะแขนเว่ยเหยียนถิงเดินซื้อของที่ตลาด แล้วก็จามขึ้นกะทันหัน
“อาจิ่น เจ้าเป็นอะไรไป”
“ไม่เป็นไร ไม่รู้ว่าใครกำลังคิดถึงข้าอยู่”
ถุงเล็กใหญ่ในมือของเว่ยเหยียนถิง หิ้วผักและเนื้ออยู่ ซื้อหมูสามชั้นมาชิ้นนึงราคาสิบสามเหวิน กำชับให้พ่อค้าหั่นเป็นสองชิ้น ใช้เชือกฟางมัด และซื้อผักบ้างในราคาแปดเหวิน ในนั้นยังแบ่งมาซื้อลูกอมหนึ่งเหวินให้เสี่ยวซีไม้นึง แปดเหวินที่เหลือนางคิดจะซื้อข้าวทั้งหมด แต่ดูถุงเล็กถุงใหญ่ในมือของเว่ยเหยียนถิงแทบจะถือไม่ไหวแล้ว “ท่านพี่ ให้ข้าช่วยท่านพี่ถือหน่อยเถิด”

“เรื่องแบบนี้ต้องการให้เจ้าลงมือเองที่ไหนกัน เจ้าดูแลเรื่องซื้อก็พอ เยอะกว่านี้ข้าก็ถือไหว”
“ถ้างั้นคืนนี้ข้าจะทำของอร่อยเป็นรางวัลให้ท่านพี่แล้วกัน”
เขาพยักหน้า ชายที่สูงร้อยแปดสิบกว่านี้มองนางแล้วยิ้มโดยไม่รู้สาเหตุ เหมือนคนโง่ยังไงอย่างงั้น
ฉินจิ่นไม่รู้ตัว ว่าเมื่อกี้ที่นางยุ่งกับการซื้อของอยู่ เว่ยเหยียนถิงมองดูเงาของนางที่กำลังวุ่นวายอยู่ตลอด ภรรยาทำงานว่องไว เวลาต่อราคานั้นปากแดงฟันขาว โดยเฉพาะปากที่แดงอวบอิ่มนั้น ทำให้คนคิดไปเรื่อยเปื่อย

ทั้งสองมาถึงร้านข้าว เพิ่งเข้าไปก็ได้ยินเสียงนึง “นี่ไม่ใช่อาจิ่นรึ ลมอะไรหอบเจ้ามากันล่ะ”
หญิงสาวอายุสิบสามสิบสี่เดินมาด้วยหน้าตาต้อนรับ อายุนิดเดียวแต่แต่งหน้าจนดูมีอายุ บนตัวนั้นสวมชุดผ้าไหมสีม่วง บนมือนั้นมีสร้อยข้อมือและแหวนมรกต บนหัวนั้นยังมีเครื่องประดับทองคำแท้บริสุทธิ์อยู่สามสี่ชิ้น เวลาเดินนั้นตั้งใจจับไปที่ปิ่น เหมือนกำลังบอกให้คนดูไปที่หัวของนาง

สำหรับหญิงสาวชนบทนั้น ทั้งชีวิตคงไม่ได้เคยเห็นเครื่องประดับทองคำบริสุทธิ์อะไรหรอก มีได้ชิ้นนึงก็เป็นความฝันทั้งชีวิตแล้ว ไม่จำเป็นต้องเยอะขนาดนี้หรอก
“หลันหลัน” เจอเพื่อนสนิทสมัยก่อนก็ต้องทักทายอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับโลกที่มันกลมนี่ล่ะ

ที่ฉินจิ่นต้องสูญเสียชื่อเสี่ยงนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะช่วยออกนอกหน้าให้กับโจวหลันหลัน ตอนแรกที่โจวหลันหลันไปมีเรื่องกับอันธพาลคนหนึ่ง ถูกขวางอยู่ที่ปากทางหมู่บ้านเกือบจะถูกทำร้าย นางรีบไปช่วยแล้วก็ยังตีคนจนหนีเตลิดไป ถึงได้ทำให้เสื้อผ้านั้นมอมแมมขาดรุ่งริ่ง แต่หลังจากนั้น เพื่อที่โจวหลันหลันจะรักษาชื่อเสียงของตัวเองไว้ ไม่ยอมเป็นพยานให้นาง ยังโกหกว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ทำให้ทุกคนต่างเข้าใจผิดนาง

ต่อมาโจวหลันหลันได้แต่งงานกับเถ้าแก่ร้านข้าว ย้ายจากในหมู่บ้านเข้ามาในเมือง ก็ไม่ได้ติดต่อกับนางอีกเลย
วันนี้พอเห็นชายขี้เหร่ข้างๆ ฉินจิ่น ในใจของโจวหลันหลันรู้สึกเห็นใจ และมีความคิดโอ้อวดอยู่ด้วยแล้วจึงเดินเข้าหาอย่างกระตือรือร้น
“เจ้าช่างใจกล้าจริงๆ ข้าไม่เคยเห็นชะตาชีวิตยืนยาวเหมือนเจ้า ถึงข้าจะโตมากับนางแต่นางคร่าชีวิตสามีไปตั้งเจ็ดคนแล้ว เจ้าไม่กลัวรึ”
“อาจิ่นไม่ได้ฆ่าสามีสักหน่อย นั่นมันเป็นเหตุสุดวิสัยทั้งนั้น”

