ข้อความสีทองที่บันทึกสูตรของบทร่ายยาสายใยเวทย์มีรายละเอียดเขียนไว้ มันต้องใช้วัตถุดิบทั้งหมด 72 ชนิด ซึ่งแต่ละอย่างมีคุณสมบัติเขียนไว้ในหมายเหตุประกอบที่ท้ายหนังสือ ในตอนท้ายของสูตร ผู้เขียนได้เขียนประโยคที่ทำให้ซาลีนขนลุก
“ยาสายใยเวทย์นั้นสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายของจอมเวทย์และสร้างสายใยเวทย์ออกมา แต่ด้วยวิธีนี้ จอมเวทย์จะต้องยอมสูญเสียสิ่งที่คาดไม่ถึง ฉันขอเตือนว่าผู้ที่จะกินยานี้จะต้องจ่ายเกินกว่าสิ่งที่จะได้รับ”
...จะต้องจ่ายเกินกว่าสิ่งที่จะได้รับ
สูญเสียสิ่งที่คาดไม่ถึง…
ซาลีนลังเล เขานับถือผู้เขียนหนังสือเล่มนี้จากใจแต่เขาก็ไม่อาจเพิกเฉยคำเตือนที่ทิ้งไว้ได้
จะต้องจ่ายอะไร ?
ด้วยชีวิตงั้นหรือ ? คงไม่ใช่
หากยาเวทย์นั้นมีผลอันตรายกับผู้ใช้ ผู้คิดค้นจะต้องทำรายละเอียดเอาไว้ อย่างเช่นผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยง จอมเวทย์ใหม่ไม่ควรใช้ ผู้ที่เป็นโรคหัวใจไม่ควรกิน และผลข้างเคียงของยาเวทย์ก็ควรจะเขียนไว้ในตอนท้าย
มันอาจจะไม่ถึงตายหรือเปล่านะ ? ผู้เขียนนั้นแสดงเจตนาเพื่อเตือนอย่างรุนแรง ซาลีนยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ นอกเหนือจากความตายจะมีอะไรที่ต้องจ่ายหนักหนากว่าในการก่อสายใยเวทย์กัน ?
ซาลีนพยายามคิดในหัวแต่ก็ไม่เข้าใจว่าผู้เขียนต้องการจะบอกอะไรกันแน่ เขาปิดหนังสือและทวนชื่อวัตถุดิบ 72 ชนิด และประมาณการราคาคร่าวๆ
วัตถุดิบที่ถูกที่สุดมีราคาหนึ่งเหรียญเงินในขณะที่วัตถุดิบที่แพงนั้นมีค่ากว่าสองร้อยเหรียญทอง ซึ่งต้องใช้เงินประมาณหนึ่งพันเหรียญทองในการซื้อวัตถุดิบทั้งหมดเพื่อทำยาสายใยเวทย์ ซึ่งเงินที่ซาลีนมีนั้นไม่พอสำหรับยาสามชุด ในสูตรนั้นไม่ได้บอกถึงอัตราการทำสำเร็จเอาไว้ ซึ่งตามปกติแล้วอัตราการทำยาให้สำเร็จด้วยสูตรยาแบบนี้จะต่ำกว่าสิบในร้อย
ในการสร้างยาเวทมนตร์นั้นจะไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างอัตราความสำเร็จกับโชค ประสบการณ์กับพลังจิตนั้นสำคัญกว่ามาก ซาลีนนั้นมีพลังจิตที่เพียงพอแต่ยังด้อยประสบการณ์ เขามีความรู้เรื่องยาเวทมนตร์จากการศึกษาเพียงแค่สามเดือน ทำให้อัตราความสำเร็จในการสร้างยาที่แม้จะสร้างง่ายที่สุดนั้นมีเพียงครึ่งเดียว
หากมันเสียแค่เหรียญทองเดียวในการสร้างแต่ละครั้งซาลีนคงจะยอมรับได้กับความล้มเหลว แต่กับยาสายใยเวทย์นั้นการล้มเหลวหนึ่งครั้งมีค่าถึงหนึ่งพันเหรียญทอง
นับตั้งแต่ซาลีนพบสูตรยานี้ เขาก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้ เขาจะไม่มีวันลืมช่วงเวลาอันยากลำบาก ไม่ต้องพูดถึงในกรณีที่เขาไม่พบกับเจสัน เขาคงจะต้องตายคุกและเจสันไม่อาจมาช่วยเขาได้ตลอดเวลาเขาจึงต้องพยายามด้วยตัวเองเพื่อมีชีวิตรอดต่อไป
ในการที่จะเป็นจอมเวทย์ที่แท้จริงนี่เป็นหนทางเดียวที่ซาลีนมี แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถใช้เงินมากๆ ได้เพราะเจสันไม่ได้ให้เงินเขาเยอะขนาดนั้น ฉะนั้นในการหาวัตถุดิบสำหรับทำยาสายใยเวทย์เขาจะต้องหารายได้ จะหารายได้ยังไงล่ะ ?
พวกกลุ่มโจร ! เดคก้า !
ซาลีนเบิกตากว้าง นั่นจะต้องใช่ สำหรับโจรที่ทำอาชญากรรมนั้นต้องการยาหลายชนิดซึ่งร้านขายอุปกรณ์ธรรมดานั้นไม่ขายยาอันตราย เพื่อจะได้ยาเวทย์ที่พวกโจรต้องการนั้นเขาจะต้องรู้จักจอมเวทย์ที่จะยอมช่วยเหลือ ซาลีนยิ้ม ดูเหมือนว่าการรู้จักโจรจะไม่ใช่เรื่องแย่ไปซะทีเดียว
สัปดาห์ต่อมาเมื่อซาลีนเข้าเมืองเขาได้ทิ้งข้อความให้กับเจ้าของร้านอุปกรณ์ฝากให้คนที่ชื่อเดคก้า ครึ่งเดือนต่อจากนั้นเขาก็ได้ติดต่อกับโจร
คราวนี้เดคก้าไม่ได้ถามว่าทำไมซาลีนถึงเรียกเขาเพียงแต่รอให้ซาลีนบอกถึงความตั้งใจ เขาไม่ควรจะตลบตะแลงกับจอมเวทย์ ครั้งที่แล้วเมื่อข้อความจากซาลีนได้มาถึงหัวหน้ากลุ่มโจร เขาก็ลืมเรื่องแผนที่จะจับซาลีนทันที
“ข้ามียาเวทย์เพื่อขาย” ซาลีนพูดไปตรงๆ
“ดี ข้ารับข้อเสนอ” เดคก้าตอบโดยไม่ลังเล
“ข้าไม่เชื่อใจหัวหน้าเจ้า มีวิธีฆ่าเขาไหม ?” ประโยคต่อมาของซาลีนทำให้เดคก้ารู้สึกกลัว
“ซาลีน นั่นมันไม่มีทาง มันมีพวกเขามากกว่ายี่สิบคนเลยนะ” เดคก้ารีบตอบ
“ครั้งที่แล้วที่เจ้าพูดถึงที่กบดาน ข้ากลับไปตรวจสอบในหนังสือแล้ว รู้ว่ามันเคยใช้เป็นที่ฝึกซ้อม ข้ากำลังคิดว่าหากเจ้าต้องกลับไปทุกสัปดาห์แล้วล่ะก็ ข้ามียาพิษที่จะสังหารได้เพียงสัมผัส ข้าจะให้เวลาเจ้าคิดเจ็ดวัน ถ้าเจ้าจะทำมัน เจ้าจะได้เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรของเมืองซีลอน”
ซาลีนหยิบกระเป๋าหนังใบใหญ่และจากไปทั้งรอยยิ้ม
เดคก้าจะปฏิเสธเขาไหมนะ ? ถ้าเขาปฏิเสธเขาจะต้องไปรายงานกับหัวหน้าในสิ่งที่ซาลีนพูด และเขาจะต้องเจอกับความโกรธเกรี้ยวของจอมเวทย์
เดคก้าไม่กล้าที่จะปฏิเสธซาลีน หนึ่งเดือนจากนั้นทหารคุ้มกันเมืองได้พบศพในที่กบดานทั้งหมด 24 ศพ และทั้งหมดตายด้วยพิษร้ายแรง
นี่เป็นครั้งแรกที่ซาลีนนั้นฆ่าคน – แม้จะไม่ได้ฆ่าด้วยมือตัวเอง แต่เป็นพิษที่เขาปรุง
สูตรยาสายใยเวทย์ปลอมนั้นใช้ได้ดี และมันทำให้เป้าหมายตายทันที ซาลีนแอบกลัวและเตือนตัวเองถึงการที่จะใช้วิธีนี้อีกในอนาคต เพราะหากเขาประมาทจะทำให้เขาถึงกับความตาย
หลังจากจัดการกับพวกโจรต่างถิ่นแล้วเดคก้าได้รวบรวมกลุ่มโจรอายุน้อยอย่างรวดเร็ว และมีการซื้อขายยาเวทย์กับซาลีน รายได้ของซาลีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในหนึ่งปีเขาจะได้ทั้งหมดสามพันเหรียญทอง
มันไม่มีตลาดใหญ่ๆ ในเมืองซีลอน เดคก้านั้นฉลาดที่จะปรับการซื้อขายยากับซาลีนเพื่อให้กับกลุ่มโจร นอกจากที่เขาใช้แล้วแล้วเขายังขายมันให้กับต่างแดน เขาใช้เวลาครึ่งปีในการสร้างช่องทางการขายที่มั่นคง กลุ่มโจรอื่นทั้งหมดนั้นรู้ว่ามันมียาวิเศษขายในเมืองซีลอน เดคก้าก็มีรายได้เพิ่มนิดหน่อยจากส่วนนี้
หลักจากสะสมเหรียญทองมากกว่าห้าพันเหรียญทอง ความสามารถในการทำยาของซาลีนนั้นก็พุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด เขาขึ้นไปฝึกจอมเวทย์ฝึกหัดระดับ 3 และปล่อยเวทย์ระดับ 0 ห้าอย่างได้แบบต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเขาก็ใช้เวทย์ระดับ 0 ได้เจ็ดแบบ คือ เวทย์การอ่าน ตรวจพิษ ยิงกรด จุดไฟ ผสมธาตุ เวทย์เตือน และการตรวจสอบเวทย์
หลังจากที่สุขภาพแข็งแรงขึ้นแล้วร่างกายของซาลีนยังแข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าเขาจะดูผอมและอ่อนแอ แต่เขาสามารถเดินอย่างรวดเร็วในขณะที่แบกกระเป๋าหนังหนักหนึ่งร้อยกิโลกรัมได้ เขาต้องไปซื้อของในเมืองทุกสัปดาห์และเจสันก็ให้กระเป๋าหนังเขาเพิ่ม
แผนการของเขาได้เข้าสู่ช่วงสุดท้ายทีละเล็กละน้อย ซาลีนรวบรวมวัตถุดิบทำยาเวทย์สามชุด เพราะความฉลาดในการทำธุรกิจที่ได้รับมาทำให้เขาไม่ใช้เงินของเขาทั้งหมด เผื่อเขาอาจจะทำยาสำเร็จได้ในครั้งแรกๆ
สภาพอากาศในเดือนมิถุนายนนั้นร้อนอบอ้าน ซาลีนที่อายุสิบห้าปีและตัดสินใจเริ่มทำยาเวทย์ เขารู้สึกว่ามันไม่ง่าย เขาถึงกับอยากคุกเข่าเพื่ออฐิษฐาน แต่เขาก็ไม่ได้มีความเชื่อแบบนั้น
แม้ที่จริงแล้วนักบวชในสันตะสำนักกล่าวว่าผู้ที่ศรัทธาจะได้รับการเข้าข้างจากพระเจ้า แต่ซาลีนก็ไม่เชื่อในสิ่งนั้นแม้แต่น้อย มันคงจะง่ายกว่าถ้าทำให้คนในแคว้นฉินละทิ้งความภูมิใจกว่าที่จะมาทำใหคนในซิกคินย่าเป็นสาวก
ซาลีนดึงกล่องจากใต้เตียงและหาตราประจำตระกูลของแต่ สิ่งที่พ่อของเขาทิ้งไว้นั้นถูกขายทั้งหมด นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขายังเก็บมันไว้
ตราสีดำรูปโล่ขนาดพอดีมือนั้นหนาและหนัก รูปแบบสัญลักษณ์เวทมนตร์สีเขียวเข้มแสดงให้เห็นว่ามันถูกออกแบบพิเศษจากจอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ ใครก็ตามที่กล้าทำตราแบบนี้นั้นหมายถึงการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของจอมเวทย์
ซาลีนเข้าใจความสำคัญถึงความหมายของมันเมื่อได้พบกับเจสัน
ตราประจำตระกูลของเขานั้นหนาเท่ากับนิ้วหัวแม่มือ มีลายสายฟ้าลึกลงตรงกลาง รอยลึกรูปสายฟ้านี้ทำให้รูปลักษณ์เวทย์นั้นมีตำหนิ ซาลีนจึงไม่สามารถบอกได้ว่าจอมเวทย์แบบไหนที่สร้างตราประจำตระกูลของเขา
จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำงานให้กับตระกูลเมตาทริน ช่างเป็นเกียรติยิ่งนัก !
“ท่านพ่อ โปรดอวยพรให้ข้าเป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งด้วยเถิด”
ซาลีนสัมผัสตราประจำตระกูลและรู้สึกถึงรูปแบบไม่สม่ำเสมอที่ซ่อนอยู่บนผิว มันยังมีรูปลักษณ์เวทย์อีกชุดที่ถูกทำลายโดยรอยตำหนิรูปสายฟ้าในตรงกลาง
แกร๊ก !
ซาลีนเห็นแสงสีน้ำเงินส่องสว่างอยู่ในรอยบากรูปสายฟ้า เขาขยี้ตาและสีน้ำเงินนั้นก็ค่อยๆ หายไป
นั่นมันอะไร ? ตราประทับเวทย์งั้นหรือ ? ครอบครัวของเขาตกต่ำขนาดนี้แล้ว ถ้ามันเป็นตราประทับเวทย์ มันคงจะต้องหายไปนานแล้ว
ซาลีนเป็นกังวลอะไรบางอย่าง ยิ่งเขาอ่านหนังสือมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเข้าใจถึงความกว้างขวางของเวทมนตร์มากขึ้น ในโลกที่แสนอันตรายนี้ ความประมาทของคนคนหนึ่งนั้นอาจจะต้องทำให้เขาถูกเอาคืนอย่างสาสม
ซาลีนใช้ตรวจสอบเวทย์ที่ตราประจำตระกูล
แสงจางๆ ที่ตราในมือของซาลีน นั้นดูเหมือนจะไม่ได้ผล ซาลีนตกใจมาก เวทย์ตรวจจับของเขาถูกรบกวนราวกับคนที่กำลังจะโดดจากหน้าผาและถูกคว้าขาไว้
สิ่งที่เกิดขึ้นมันนานไม่ถึงหนึ่งเฟรม ถ้าเขาไม่ได้เรียนหลักการของเวทย์ที่เกิดทันทีเขาคงจะไม่ได้สังเกตถึงพลังจิตและไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นมื่อครู่
จากนั้นแสงเวทมนตร์ที่ห่อหุ้มตราประจำตระกูลนั้นก็ถูกดูดเข้าไปในตราในเวลาอันสั้น พลังของธาตุนั้นเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งในรอยรูปสายฟ้า พลังธาตุของเวทย์ระดับ 0 นั้นไม่เพียงพอกับการดูดกลืนของมัน ซาลีนรู้สึกว่ามือที่ถือตรานั้นเย็นราวกับน้ำแข็งเหมือนกับพลังธาตุของเขา พลังจิตและเลือดเนื้อราวกับถูกสูบออกไป
ความว่างเปล่า ร่างกายของซาลีนนั้นเหมือนกลายเป็นสิ่งว่างเปล่าในทันที ดวงตาของเขานั้นมืดบอดลง ชีวิตดับลง และหัวใจหยุดเต้น
ซาลีนรู้สึกว่าตัวเองถูกดูดเข้าไปในความมืดมิด มันมีแต่ความว่างเปล่ารอบกายเขา ไม่มีสี ไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น มันมีอะไรเลย ความทรงจำของเขาตั้งแต่เกิดจนถึงอายุสิบห้าปีนั้นก็ดูเหมือนจะเลือนรางหายไป
นี่คือความตาย ? นี่คือสิ่งที่ซาลีนคิดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย
ร่างกายของซาลีนล้มลงบนพื้น แสงสีน้ำเงินส่องสว่างอีกครั้งในรอยสายฟ้าที่ตราในมือเขา สายฟ้าที่ตรวจสอบไม่ได้นั้นไม่ได้ผ่านไปทางร่างกายของซาลีน แต่เข้าตรงไปในจิตใจของเขา
หัวใจของเขาหยุดเต้น แต่ในขณะนั้นเองมันก็เต้นอย่างรุนแรง เลือดของเขาไหลพุ่งพล่านไปทั่วร่าง
ตู้ม! ตู้ม ! ตู้ม!
ร่างกายของซาลีนกลับมาและฟื้นตัว ความว่างเปล่ารอบๆ เขาหายไป ร่างของเขาลอยขึ้นมาจากพื้นเกือบจะชนกับเพดานและตกลงมาอย่างแรง
มันทำให้เลือดไหลออกมาจากปากและจมูก เลือดนั้นเป็นสีม่วงและมีลิ่มเลือด ซาลีนไม่สามารถอธิบายความเจ็บปวดของเขาได้ เมื่อร่ายกายของเขาฟื้นฟู ความรู้สึกด้านลบทั้งหมดก็เข้ามาในร่างกายของเขา อ่อนแอ เจ็บปวด หนาวไปถึงกระดูก ร้อนเป็นไฟ...
ความรู้สึกที่น่ากลัวนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นอกจากตอนที่ลอยขึ้นในครั้งแรก ตอนนี้ซาลีนไม่มีแรงแม้จะกระดิกนิ้ว เขาหลับตาลงแน่นและจิตใจของเขาเกือบจะแตกสลาย