px

เรื่อง : Badge in Azure
BIA.7 - หลักการของจอมเวทย์(2)


ขอบคุณครับ ท่านอาจารย์ซาลีนพูดด้วยความดีใจ เขานำกระเป๋าเงินกลับมาที่ห้องและใส่ทั้งกระเป๋าและตั๋วเงินลงในกล่องที่เต็มไปด้วยรายการหนี้สิน เอกสาร และตราประจำตระกูล ซาลีนพยายามเก็บเงินใส่กล่อง แต่รู้สึกว่ามันยังไม่ดีพอ เลยนำมันออกมาเพราะไม่แน่ใจว่าจะเอามันไว้ที่ไหน

 

หลังจากลังเลอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซาลีนรู้สึกว่ามันไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ โจรที่ไหนล่ะจะกล้าเข้ามาในบ้านที่มีเจสัน?

 

นึกถึงตอนที่อาจารย์ปล่อยเวทมนตร์ใส่ทหาร อาจารย์ของเขาไม่แม้แต่จะร่ายเวทย์ ซาลีนรู้สึกตื่นเต้นมาก ถ้าเขาทำแบบนั้นได้บ้าง ก็จะไม่มีใครกล้ามาทำร้ายเขาอีก!

 

หลักการของโลกใบนี้ก็คือเวทมนตร์ บรรดาผู้ที่มีความสามารถในการใช้เวทมนตร์นั้นอยู่เหนือกฎเกณฑ์ใดๆ

 

เมื่อคิดแบบนี้แล้ว ซาลีนไม่อาจนั่งอยู่เฉยๆ ได้อีกต่อไป เขาวางเงินไว้บนหัวนอนและไปในห้องที่มีหนังสือเวทย์

 

มองไปที่ชั้นหนังสือในห้อง ซาลีนนั้นทนรอไม่ไหวและต้องการจะอ่านมันทุกเล่มที่มี เขาเดินไปข้างหลังและยืนอยู่หน้าชั้นหนังสือเวทย์ระดับ 0

 

ชั้นสำหรับเวทย์ระดับ 0 นั้นใหญ่ที่สุด แต่มีจำนวนเวทมนตร์ไม่มากนัก จำนวนเวทมนตร์ที่มีน้อยกว่าเวทย์ระดับ 1 ถึงอย่างนั้นมันก็มีหนังสือสี่เล่มที่หน้าปกเขียนว่าหลักการของเวทมนตร์ระดับ 0ซึ่งแต่ละเล่มนั้นหนามาก

 

ซาลีนหยิบหนังสือมาหนึ่งเล่มและนั่งบนพื้นพิงกับชั้นหนังสือ จากนั้นเขาก็เริ่มอ่าน

 

เวทมนตร์การอ่าน, เวทมนตร์ส่องสว่าง, เวทมนตร์เผาไหม้, เวทมนตร์ตรวจจับ, การตรวจหาสารพิษ, เกราะล่องหน ...

 

พออ่านไปเรื่อยๆ ซาลีนรู้สึกเริ่มกลัว เขาตระหนักว่าถ้าไม่มีความรู้ด้านทฤษฎี เขาก็ไม่รู้ว่าควรเรียนรู้เวทมนตร์อะไร ขณะที่เขาพิงอยู่กับชั้นหนังสือก็รู้สึกเคว้งคว้าง แม้คนที่อยากจะเพิ่มความแข็งแกร่ง ก็ไม่อาจทำเกินตัวได้ อาจารย์บอกเขาให้เรียนรู้ตามลำดับ ถ้าเขาข้ามพื้นฐานไป ในอนาคตมันจะเป็นปัญหาได้

 

ซาลีนจึงวางหนังสือ หลักการของเวทมนตร์ระดับ 0ไว้ที่เดิมด้วยความคิดนี้ และกลับไปเริ่มต้นใหม่จากจุดเดิม คือการรวบรวมความรู้พื้นฐานของเวทมนตร์อย่างเป็นระบบ

 

เวทมนตร์นั้นแบ่งออกเป็น 6 ประเภท แต่ในทางปฏิบัติ เมื่อเรียนรู้เวทมนตร์คนส่วนใหญ่จะเรียนรู้วิธีใช้ของมัน เวทมนตร์ 6 ประเภทนั้นประกอบไปด้วย โจมตี ป้องกัน รักษา เคมี ยา และอื่นๆ ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาจาก 6 ประเภทก็คือเวทย์อัญเชิญ ที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก จุดกำเนิดของมันไม่ได้มาจากหมื่นปีก่อน แต่เพิ่งเกิดเมื่อห้าพันปีที่แล้ว การใช้เวทมนตร์แต่ละครั้งจะมี 3 ขั้นตอน – การเตรียม การสำเร็จ และการปล่อย

 

ในขั้นการเตรียมนั้นหมายถึงการร่ายคาถาและใช้ท่ามือ การรวมธาตุ และสะท้อนเวทมนตร์ออกมา ทุกอย่างต้องใช้พลังจิตในการควบคุม หากฝึกมากพอ จอมเวทย์จะเตรียมเวทย์ได้เร็วขึ้นโดยการร่ายคาถาในใจและไม่ใช้ท่ามือ

 

ในขั้นการสำเร็จหมายถึงเวทย์ที่ร่ายมาแล้วและพร้อมที่จะใช้งาน ในขั้นนี้นั้นรอได้  จอมเวทย์อาจจะเตรียมเวทย์ที่พร้อมปล่อยไว้ก่อน และร่ายเวทย์ถัดไปเพื่อการโจมตีที่รุนแรง อย่างเช่นหลังจากที่จอมเวทย์ร่ายบอลไฟ เขาอาจจะเลือกที่จะไม่ใช้งานมันก่อน ขณะที่ร่ายบอลไฟอีกอัน หลังจากที่บอลไฟทั้ง 2 อันพร้อมแล้ว เขาก็ปล่อยมันออกมาพร้อมกัน ความสามารถนี้เรียกว่าดับเบิ้ลรีลีส ซึ่งเป็นวิธีปกติที่จอมเวทย์ใช้กันเพื่อทำให้การโจมตีรุนแรงขึ้น

 

ในทำนองเดียวกัน ดับเบิ้ลรีลีสนั้นต้องการพลังจิตที่แข็งแกร่ง ถ้าควบคุมได้ไม่ดี มันอาจจะเกิดอันตรายกับจอมเวทย์ที่ใช้ได้หากธาตุนั้นเรียงอย่างไม่ถูกต้อง

 

ในขั้นการปล่อยนั้นไม่ใช่แค่การใช้งานเวทย์ มันยังรวมถึงการเล็งเป้าหมาย การตัดธาตุในตอนท้าย และการควบคุมเวลา

 

สามขั้นตอนนี้ต่างใช้พลังจิตใจการดำเนินการ การเล็งเป้านั้นเป็นความสามารถพื้นฐาน หากไม่มีความสามารถในการติดตามเป้าหมาย จอมเวทย์คงไม่ต่างไปจากพลธนู การตัดธาตุในตอนท้ายนั้นเป็นกุญแจในการเพิ่มระยะเวลาการใช้เวทมนตร์ หากไม่ทำมัน ภาระการใช้พลังนั้นจะสูงเกินไป ด้วยการควบคุมที่ไม่ดี จอมเวทย์ระดับ 1 นั้นจะร่ายโดยใช้เวทย์ระดับ 1 ธรรมดาสองครั้งแทนที่จะเป็น 12

 

การควบคุมเวลาหมายถึงการควบคุมอย่างต่อเนื่องซึ่งเกิดขึ้นขณะที่เวทมนตร์ได้รับการปล่อยตัวออกมาซึ่งทำให้เวทมนตร์สามารถปลดปล่อยได้อย่างสมบูรณ์ในเวลาที่เหมาะสมที่สุด ทักษะนี้เป็นที่รู้กันว่าเป็นการกระทำในระดับ 2 จอมเวทย์ที่เก่งๆ นั้นสามารถใช้การควบคุมระดับ 2 เพื่อการควบคุมทิศทางของการสู้รบ ในทำนองเดียวกันการกระทำระดับ 2 ก็ใช้ในการทำคัมภีร์เวทย์และการเล่นแร่แปรธาตุ

 

สามขั้นตอนนี้นั้น คนที่ตั้งใจจะเป็นจอมเวทย์จะต้องทำให้ได้

 

ซาลีนยังเข้าใจอีกว่าองค์ประกอบของพื้นฐานแต่ละเวทมนตร์นั้นไม่เหมือนกัน

 

มันประกอบด้วย 3 ตัวแปรคือ เวลาที่ใช้  ระยะทาง  และหน่วยพลังงาน เวลาที่ใช้ของเวทมนตร์นั้นไม่ได้วัดที่ระดับวินาที แต่เป็นเฟรม ซึ่งแต่ละเฟรมนั้นจะมีค่าเท่ากับหนึ่งส่วนหกสิบวินาที

 

เวทมนตร์ที่ใช้ทันทีนั้นไม่ใช่สำเร็จในความเร็วที่ศูนย์เฟรม แต่เป็นสองเฟรม ทั้งๆ ที่ใช้คำว่าเป็นเวทย์ที่ใช้ได้ทันที แต่ต้องใช้เวลาสองเฟรมในการร่ายถึงสามขั้นตอน – เตรียมเวทย์ สำเร็จ และปลดปล่อย – ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่สองส่วนหกสิบวินาที ไม่ว่าจอมเวทย์จะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็ต้องใช้เวลาเท่ากัน

 

ส่วนเหตุที่ทำให้เห็นว่าเวทย์ที่ใช้ทันทีนั้นไม่ได้ใช้เวลาร่ายก็เพราะว่าจอมเวทย์นั้นเก็บเวทมนตร์ที่ร่ายเสร็จแล้วเอาไว้ และปล่อยมันออกมาในทันทีที่ร่ายเวทย์ที่สองสำเร็จ จอมเวทย์ต้องมีพลังจิตที่ยืดหยุ่นจึงจะทำได้

 

ทักษะดังกล่าวต้องใช้การควบคุมระดับสูง ซึ่งอันตรายมาก

 

ซาลีนอ่านและตระหนักว่าเขานั้นโง่เง่าเพียงใดที่คิดว่าเวทมนตร์นั้นเป็นเพียงแค่การโจมตีที่ทรงพลัง เขาไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่าพื้นฐานองค์ความรู้ของเวทมนตร์นั้นมันสลับซับซ้อนเพียงใด ถ้าเขาไม่พยายามที่จะเรียนรู้มันให้ดี การเติบโตในอนาคตของเขาจะเป็นปัญหา

 

หากปราศจากความรู้พื้นฐาน ความสามารถของจอมเวทย์จะถูกจำกัด และจะประเมินความสามารถของจอมเวทย์คนอื่นไม่ได้อีกด้วย

 

หนึ่งคือจะระบุไม่ได้ว่าค่าของเวลาที่ใช้งานนั้นควรจะเป็นที่จุดสูงสุดหรือต่ำสุด การเปลี่ยนแปลงระหว่างระยะทางกับความรุนแรง ความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยพลังกับการตัดธาตุ และ อื่นๆ....

 

จอมเวทย์ที่มีประสบการณ์จะคำนวณได้ในทันทีเพื่อระบุว่าเวทมนตร์จะออกมาเป็นแบบใด โดยไม่ต้องพึ่งโชค

 

ใช่แล้ว การควบคุม! พลังของเวทย์นั้นขึ้นอยู่กับการควบคุม!

 

ซาลีนอดทนอ่านและเริ่มได้รับความรู้ทางการคำนวณ อย่างเช่นการคำนวณสูตรเวทมนตร์ ความรู้ในการคำนวนนี้มีความสำคัญอย่างมากในการจัดเรียงเวทมนตร์

 

เวลาสามเดือนได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซาลีนเลี่ยงที่จะกินอาหารและผ่อนคลายตัวเอง เขาไม่ได้ออกมาจากห้องเท่าใดนัก เมื่อเขาออกมา เขาจะรู้สึกหดหู่ สติปัญญาและความแข็งแกร่งทางจิตของเขานั้นดีเยี่ยม แต่ความสัมพันธ์กับธาตุนั้นยังขาดอยู่ ถ้าความสัมพันธ์กับธาตุของเขานั้นเป็นเหมือนคนทั่วไปมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาเป็นจอมเวทย์ที่เจิดจรัส

 

เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์กับธาตุนั้นทำให้เขาไร้ค่า มันทำให้ยากมากที่เขาจะก่อบทเวทย์ หากไม่มีบทเวทย์ ทั้งหมดก็เป็นเพียงวิมานบนอากาศ

 

ผ่านไปหนึ่งปี ซาลีนไปถึงแค่ผู้ฝึกระดับ 1 ทั่วไป ที่มีความสามารถของผู้ฝึกระดับ 2 เขาเรียนรู้เวทย์ระดับ 0 ไป 5 ชนิด คือเวทย์การอ่าน เวทย์ตรวจสารพิษ เวทย์เรียกน้ำกรด เวทย์จุดไฟ และการผสมธาตุ  ซาลีนทำสมาธิได้เป็นอย่างดีและด้วยการทำสมาธิ เขาจะสามารถฟื้นฟูพลังธาตุได้อย่างรวดเร็ว

 

สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าธาตุในทางเวทมนตร์ที่อยู่ในตัวซาลีนนั้นมีน้อยมาก แม้ว่าจะฟื้นฟูร่างกายโดยไม่ทำอะไรเลย เขาก็ต้องใช้เวลาสิบนาทีในการฟื้นฟู

 

การใช้เวทย์สามชนิดของระดับ 0 ได้จะมีประโยชน์อะไรล่ะ? มันทำอะไรไม่ได้ด้วยเวทย์พวกนี้เลย แทนที่จะให้เขาใช้เวทมนตร์ขณะต่อสู้ ให้เขาใช้มีดแทนยังจะพอทำอะไรได้มากกว่า อย่างน้อยที่สุดหลังจากที่เขาได้รับการดูแล ร่างกายของเขาก็แข็งแรงขึ้น แม้ว่าเขาจะดูผอมและอ่อนแอก็ตาม

 

ก่อนที่เสบียงอาหารที่ถูกนำมาส่งโดยนักดาบผมแดงจะหมด ซาลีนต้องกลับเข้าไปในเมืองอีกครั้ง ตอนนี้เขาไม่ได้มีความคิดบ้าๆ เหมือนในครึ่งปีก่อนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือตัดผมทรงเท่ๆ และรถม้าดีๆ อีกแล้ว  ของพวกนี้มันดูโง่เง่าไปหน่อยสำหรับจอมเวทย์เพราะมีเพียงความรู้เท่านั้นที่จอมเวทย์ฝันหา

 

สวมผ้าคลุมตลกๆกับรองเท้าสีดำที่เจสันซื้อให้เขา ซาลีนลาเจสันก่อนที่จะออกมาจากบ้าน เจสันให้กระเป๋าเขามาสองใบที่เต็มไปด้วยเหรียญทอง และรายการของที่จะต้องซื้อ การทดลองของจอมเวทย์นั้นต้องใช้วัตถุดิบชั้นต่ำปริมาณมหาศาล และห้องทดลองของเจสันนั้นดำเนินการต่อเนื่องมาโดยตลอด ทำให้วัตถุดิบพื้นฐานของเขาเกือบจะหมดภายในหนึ่งปี

 

เมืองซีลอนเคยเป็นเมืองท่าที่มีสินค้ามากมายจากสถานที่ต่างๆ ข้ามน้ำข้ามทะเลโดยใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเจสันถึงเลือกที่นี่ เพราะถึงจะห่างไกลแต่ก็ยังสามารถซื้อสิ่งของที่จำเป็นได้ เมื่อเข้ามาในเมือง เมืองที่ทรุดโทรมนี้ดูต่างไปจากเดิมในสายตาของซาลีน เมื่อสังเกตเห็นซาลีนเหล่าทหารที่เฝ้ายามประตูก็รีบยืนตรงขึ้นมา

 

พวกทหารที่ประตูเมืองนั้นเป็นคนของลอร์ดที่ไม่เกี่ยวกับส่วนป้องกันเมืองที่เคยจับซาลีน

 

ทหารสองนายที่ดูเหมือนถูกผสมจากความขี้เกียจ อิจฉา และกลัว รีบยิ้มเพื่อประจบซาลีน

 

ท่านเมตาทริน อรุณสวัสดิ์ครับ

 

ท่านเมตาทริน? ถ้าเป็นครึ่งปีที่แล้วเขาคงดีใจ แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นนั้นทำให้เขาเติบโตและเข้าใจได้ว่าพวกคนเหล่านี้นั้นเกรงกลัวต่ออาจารย์ของเขา จอมเวทย์ระดับ 5 ที่ระเบิดศีรษะพวกเขาได้

 

ซาลีนเดินตามแสงอาทิตย์ที่ส่องสว่างและเดินตามถนนเพื่อไปยังท่าเรือ มันเป็นทางยาวที่ข้างหน้าท่าเรือ มีร้านค้าต่างๆ ทอดยาวออกไป ร้านอุปกรณ์เพียงแห่งเดียวของเมืองนั้นตั้งอยู่ที่นี่ เมื่อซาลีนเข้ามาในร้านเขาก็เกือบชนเข้ากับเด็กหนุ่ม

 

เด็กหนุ่มนั้นมีอายุพอๆ กับซาลีน เขาดูตกใจและเกือบจะล้มแต่ทรงตัวได้ทัน แม้ว่าซาลีนจะเป็นแค่จอมเวทย์ฝึกหัด แต่พลังจิตของเขาก็เทียบได้กับจอมเวทย์จริงๆ เขารู้ดีว่ามือของเด็กคนนี้กำลังสัมผัสกระเป๋าเงินของเขา

 

มันเป็นมือที่ใช้ได้อย่างระมัดระวัง ซาลีนรู้สึกขบขัน นี่คงจะเป็นปีไม่ดีของเขาที่ทำให้เจอกับโจรทันทีที่ออกมาจากบ้าน

 

เขาค่อยๆ จับมือและร่ายไฟใส่มือของเด็กคนนั้น เด็กหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดทันทีที่หลังมือของเขา ทันทีที่เขาถูกไฟลวก เขาก็ตกตะลึงและตะโกนออกมาทันที

 

นั่นนายใช่ไหม ซาลีน?”

 

รีวิวผู้อ่าน