ฉินจิ่นลากเว่ยเหยียนถิงข้ามตัวนางทันที ไม่ได้สนใจนางเลยสักนิด “วันนี้ข้ามาซื้อข้าวกับสามีของข้า ไม่มีเวลามาเถียงกับเจ้า”
ต่อหน้าคนมากมายในร้าน หน้าของโจวหลันหลันเริ่มจะข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ แล้ว นางก็โอ้อวดว่านางนั้นเป็นนายหญิงของที่นี่
“หยุดเดี๋ยวนี้ ถ้าวันนี้ไม่มีคำสั่งจากข้า ใครก็ไม่สามารถขายของให้พวกเจ้าได้”

“ข้ามีเงินแล้วยังต้องมากังวลเรื่องไม่มีที่ใช้เงินอีกเหรอเนี่ย เถ้าแก่ที่แต่งงานกับเจ้าก็ช่างตาบอดจริงๆ เราไปกันเถอะพี่ถิง วันนี้เราไม่กินข้าวแล้วล่ะ กินบะหมี่ละกัน”
นางลากเว่ยเหยียนถิงแล้วเดินออกไป โจวหลันหลันคิดไม่ถึงว่าไม่ได้เจอฉินจิ่นแค่ไม่กี่เดือนก็พูดจาฉะฉานได้ขนาดนี้ ทำเอานางนั้นกระอักกระอ่วนต่อหน้าผู้คน
“ฉินจิ่น ข้าบอกให้เจ้าหยุด!”
“ฉินจิ่น เจ้า……”
……
นางไม่สนใจเสียงตะโกนจากบุคคลที่อยู่ด้านหลัง นางลากสามีของตัวเองไปอย่างรวดเร็ว ไปที่ร้านแป้งซื้อแป้งบะหมี่แปดเหวินเหมือนไม่เคยเกิดเรื่องใดๆ

อย่าให้เรื่องเล็กมากระทบกับอารมณ์
“อาจิ่น คำพูดเมื่อกี้ เจ้าอย่าเก็บมาใส่ใจเลย ถึงทุกคนจะว่าเจ้าแบบนั้น แต่ข้าก็ไม่ได้คิดแบบนั้น เจ้า เป็นคนดีมาก ดีกว่าพวกเขาทุกคน”

คำสารภาพที่มาอย่างกะทันหันแล้วยังพูดตะกุกตะกัก มองดูชายที่ซื่อสัตย์คนนี้ นางอดที่จะหัวเราะไม่ได้ “ข้าไม่เอามาใส่ใจหรอก ไม่ว่าคนอื่นจะว่าข้ายังไงก็เป็นเรื่องของพวกเขา แต่ว่าทำไมเมื่อกี้ทำไมพี่ถึงไปตั้งใจอธิบายกับนางขนาดนั้นล่ะ คนแบบนี้ ไม่ต้องไปสนใจซะก็สิ้นเรื่อง”
“ข้าทนไม่ได้ที่จะเมินเฉยเมื่อคนอื่นว่าเจ้า” เขาพูดอย่างเร่งรีบ
ฉินจิ่นหยุดเดิน ช่วยจัดเสื้อผ้าให้เขา

“เข้าใจแล้วล่ะพี่ถิง ข้าเข้าใจถึงความคิดของพี่ ต่อไปเรามาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ให้คนที่พูดเยาะเย้ยพวกเรานั้นดูให้ดีๆ” จะบอกว่าไม่ซาบซึ้งก็คงจะไม่จริง มีบางเรื่องบางคำพูดที่ถึงจะดูปกติ แต่กลับสามารถทำให้ใจคนนั้นเต้นแรงได้มากที่สุด

จากการแสดงออกโดยรวมหนึ่งวันของเว่ยเหยียนถิง ฉินจิ่นรู้สึกว่าดูเหมือนจะไม่เลวที่จะใช้ทั้งชีวิตร่วมกับผู้ชายคนนี้
เว่ยเหยียนถิงเอาของทั้งหมดไว้ที่มือซ้าย ตั้งใจเอามือขวาออกมาจูงมือนาง ฉินจิ่นขอให้เขาปล่อยมือ เขากลับไม่ยอม จะต้องลากมือของภรรยาเดินถึงจะได้

ตอนแรกจะขึ้นเขา แต่พอเดินมาถึงตีนเขาก็หยุดลง “ท่านพี่ พวกข้าก็ไม่ได้ไปเยี่ยมพ่อปู่แม่ย่ามานานแล้ว วันนี้เป็นทางผ่านพอดีไปเยี่ยมกันหน่อยเถิด”

ร่างเดิมไม่ยอมแต่งงานกับเว่ยเหยียนถิงทั้งโหวกเหวกทั้งโวยวาย เว่ยเหยียนถิงทำอะไรไม่ได้เลยทำได้เพียงพานางย้ายออกมา ใครจะรู้ว่าต่อมานางก็ยังจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ดูจากการที่แม่ย่ายอมทนให้ร่างเดิมและเสี่ยวซีอยู่บ้านตระกูลเว่ยมานานขนาดนี้นั้น คนแก่ทั้งสองนั้นก็ไม่ได้เป็นคนไม่ดี

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน